"คปท." บุก "กต." ร้องแสดงจุดยืน โต้เขมร ปกป้องผลประโยชน์ดินแดนไทย
"คปท." บุก "กต." เรียกร้องแสดงจุดยืน โต้เขมร ปกป้องผลประโยชน์ดินแดนไทย
9 มิ.ย. 68 กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ร่วมกับกองทัพธรรม นำมวลชนรวมตัวที่บริเวณถนนพิษณุโลก ใกล้สะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเดินเท้าไปทำกิจกรรมที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศออกมาเคลื่อนไหว หรือมีแนวทางต่อสู้ที่ชัดเจน เกี่ยวกับข้อพิพาทดินแดนระหว่างไทยและกัมพูชา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยมวลชนเริ่มรวมตัวตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา ถือธงชาติไทย และมีรถขยายเสียง 1 คัน ก่อนจะเริ่มเดินขบวนออกจากถนนพิษณุโลก ในเวลาประมาณ 9 นาฬิกา 30 นาที ใช้ช่องซ้ายสุดเกือบ 2 ช่องทาง ก่อนจะเลี้ยวซ้ายที่แยกยมราช เข้าถนนสวรรคโลก และเลี้ยวขวาที่แยกเสาวรี มุ่งหน้าไปที่กระทรวงการต่างประเทศ
ก่อนนายใจเพชร กล้าจน หรือ หมอเขียว หนึ่งในแกนนำ คปท. จะทำกิจกรรมปราศรัย เรียกร้องให้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาทำหน้าที่ เคลื่อนไหวโต้ตอบเรื่องอธิปไตยเขตแดนที่มีเรื่องพิพาท เพื่อปกป้องผลประโยชน์ในดินแดนของไทย เพราะที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในประเด็นดังกล่าวมานานกว่า 10 วันแล้ว จนเหมือนไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่อยู่ ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศควรทำหนังสือยืนยันเขตแดนอธิปไตยไทย และทักท้วงว่ากัมพูชาเป็นผู้รุกล้ำอธิปไตยอย่างเป็นทางการ รวมถึงประสานทูตกัมพูชามาตักเตือนทักท้วงประเด็นดังกล่าวให้เกิดความชัดเจน อันเป็นหน้าที่ที่กระทรวงการต่างประเทศควรกระทำ หากไม่ทำหน้าที่ ก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157
โดยนอกจากการปราศรัยแล้วได้มีการยื่นหนังสือข้อกังวลและข้อเรียกร้องต่อนายธนพ ปัญญาพัฒนากุล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนรับหนังสือ และจะส่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการต่อไป
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังชุดสืบสวน คอยสังเกตการณ์เฝ้าระวังพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย และป้องกันกลุ่มมือที่ 3 เข้ามาแฝงก่อความวุ่นวาย ขณะที่กำลังตำรวจนครบาล 1 อีกส่วนประมาณ 50 นายจะวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยที่บริเวณโดยรอบกระทรวงการต่างประเทศ และประตูหน้ากระทรวงฯ เป็นหลัก ซึ่งภาพรวมยังคงเป็นไปด้วยความสงบ
อย่างไรก็ตามในเวลา 14 นาฬิกา 30 นาที ทางกระทรวงการต่างประเทศจะแถลงข่าวสถานการณ์รายวันไทย-กัมพูชา ซึ่งก็ต้องจับตาว่ามวลชนจะยังคงปักหลักไปจนถึงช่วงเวลาดังกล่าวเลยหรือไม่
Advertisement
