วันที่ 16 ก.ค. 68 นาย บุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังพูดคุย พระปวรเมธี หรือ เจ้าคุณประสิทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เย็นวานนี้ มีมติให้พักตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส และรองเจ้าคณะภาค 15 ขณะนี้เป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดาก่อน จนกว่าการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการที่เจ้าคณะใหญ่แต่งตั้งขึ้นจะแล้วเสร็จ
ส่วนพระปวรเมธีตอนนี้ยังไม่ลาสิกขา ยังสามารถติดต่อได้อยู่ แต่ไปจำพรรษาอยู่อีกที่หนึ่ง ไม่ได้บอกว่าไปที่ไหน ซึ่งยินดีที่จะให้ติดต่อ เพื่อสอบถามข้อมูลอยู่ตลอด และยินดีรับมติของคณะกรรมการฯ ที่เจ้าคณะใหญ่ได้แต่งตั้งขึ้น และส่วนตัวของพระปวรเมธีมีความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินของวัด มีเพียงแชตที่พูดคุยกับสีกากอล์ฟ
และนอกจากการกระทำดังกล่าวแม้จะอยู่ในอาบัติสังฆาทิเสส ตามหลักการหมายความว่าท่านไม่ใช่พระภิกษุหนุ่มธรรมดาแต่ดำรงตำแหน่งพระสังฆาธิการระดับสูง เป็นถึงรองเจ้าคณะภาคและผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ พระอารามหลวง กรณีมีข้อความแชตในลักษณะฟีลแฟน พระผู้ใหญ่ก็ได้ตำหนิว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมกับพระหนุ่มเณรน้อย แม้จะเป็นอาบัติสังฆาทิเสสก็ตาม โดยหลังจากนี้พระเถระผู้ใหญ่จะนำประเด็นจริยาพระสังฆาธิการหรือหลักปฏิบัติที่คล้ายวินัยของข้าราชการมาพิจารณาเพิ่มเติม
ส่วนพระปวรเมธีมีสิทธิ์ที่จะถูกถอดจากทุกตำแหน่งหรือไม่เพื่อเป็นการลงโทษ นายบุญเชิดระบุว่าอยู่ที่คณะกรรมการฯ ว่าจะลงโทษแบบไหน แต่ตอนนี้สมณศักดิ์เดิมยังคงอยู่ ยกเว้นแต่ว่าหากมีข้อหาที่ ประพฤติร้ายแรงก็จะใช้มติมหาเถระสมาคม แต่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง หากมีหลักฐานอะไรที่มากกว่านี้ก็ว่าไปตามพยานหลักฐาน
ส่วนหลักฐานแชตที่ปรากฎออกมาเป็นหลักฐานเพียงพอที่จะทำให้พระปวรเมธีลาสิกขาได้หรือไม่ นายบุญเชิดระบุว่าหากดูจากการพูดคุยในแชตพระปวรเมธีต้องอาบัติสังฆาทิเสส เป็นอาบัติหนักประเภทหนึ่งในพระวินัยของพระภิกษุสงฆ์ รองลงมาจากอาบัติปาราชิก ซึ่งหากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจะมีโทษถึงขั้นปาราชิก แต่หากเป็นเพียงข้อความดังกล่าวถือเป็นสังฆาทิเสสที่สามารถออกจากอาบัติดังกล่าวได้โดยการเข้าไปปริวาสกรรมหรืออยู่กรรม ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้
Advertisement