พรรคส้ม แฉสมุดโพยซื้อเสียงจ่ายหัวละ 200 ศึกเลือกตั้งสท.เชียงใหม่
พรรคส้ม บุกกกต.เชียงใหม่ แฉสมุดโพยซื้อเสียง จดข้อมูลละเอียด ชื่อ-ทะเบียนบ้าน-เบอร์โทรครบ จ่ายหัวละ 200 ก่อนเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่
วันที่ 2 พ.ค. 68 นาย ชัยธวัช ตุลาธน ผู้อำนวยการอาวุโสคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม “X” ว่า “เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทีมหาเสียงเทศบาลนครเชียงใหม่ พรรคประชาชน ได้ไปเจอสมุดเล่มหนึ่ง ที่ทีมหาเสียงของอีกพรรคทำหล่นไว้ ในนั้นมีการจดข้อมูลสำหรับหาเสียงหลายอย่าง เช่น รายการที่คาดว่าอาจจะเป็นรายชื่อหัวคะแนนที่รับผิดชอบขนคนมาฟังปราศรัยกับค่าใช้จ่ายหัวละ 200”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“นอกจากนี้ ในสมุดยังมีเอกสารแนบที่เป็นลิสต์รายชื่อกับทะเบียนบ้าน และเบอร์โทรของคนในเขตเลือกตั้ง ที่อาจจะเป็นลิสต์หัวคะแนนหรือรายชื่อที่จดไว้สำหรับซื้อเสียง ซึ่งในวงการเรียกกันว่า “ทำเส้น” โดยทีม ปชน. เชียงใหม่จะไปยื่นหนังสือถึง กกต. ให้ตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง ผู้สมัคร สท. คนไหน พรรคไหนลืมไว้ สามารถไปขอเอาเอกสารคืนได้ที่ กกต.เชียงใหม่ นะครับ”
ขณะที่ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายธีรวุฒิ แก้วฟอง ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคประชาชนได้นำสมุดบันทึกต้องสงสัยยื่นต่อเจ้าหน้าที่สารบรรณของ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ตรวจสอบ หลังพบข้อมูลภายในอาจเข้าข่ายพฤติกรรมทุจริตเลือกตั้ง
โดยสมุดเล่มดังกล่าวถูกพบภายในศาลาวัดพวกแต้ม ต.พระสิงห์ เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล หรือ สท.แขวงศรีวิชัย พบขณะลงพื้นที่หาเสียง เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา เมื่อเปิดดูพบว่า เป็นบัญชีรายชื่อบุคคล และมียอดเงินที่ระบุค่าใช้จ่ายหัวละ 200 บาทอย่างชัดเจน และยังปรากฏตารางบัญชีรายชื่อ พร้อมที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งในแวดวงการเมืองเรียกกันว่าทำเส้น หรือการจดชื่อ เพื่อเตรียมซื้อเสียง ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ว่าอาจเชื่อมโยงกับพฤติกรรมซื้อเสียงจึงนำส่ง กกต.จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
ขณะเดียวกันผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่จากพรรคประชาชน ยังบอกว่าได้รับเบาะแสจากทั้งผู้สมัคร สท. และประชาชนในพื้นที่ว่า มีบุคคลบางกลุ่มมาขอข้อมูลรายชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และสำเนาบัตรประชาชน พร้อมระบุว่า มีค่าตอบแทนระหว่าง 1,000-2,000 บาทต่อราย จึงขอให้ กกต.เร่งตรวจสอบ เพื่อยับยั้งพฤติกรรมที่อาจเป็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงก่อนถึงวันเลือกตั้งจริง
Advertisement
