Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ศบ.ทก. แถลงชายแดนตึงเครียดอย่างมีนัยสำคัญ ทหารเขมรล่วงล้ำไทย

ศบ.ทก. แถลงชายแดนตึงเครียดอย่างมีนัยสำคัญ ทหารเขมรล่วงล้ำไทย

23 มิ.ย. 68
19:37 น.
แชร์

ศบ.ทก. แถลง ชายแดนตึงเครียดอย่างมีนัยสำคัญ ทหารเขมรล่วงล้ำไทย ล้ำปราสาทตาควาย ลาดตระเวน ติดอาวุธ ยั่วยุ ปิดด่านฝ่ายเดียว

เมื่อเวลา 18.05 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมแถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.​) ประจำวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568

โดย นายนิกรเดช กล่าวว่า รัฐบาลยังคงยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการปิดด่าน หรือที่เรียกว่าจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งทุกด่านยังเปิดทำการปกติ แต่จะมีการจำกัดการผ่านแดนให้บุคคลที่มีเหตุจำเป็น และจำกัดวันเวลาในการเข้าออก ซึ่งเป็นการบังคับใช้มาตรการขั้นที่หนึ่ง และขั้นที่ 2จากที่มีทั้งหมด 4 ขั้น โดยที่ฝ่ายไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพิจารณาความจำเป็นในการเพิ่มความเข้มข้นของการใช้มาตรการต่างๆ โดยให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

สำหรับเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 2 ได้มีคำสั่งปรับมาตรการควบคุมจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ ซึ่งไม่ถือเป็นการปิดด่านที่เป็นจุดผ่านแดนถาวรหรือแม้แต่จุดผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งการแบ่งจุดประเภทจุดผ่านแดนแบบต่างๆ มีหลายประเภท ซึ่งจุดผ่อนปรนทางการค้าเป็นจุดในมิติทางเศรษฐกิจ ถือเป็นช่องทางที่รัฐบาลเปิดผ่อนปรนให้มีการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับท้องถิ่น และช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในด้านมนุษยธรรม

ทั้งนี้ การปรับมาตรการควบคุมที่จุดผ่อนปรนแห่งนี้ เป็นมาตรการที่หน่วยทหารในพื้นที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการ จากการประเมินภาพรวมสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ และเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดในปัจจุบัน

นายนิกรเดช กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ และการกระทำที่ผิดกฎหมาย อาทิ การหลอกลวงออนไลน์ การลักลอบขนส่งผิดผิดกฎหมาย การลักพาตัว ภายใต้นโยบาย "Seal Stop Safe" เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายอำนาจให้ในการควบคุมทุกประเภทให้แก่หน่วยทหารในพื้นที่ และเป็นการดำเนินการตลอดแนวชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยทั้งหมด

นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไทยจริงจังกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือออนไลน์สแกม ทางการไทยได้มุ่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวทางฝั่งตะวันตกของประเทศ โดยได้เป็นเจ้าภาพการประชุม 3 ฝ่ายระหว่างไทย - เมียนมา - จีน เพื่อประสานงานการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์เมื่อเดือน ก.พ.68 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ พบการกระทำผิดน้อยลง และเหยื่อจำนวนมากได้รับความช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าปัญหาออนไลน์สแกมได้เปลี่ยนพื้นที่มาเป็นฝั่งตะวันออกของประเทศมากขึ้นอย่างนัยสำคัญ

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และดำเนินการปราบปรามผู้กระทำผิด และที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) รวมทั้งผ่านการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะออนไลน์สแกม ถือเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน ซึ่งฝ่ายไทยจะได้พิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต่อไป

ส่วนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานกัมพูชา ยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะดูแลสวัสดิการของแรงงานกัมพูชาตามกฏหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขอยืนยันว่าไทยไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชาออกนอกราชอาณาจักร แต่จะให้เป็นไปตามความสมัครใจของแรงงาน หากแรงงานตัดสินใจเดินทางกลับประเทศย่อมเป็นสิทธิ และเสรีภาพของแรงงานเอง โดยทางการไทยได้เตรียมแผนรองรับสำหรับภาคเอกชนไว้แล้ว ด้วยการสำรองแรงงานจากประเทศอื่นเข้ามาทดแทน เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ขอย้ำว่าแรงงานกัมพูชายังสามารถทำงานในไทยได้ตามปกติ

