วันที่ 7 ต.ค. 68 ที่สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย จัดงาน “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” เพื่อแสดงความพร้อมสู่การเลือกตั้งหลังการยุบสภา และเปิดตัวผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส. ล็อตแรกกว่า 200 คน จากทั่วประเทศ ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก โดยมีกรรมการบริหารพรรค อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค สมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนพรรคร่วมกิจกรรมมากกว่า 500 คน
น.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดเวทีว่า วันนี้เป็นครั้งแรกหลังความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ “หัวใจของคนเพื่อไทยได้มารวมพลังกันอีกครั้ง” โดยกล่าวถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกกระทำให้กลายเป็นฝ่ายค้าน, ดร.ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคต้องอยู่ในเรือนจำ และผลการเลือกตั้งซ่อมที่มีทั้งชัยชนะที่เชียงราย และความพ่ายแพ้ที่ศรีสะเกษ
“หลายคนพูดว่าพรรคเพื่อไทยถึงทางตันแล้ว ใกล้จะตาย สูญพันธุ์ ดิฉันไม่เคยเชื่อแบบนั้น เพราะถ้าจะสูญพันธุ์ พรรคนี้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว เราคือพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมที่สุด และเผชิญชะตากรรมทางการเมืองอย่างสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย”
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่าพรรคเพื่อไทยผ่านทั้งการรัฐประหาร 2 ครั้ง การยุบพรรค 2 พรรค การตัดสิทธิ์กรรมการบริหารเกือบ 200 คน และการปลดนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งถึง 6 คน โดยผู้ก่อรัฐประหารไม่ถูกดำเนินคดีในผู้ก่อตั้งพรรคถูกต้องจำ แต่ยังคงยืนหยัดได้เพราะมีประชาชนเป็นรากฐาน
“จิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เลือดที่ไหลตามอำนาจ แต่คือเลือดของประชาชนที่อยากเห็นประเทศดีขึ้น ทุกครั้งที่เลือดไหล เราจะมีเลือดใหม่เข้ามา และเราจะรวมพลังกันอีกครั้ง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทยคือพรรคแห่งโอกาส ที่จะยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบายเพื่อยกระดับชีวิตประชาชน เพิ่มโอกาสให้คนจน สร้างหลักประกันให้ผู้ประกอบการ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
“ดิฉันพร้อมสู้ และพรรคเพื่อไทยของเราจะสู้ไปด้วยกัน”
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ประเทศไทยในปัจจุบันยังต้องการ “การเมืองที่สร้างสรรค์และไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” พร้อมยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่จะปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย
“สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือพรรคการเมืองที่คิดยาว คิดไกล วางรากฐานให้อนาคตมั่นคง นี่คืออุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย และเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจัง เพื่อให้ประเทศไทยในฝันเกิดขึ้นได้จริง”
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยต้องกล้าที่จะทบทวนสิ่งที่ขาดหาย เสริมจุดแข็ง สรุปบทเรียน และเปลี่ยนแปลงจากภายใน เพื่อเตรียมพร้อมสู่สนามการเมืองที่เข้มข้นกว่าเดิม เพราะถ้าเราสามารถเปลี่ยนพรรคเพื่อไทยได้ เราก็สามารถเปลี่ยนประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน
น.ส.แพทองธาร ย้ำว่า โชคชะตาของพรรคเพื่อไทยกับประเทศไทยผูกพันกันอย่างแยกไม่ออก "ทุกครั้งที่พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นได้ ประเทศไทยก็มักจะมีพลังใหม่ที่รุ่งโรจน์ตามไปด้วย"
น.ส.แพทองธาร เปิดเผยถึงโครงสร้างพรรคใหม่ว่า เพื่อไทยจะเดินหน้าในรูปแบบที่มีเอกภาพ โปร่งใส และทันต่อสถานการณ์ทางการเมือง โดยกำหนดอำนาจการตัดสินใจที่ชัดเจน
“ดิฉันขอประกาศให้ชัดในวันนี้ว่า อำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของพรรค อยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ต่อจากนี้จะไม่มีเส้นทางลัดหรือเส้นทางอ้อมใดๆ อีกแล้ว มีแต่เส้นทางตรงที่ชัดเจน”
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า พรรคจะมี “การนำแบบรวมหมู่” ที่รวดเร็ว โปร่งใส และมีเอกภาพ โดยกระจายอำนาจสู่คณะกรรมการภาคทั้ง 5 ภูมิภาค เพื่อให้สมาชิกและเครือข่ายในแต่ละพื้นที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
น.ส.แพทองธาร เล่าต่อว่า คณะกรรมการบริหารพรรคจะได้รับคำปรึกษาจาก 2 คณะหลัก ได้แก่ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งรวมนักคิด นักวางแผนที่อยู่กับพรรคมาอย่างยาวนาน และ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมือง ที่ผ่านประสบการณ์สมรภูมิทางการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย
ทั้งนี้ โครงสร้างการทำงานใหม่ของพรรคแบ่งเป็น 4 เสาหลัก ได้แก่
