วันที่ 9 มิ.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน และประชาชนผู้รักชาติ ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีที่ปล่อยให้ทหารกัมพูชาหรือเขมร รุกล้ำยึดครองอาณาเขตประเทศไทยบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี มากถึง 150-200 เมตร นานกว่า 10 วัน โดยที่ไม่ยอมสั่งการหรือใช้อำนาจตามกฎหมายในฐานะประธานและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป อันอาจเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎฎหมายอาญา และขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ที่ผ่านมา แม้ฝ่ายทหารของไทยจะพยายามเจรจาและผลักดันให้ทหารเขมรออกจากพื้นที่อาณาเขตของไทยอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม แต่ในระดับนโยบายคือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกลับเน้นแต่การแก้ไขปัญหาทั้งหมดผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ทั้งๆที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมรับและพยายามดึงปัญหาดังกล่าวไปจบกันที่ศาลโลก ที่ประเทศเราไม่ได้เป็นสมาชิก และปล่อยให้ทหารของกัมพูชายึดครองพื้นที่ ขุดทำคูเลตรุกล้ำพื้นที่ที่ช่องบกมากกว่า 150-200 เมตร มาอย่างต่อเนื่อง โดยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ออกมายอมรับว่าทหารเขมรรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยดังกล่าวจริง และยังอ้างอีกว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็น No Man’s Land ทั้งๆที่ไม่เคยมีสนธิสัญญาหรือข้อตกลงใดๆว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นNo Man’s Land
การกระทำของนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 1 ที่บัญญัติว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ และอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎฎหมายอาญามาตรา 119 ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ประกอบมาตรา 157 อีกด้วย
นอกจากนั้นการกระทำดังกล่าวยังอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงในข้อ 6 ที่กำหนดให้ต้องพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐอีกด้วย แต่ทว่าบุคคลทั้งสองกลับปล่อยให้ทหารเขมรเข้ามารุกล้ำอำนาจอธิปไตยของไทยถึงกว่า 10 วัน องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความมาร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนและเอาผิดตามครรลองของกฎหมายต่อไป
Advertisement