วันที่ 9 มิ.ย. 68 นาย อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลขอเน้นย้ำถึงกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายมีการตรึงกำลังทหารตลอดแนวชายแดน ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยันจากทางราชการ โดยหน่วยงานทหาร ไม่มีนโยบายติดต่อประชาชนผ่านการโทรศัพท์ หรือขอให้เพิ่มบัญชีแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้กองทัพบกไม่มีการเรียกกำลังพลสำรอง" ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อความหรือบุคคลที่แอบอ้าง เพื่อหลอกลวงและเรียกรับผลประโยชน์ ขณะเดียวกันตำรวจสอบสวนกลาง ได้เตือนประชาชนเช่นกันโดยระบุว่า ขณะนี้พบมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นหน่วยงานทหาร โทรศัพท์ไปยังประชาชนโดยอ้างว่าผู้รับสายมีรายชื่ออยู่ในกำลังพลสำรอง ขอให้ติดต่อหน่วยงานต้นสังกัด และหากไม่ประสงค์เข้าร่วมสามารถลงทะเบียนยกเว้นได้ โดยให้เพิ่มบัญชีไลน์เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ โดยมิจฉาชีพเมื่อโทรมาจะบอกชื่อ เลขบัตรประชาชนและข้อมูลส่วนตัว ทำให้เหยื่อหลงเชื่อคิดว่าเป็นหน่วยงานทหาร เมื่อเข้าไปพูดคุยในไลน์มิจฉาชีพก็จะให้กรอกข้อมูลต่างๆ หลอกล่อ กดดันให้เหยื่อกลัว จนนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สิน และข้อมูลสำคัญ
ซึ่งกำลังพลสำรอง หรือทหารกองหนุน คือผู้ที่เคยผ่านการเป็นทหารแล้ว แต่ปลดประจำการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ มี 2 ประเภท คือ 1) ผู้ที่สำเร็จการฝึกวิชาทหาร (ร.ด.) ตั้งแต่ชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป และขึ้นทะเบียนกองประจำการจนปลดเป็นทหารกองหนุน 2) ผู้ที่ปลดจากกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) เมื่อครบกำหนดตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
สำหรับการดำเนินการเรียกกำลังพลสำรอง มีขั้นตอน ดังนี้
1.มณฑลทหารบก แจ้งไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัด ของพื้นที่ที่กำลังพลสำรองมีภูมิลำเนาอยู่
2.ออกหมายเรียกพล (ตพ.15) ส่งถึงผู้ถูกเรียก เพื่อปฏิบัติตามหมาย
3.ผู้ถูกเรียกต้องไปรายงานตัวตามสถานที่และเวลาที่กำหนด
“ขอให้ประชาชนรับฟังและติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐเท่านั้น และงดเผยแพร่หรือแชร์ข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ป้องกันความสับสนที่อาจสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ ทั้งนี้สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา จากหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลและสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง” นายอนุกูล กล่าวย้ำ
Advertisement