1. สำนักงานกิจการสภาผู้แทนราษฎร ดูแลการประสานงานและการทำงานในสภา
2. สำนักนโยบาย ศึกษาและวิจัยนโยบาย ซึ่งเป็น DNA ดั้งเดิมของพรรคไทยรักไทย
3. สำนักเลขาธิการพรรค ดูแลการบริหารงานกลาง ประสาน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ
4. สำนักสื่อสารพรรค ดูแลยุทธศาสตร์การสื่อสารกับประชาชน
“ซึ่งโครงสร้างใหม่นี้เป็นไปเพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้าด้วยเอกภาพมากยิ่งขึ้น” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
น.ส.แพทองธาร ยังเปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้ยกเครื่องระบบรับสมัครสมาชิกและผู้ร่วมอุดมการณ์ทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ โปร่งใส และเข้าถึงง่าย เพื่อให้ทุกคนที่มีศักยภาพและแนวคิดแบบเดียวกันมีโอกาสร่วมงาน และพรรคเพื่อไทยจะเป็นพื้นที่ของคนที่เชื่อว่าประชาธิปไตยกินได้ และเชื่อว่าการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบายสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้จริง
ผู้สมัครหน้าใหม่กว่า 100 คนที่เปิดตัวในวันนี้ มาจากระบบสมัครใหม่นี้ทั้งหมด หลายคนเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ พร้อมเติบโตไปกับพรรค นอกจากนี้ พรรคยังจัดตั้งเวที YPP (Young Pheu Thai Platform) เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้ ฝึกฝน และซึมซับแนวคิดแบบพรรคก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งจริง
“เรากำลังสร้างเส้นทางใหม่ให้คนที่อยากเปลี่ยนประเทศ เส้นทางนี้เปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะมาจากจังหวัดใดหรืออาชีพใด ถ้าคุณมีอุดมการณ์ คุณมีที่ทางในพรรคนี้แน่นอน”
พรรคเพื่อไทยเตรียมเปิดเวทีใหม่ชื่อ “เวทีตาดูดาว เท้าติดดิน (Moonshot Forum)” เพื่อศึกษา วิจัย และค้นหาทางออกใหม่ของประเทศในยุคที่โลกเผชิญความผันผวนทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
“นี่ไม่ใช่แค่เวทีพูดคุยทั่วไป แต่คือการตั้งเป้าหมายใหญ่เหมือนโครงการอพอลโลที่ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ เราจะคิดให้ใหญ่ เพื่อเปลี่ยนประเทศอย่างก้าวกระโดด”
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยอีกว่า เวทีดังกล่าวจะเริ่มที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ภายในเดือนนี้ ก่อนขยายสู่ภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ประชาชนจากทุกภาคมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบายโดยตรง
พ.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า การยกเครื่องประเทศจะเริ่มจากการยกเครื่องระบบราชการ ที่ถือเป็น “รากฐานของการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง”
“เรามีข้าราชการที่เก่งและมีใจ แต่ระบบกลับไม่ปลดปล่อยศักยภาพของเขา พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนค่านิยมจาก ‘ไม่ทำก็ไม่ผิด’ ไปสู่ ‘ทำเต็มที่เพื่อประชาชน’ และทำให้ข้าราชการภูมิใจที่ได้เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง”
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังอธิบายแนวทางยกเครื่องเศรษฐกิจไทยหลายด้าน นางสาวแพทองธารกล่าวปิดท้ายว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน “ไม่ว่าจะอีก 2 เดือน หรือ 4 เดือน พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว ดิฉันแต่งตั้งคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง และตั้งกองอำนวยการเลือกตั้งเพื่อขับเคลื่อนพรรคในสนามใหญ่”
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบทั้ง สามคน และจะเปิดตัวพร้อมกันในเวลาที่เหมาะสม “มั่นใจได้เลยว่าจะถูกใจพี่น้องประชาชนทุกระดับ”
ก่อนจบการแสดงวิสัยทัศน์ น.ส.แพทองธาร กล่าวขอบคุณสมาชิกเก่า-ใหม่ที่ร่วมทาง รวมถึงผู้สนับสนุนที่มาร่วมงาน และฝากข้อความถึงผู้สมัครทุกคนว่า “นี่ไม่ใช่แค่โอกาสลงสมัคร สส. แต่คือการพิสูจน์ศักยภาพของตัวเอง เพื่อทำงานให้ประชาชน ถ้าเราต่างคนต่างทำเต็มที่ ร่วมมือกันไม่ลดละ ชัยชนะจะเป็นของพวกเรา เพื่อสร้างโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตให้กับประชาชนไทยทุกคน”
“ดิฉันขอพูดจากใจจริง ขอบคุณทุกท่านที่ยังอยู่กับเราในวันนี้ ขอบคุณที่ต่อสู้ทุกกระแสข่าว ขอบคุณคนที่อยู่มาอย่างยาวนาน และเลือกที่จะอยู่กับเราต่อไป ทุกท่านทราบว่า ที่แห่งนี้เป็นมากกว่าพรรคการเมือง ที่นี่คือบ้านของพรรคเพื่อไทย ที่นี่คือบ้านของคนเพื่อไทย และที่นี่จะไม่มีวันทิ้งกันไปไหน ขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการประกาศรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส. ไม่มีชื่อของนายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา อยู่ในรายชื่อผู้สมัครใหม่ ของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่แน่ชัดว่านายโกศลน่าจะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
Advertisement