"ชูศักด์" ยัน นายกฯ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ทำหน้าที่รมว.วัฒนธรรมได้
"ชูศักด์" ยัน นายกฯ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม ได้ เพราะศาล รธน. ยังไม่ได้วินิจฉัยว่า มีความผิด แค่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
(1 ก.ค. 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทีมกฎหมายรัฐบาล กล่าวถึงการทำคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ต้องช่วยกันดู ซึ่งศาลฯ ให้ระยะเวลา 15 วัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ต้องหาเอกสารอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า จริงๆ เรามีเอกสารครบถ้วนแล้ว เพราะเตรียมเอาไว้แล้วเรียบร้อย เพียงแต่ครั้งนี้อาจจะนำมาเรียบเรียง และดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
เมื่อถามว่ากรณีที่มีการตีความไม่ตรงกัน ในเรื่องของคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และยืนยันว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า ความเห็นของนักวิชาการ หรืออดีตตุลาการบางคน มองว่า เป็นคุณสมบัติเดียวกัน กับคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี จึงมองว่า จะต้องหยุดเหมือนกัน ซึ่งตนมองว่า หากไปตีความเช่นนั้น แสดงว่า คุณวินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีมีความผิดไปแล้ว ซึ่งความจริงศาลฯ ยังมีไม่มีคำวินิจฉัย เพียงแต่รับคำร้องไว้ และให้ชี้แจง โดยที่ศาลฯ ยังไม่ได้วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติหรือไม่ เพราะฉะนั้น คุณสมบัติดังกล่าวใช้ด้วยกัน ดังนั้นก็ต้องถือว่า นายกรัฐมนตรีมีคุณสมบัติเต็มที่ ในแง่ของการทำหน้าที่การงาน ในแง่ของรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับไปตีความว่า นายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติ และมีความผิดไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่
เมื่อถามย้ำว่า ในมาตรา 160 กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ตีความว่า เป็นรัฐมนตรี ซึ่งก็หมายถึงนายกรัฐมนตรีหยุดปฎิบัติหน้าที่ ดังนั้นในส่วนของการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ต้องหยุดด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ ถามกลับว่า ศาลฯ ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นี่เป็นประเด็นที่หนึ่ง พร้อมยกตัวอย่างว่า ที่ผ่านมาก็มีการสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ในบางตำแหน่งเป็นการชั่วคราว เช่นกรณี คดีฮั้วเลือก สว. ที่ศาลสั่งให้พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งตนก็ทำหน้าที่รักษาการอยู่ ซึ่งพันตำรวจเอก ทวี ก็ยังทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอยู่ และครั้งนี้ศาลฯ ไม่ได้วินิจฉัยว่า ให้รวมตำแหน่งอื่นด้วย ซึ่งใบวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำขอของคำร้อง
เมื่อถามว่า หากมีบุคคลไปร้องเรียนทีหลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะมีความผิดด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ ถามกลับทันทีว่า "ร้องอะไร" ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า "ร้องซ้ำ" ที่นำถวายสัตย์แบบไม่ถูกขั้นตอน นายชูศักดิ์ จึงกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งตนคิดว่า ไม่มีอะไรห้าม
เมื่อถามว่า จะต้องส่งเรื่องไปสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนเข้าถวายถวายสัตย์หรือไม่ นายชูศักดิ์ หัวเราะ ก่อนถามว่า จะตอบอย่างไร และจะทันหรือไม่
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคนมองว่า ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ทำให้เรื่องคดีแพ้มาโดยตลอด ตรงนี้ได้มีการปรึกษา หรือมีการหาทีมกฎหมายเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ทำให้ นายชูศักดิ์ หันไปมองผู้สื่อข่าว ก่อนกล่าวว่า ถ้าพูดแบบนั้นก็โอเค ก็คิดกันไป แต่ตนคิดว่า เราก็ทำงานกันเต็มที่แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไปคือ ตนย้ำมาตลอดว่า กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ ต้องไปทบทวนว่า มีความเป็นธรรมมากน้อยเพียงใด เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด และเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรมเคยบอกว่าไม่มีเกณฑ์มาตรฐานที่แน่นอนว่า อะไรเป็นอะไร กลายเป็นดุลยพินิจของศาลฯ ว่า รับไว้แล้วว่า กันไปซึ่งเคยเสนอว่า ต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญตรงนี้ ดังนั้นถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ตนก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา
Advertisement