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาไทยได้ปฏิบัติตามเอ็มโอยู 2543 อย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาที่ว่าฝ่ายไทยละเมิดเอ็มโอยู 2543 ตามที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ อย่างไรก็ดีหากฝ่ายใดเห็นว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิดเอ็มโอยู 2543 สามารถใช้กลไกทวิภาคีในการเจรจาแก้ปัญหาได้ เช่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย - กัมพูชา ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้าใจร่วมกัน และลดความตึงเครียดที่มีอยู่

พร้อมย้ำว่า ฝ่ายไทยยังมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อลดความตึงเครียดของสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ผ่านกลไกทวิภาคี ขณะเดียวกันจะเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินมาตรการเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบทางอ้อมต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย เพราะปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติเป็นประเด็นที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมามีการหารือแก้ไขปัญหานี้ในกรอบความร่วมมือระดับอนุภูมิภาค ดังนั้น ฝ่ายไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากัมพูชาจะยังคงให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบร่วมกันต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ

พล.ร.ต. สุรสันต์ กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาทวีความตรึงเครียดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากวิกฤตการณ์ล่าสุดของกำลังทหารกัมพูชาและการกระทำของคนบางกลุ่มในพื้นที่ชายแดน ซึ่งได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ทั้งในลักษณะการเดินลาดตระเวน ติดอาวุธ การดัดแปลงที่มั่นทางทหาร และการกระทำที่สื่อถึงความพยายามยั่วยุ โดยเฉพาะในบริเวณปราสาทตาควาย รวมถึงการปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียวโดยไม่มีการหารือล่วงหน้า

ประเทศไทยตระหนักถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ และยืนยันอย่างหนักแน่นว่าฝ่ายไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีมาโดยตลอด และมีความมุ่งมั่นที่จะคลี่คลายปัญหาทั้งหมด ด้วยกระบวนการเจรจาแบบทวิภาคี และความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันไทยยังคงมองพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาเป็นมิตรเสมอมา

"เราเข้าใจและแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมที่สร้างความตึงเครียด ในขณะนี้เป็นผลจากนโยบายหรือคำสั่งของผู้นำระดับสูงบางคน มิได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนโดยรวม"

จากสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการกระทบกระทั่งจนบานปลาย รัฐบาลไทยโดย ศบ.ทก. ได้ตัดสินใจดำเนินมาตรการควบคุม เพิ่มเติมในบางพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เพื่อให้สามารถดูแลความสงบเรียบร้อยและคุ้มครองความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที รวมทั้งป้องกันและปราบปรามกระบวนการอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน ซึ่งรวมถึงเครือข่ายหลอกลวงประชาชนผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายและยาเสพติด

พล.ร.ต. สุรสันต์กล่าวว่า รัฐบาลไทยรับทราบว่ารัฐบาลกัมพูชาได้มีการประกาศงดซื้อน้ำมันจากประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาในหลายพื้นที่ ขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้มีนโยบายห้ามขายน้ำมันให้แก่กัมพูชาแต่อย่างใด ประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ และจากบางสื่อมวลชนเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หรือนโยบายของรัฐบาลไทย

"จึงขอเรียนชี้แจงผ่านไปยังพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาด้วยว่า ความเดือดร้อนที่ท่านประสบอยู่ในขณะนี้ มิได้เกิดจากมาตรการของฝ่ายไทย แต่เป็นผลจากการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาเอง ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดูแลความปลอดภัย รวมถึงการปกป้องคุ้มครองชุมชนภายในกัมพูชา ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักไมตรี มองประชาชนกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้าน ที่มีสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความจริงใจของฝ่ายไทยจะนำไปสู่การเจรจา และการคืนความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนโดยเร็ว ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกการดำเนินการของฝ่ายไทย ซึ่งภายใต้กรอบของกฎหมาย ยึดหลักแห่งสันติ สติ และความรอบคอบ ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง แต่ยืนหยัดปกป้องศักดิ์ศรีของชาติอย่างสง่างาม"

พล.ร.ต. สุรสันต์กล่าวด้วยว่า ขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนชาวไทย ที่ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการร่วมกันรักษาความสงบ รัฐบาลยืนหยัดเคียงข้างประชาชน และจะไม่ยอมให้สถานการณ์ใดๆ บั่นทอนความมั่นคงและศักดิ์ศรีของแผ่นดินไทย

Advertisement

แชร์
ศบ.ทก. แถลงชายแดนตึงเครียดอย่างมีนัยสำคัญ ทหารเขมรล่วงล้ำไทย