วันที่ 10 พ.ค. 68 น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการ “เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า” ว่า รัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ส่งเสียงสะท้อนในเชิงบวก ต่อการดำเนินนโยบายด้านพลังงาน โดยเฉพาะมาตรการลดค่าไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ภายใต้การนำของนาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ซึ่งได้รับมอบหมายจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เร่งรัดการดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยได้ประกาศให้ปี 2568 เป็น “ปีแห่งการลดค่าไฟฟ้า” โดยมีการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อปี 66 ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย, ปี 2567 ทั้งปี ค่าไฟอยู่ที่ 4.17 บาทต่อหน่วย, ต้นปี 68 ลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย ล่าสุด ระหว่างเดือนพ.ค.– สิงหาคม 2568 อยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติให้ค่าไฟฟ้าในช่วงปลายปี 2568 ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย ถือเป็นการยืนยันว่าอัตราค่าไฟฟ้าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี
รองโฆษกฯ ย้ำว่า มาตรการลดค่าไฟฟ้าครั้งนี้ไม่ใช่การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นการบริหารจัดการเชิงโครงสร้าง อาทิ การปรับลดค่า Ft และการเจรจาลดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกับภาคเอกชน โดยอาศัยต้นทุนด้านเทคโนโลยีที่ลดลง
ในส่วนของราคาน้ำมัน รัฐบาลขอยืนยันว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะไม่กระทบต่อราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการแต่อย่างใด เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนลงในระดับที่เหมาะสม เพื่อชดเชยภาระภาษีดังกล่าว
ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติปรับลดราคาน้ำมันลง 1 บาทต่อลิตร ก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน
“รัฐบาลยืนยันเจตนารมณ์ในการเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงพลังงาน ลดภาระค่าครองชีพ และวางรากฐานความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนไทยทุกคน” น.ส.ศศิกานต์ ระบุ
Advertisement