สื่อกัมพูชา โพสต์ "คำสาปตระกูลชินวัตร ตกอยู่ที่ น.ส.แพทองธารหรือไม่?"
สำนักข่าวกัมพูชา โพสต์บทวิเคราะห์สื่อต่างชาติ "คำสาปตระกูลชินวัตร ตกอยู่ที่ น.ส.แพทองธารหรือไม่?" เผชิญกับการเรียกร้องให้ลาออก หลังดำรงตำแหน่ง 10 เดือน
วันที่ 26 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าว FRESH NEWS ของกัมพูชา ได้โพสต์บทรายงานวิเคราะห์ของนานาชาติ โดยระบุว่า “วิเคราะห์นานาชาติ : คำสาปตระกูลชินวัตร ตกอยู่ที่ น.ส.แพทองธารหรือไม่?”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พร้อมอ้างอิงทรายงานวิเคราะห์ของวอชิงตันว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ของไทย เผชิญกับการเรียกร้องให้ลาออกมากขึ้น หลังจากดำรงตำแหน่งมานานกว่า 10 เดือน จากกรณีรั่วไหลบทสนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
นอกจากนี้ เธอยังเผชิญกับการฟ้องร้องทางกฎหมายมากมายอีกด้วย นักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เพื่อขอให้มีการสอบสวนว่า น.ส.แพทองธาร ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 หรือไม่ เพื่อเริ่มดำเนินการถอดถอนเธอออกจากตำแหน่ง
ประธานกรรมาธิการการทหารและความมั่นคง วุฒิสภา ก็ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขณะที่อดีตสมาชิกวุฒิสภาอีกคนหนึ่งก็ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสอบสวนกลาง กล่าวหาว่า น.ส.แพทองธาร กระทำความผิดตามมาตรา 119-120 ของพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ผู้ที่กระทำความผิดทางอาญาต่อความมั่นคงของชาติอาจได้รับโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเพิ่งประกาศถอนตัวจากพรรคเพื่อไทยเมื่อไม่นานนี้ ได้ประกาศว่าจะยื่นคำร้องเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ในการประชุมสภาสมัยที่ 3 วันที่ 3 ก.ค.นี้ แต่ถึงแม้จะเผชิญแรงกดดัน และการเรียกร้องให้ลาออก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคเพื่อไทยรายหนึ่งก็ยืนยันว่า น.ส.แพทองธารจะไม่ลาออก นักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์การเมืองของไทยบางส่วนเชื่อว่า น.ส.แพทองธารอาจถูกปลดออกจากตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หรืออาจในอนาคตอันใกล้นี้ ยังต้องดูกันต่อไปว่าเธอจะถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยการรัฐประหารหรือโดยศาล
นักวิเคราะห์มองว่ากองทัพไทยกำลังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนชาวไทยในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนกับกัมพูชา ขณะที่รัฐบาลของ น.ส.แพทองธารกำลังจะล่มสลาย การสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับการสัมภาษณ์ร้อยละ 86 กล่าวว่าพวกเขาไว้วางใจกองทัพ เมื่อเทียบกับร้อยละ 31 ที่ไว้วางใจรัฐบาลในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกับกัมพูชา นอกจากนี้ การเกิดการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ลาออก ทำให้เกิดความสงสัยว่า กองทัพอาจเข้าแทรกแซงภายใต้ข้ออ้างฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย
“ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยอีกครั้ง” นาย ณพล จาตุศรีพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาด้านไทยจากสถาบัน SEAS-Yusof Ishak ในสิงคโปร์ เชื่อว่าตระกูลชินวัตรมีแนวทางมากมายในการแก้ไขปัญหาชายแดน แต่กลับทำผิดพลาดโดยปล่อยให้กลุ่มหัวอนุรักษ์มองว่าตนเป็นผู้ทรยศต่อชาติและขายชาติ เพื่อประโยชน์ของครอบครัวตัวเอง อันที่จริงแล้ว ผู้ภักดีต่อราชวงศ์และนักอนุรักษ์นิยมเริ่มไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธารแล้ว เนื่องจากบิดาของเธอ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเชื่อกันว่าควบคุมพรรคเพื่อไทย และอยู่เบื้องหลังของเธอ
Mark S. Cogan ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสันติภาพและการศึกษาความขัดแย้งที่ Kansai Gaidai University กล่าวว่า ข้อพิพาทชายแดนกับกัมพูชาได้เพิ่มปัญหาให้มากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลของ น.ส.แพทองธารกำลังสูญเสียความไว้วางใจจากประชาชนชาวไทยแล้ว เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการตามโครงการทางการเมืองตามที่สัญญาไว้ รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยด้วย
“การสูญเสียความเชื่อมั่นในพรรคชินวัตร ประกอบกับพรรคเพื่อไทยไม่สามารถฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ รวมไปถึงวิกฤตชายแดนกัมพูชา เปรียบเสมือนการมอบไม้ต่อให้ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะกองทัพ” ตามคำกล่าวของนายณพล
ส่วนนายเติมศักดิ์ เฉลิมพลานุภาพ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน ISEAS-ยูซอฟ อิชาค มองว่า กองทัพไม่จำเป็นต้องเข้าแทรกแซงโดยตรงเพื่อขับไล่ น.ส.แพทองธาร เนื่องจากการถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่พันธมิตรร่วมรัฐบาลรายใหญ่อื่นๆ เช่น พรรคสหชาติไทย ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมที่สนับสนุนการทหาร จะต้องถอนตัวออกจากรัฐบาลผสม
อย่างไรก็ตาม ตามที่ นายเติมศักดิ์กล่าว ดูเหมือนเร็วเกินไปที่จะเรียกร้องให้ยุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เนื่องจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเพิ่งจัดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการและพยายามแก้ไขปัญหาชายแดนก่อน” ซึ่งนายเติมศักดิ์ ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า น.ส.แพทองธารจะปฏิเสธข้อเรียกร้องให้ลาออกก็ตาม แต่การถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งอาจถูกท้าทายในศาลรัฐธรรมนูญได้ เช่นเดียวกับกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาของเธอ และนายเศรษฐา
นักวิเคราะห์มองว่าคงเป็นเรื่องยากที่ น.ส.แพทองธารจะหลุดพ้นจากเรื่องอื้อฉาวที่รายล้อมการสนทนากับสมเด็จเดโช และพรรคเพื่อไทยแทบไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องยอมปล่อย น.ส.แพทองธารเพื่อให้พรรคสามารถเป็นแกนนำรัฐบาลผสมต่อไปได้
กองทัพไทยได้ทำการรัฐประหารสำเร็จมาแล้ว 13 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือ การโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้นำในปี 2557 และการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่นำโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549
Advertisement
