กอดตุ๊กตาเน่า ผ้าห่มเก่าแล้วป่วย! เช็กด่วน "ของรักของข้า" ซ่อนภัยเงียบ
กอดตุ๊กตาเน่า-ผ้าห่มเก่า แล้วป่วย! เช็กด่วน "ของรักของข้า" อาจกลายเป็นแหล่งสะสมไรฝุ่นและเชื้อโรค เปิดเคล็ดลับโครงการแม่ชนะ! ลูกน้อยไม่งอแงร้องไห้ และยอมให้ซักตุ๊กตาเน่าแต่โดยดี
ทุกคนล้วนมีของบางชิ้นที่ “ยังเก็บไว้แม้ไม่จำเป็นต้องใช้” บางคนมีผ้าห่มเก่า ๆ ที่เคยใช้ตอนป่วยแล้วรู้สึกอบอุ่นเหมือนมีคนกอดบางคนมีตุ๊กตาตัวหนึ่งที่เคยเป็นเพื่อนพูดคุยในคืนเหงา ๆ หรือเสื้อยืดโทรม ๆ ที่ยังเก็บไว้เพราะมันเป็นเสื้อที่ใครบางคนเคยให้ไว้ในวันที่มีความหมาย ของพวกนี้ไม่ใช่แค่ “สิ่งของ” แต่มันคือ “เศษเสี้ยวของชีวิต” ที่ถูกห่อไว้ในผ้า ในกลิ่น และในความทรงจำ
สำหรับเด็กเล็ก ตุ๊กตาตัวเดิมที่นอนกอดทุกคืนคือเพื่อนแท้ คือสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยที่สุดในโลก แต่สำหรับผู้ใหญ่หลายคน ของรักที่หวงแหนก็ทำหน้าที่เดียวกัน มันคือเครื่องปลอบโยนในวันที่เหนื่อยจากโลก คือสิ่งที่เราหยิบมากอดในวันที่ไม่มีใครให้กอด
แต่ในความอบอุ่นนั้นก็อาจมี “ภัยสุขภาพที่มองไม่เห็น” เพราะตุ๊กตาเก่า ผ้าห่มเก่า หมอน หรือของผ้าที่เราไม่ค่อยซัก
เป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละเอียด ไรฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรียได้โดยง่าย ยิ่งเก็บไว้นาน ยิ่งอยู่ในห้องชื้นหรือห้องปิด ยิ่งเป็นสวรรค์ของเชื้อโรค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลายคนอาจคิดว่า “ฉันไม่ได้สกปรกขนาดนั้น” แต่ลองนึกดู ตุ๊กตาที่วางไว้บนเตียง ผ่านไปหนึ่งปีโดยไม่ซัก ในห้องที่มีฝุ่นฟุ้งจากพัดลม แอร์ หรือเสื้อผ้า มันรับเอาฝุ่นละออง เหงื่อจากร่างกาย กลิ่นจากผิวหนัง และเศษเซลล์ผิวที่หลุดออก
ทั้งหมดนั้นกลายเป็นอาหารชั้นดีของไรฝุ่นและจุลินทรีย์เล็ก ๆ ที่มองไม่เห็น ผลคือเวลาเรากอดของรักนั้น เราอาจกำลังสูดเอาฝุ่นและสปอร์ของเชื้อราที่ลอยอยู่ใกล้จมูกโดยไม่รู้ตัว
อาการที่มักเกิดจากสิ่งเหล่านี้ เช่น คัดจมูกเรื้อรัง จามตอนตื่นเช้า น้ำมูกใสไม่หายสักที ผื่นแพ้ที่แขนหรือหน้าอกโดยไม่รู้สาเหตุ หรือแม้แต่ความเหนื่อยล้าที่หาสาเหตุไม่เจอ
ในเด็กบางคน อาจกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือหอบหืดได้ง่ายขึ้น และในผู้ใหญ่ที่ภูมิคุ้มกันอ่อน เช่น คนที่พักผ่อนน้อยหรือเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ก็อาจมีอาการแน่นหน้าอก ไอแห้ง ๆ หรือรู้สึกเหมือนหายใจไม่สุดบ่อยครั้ง
แต่จะให้โยนของรักพวกนั้นทิ้งไปเลย ก็เป็นเรื่องที่ “หัวใจไม่ยอมรับ” เพราะของบางชิ้นมันไม่ใช่ของ มันคือ “ของมีค่าทางความรู้สึก” ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ “ไม่ต้องทิ้ง แต่อย่าปล่อยให้มันสกปรกจนเป็นภัย”
ทางออกอยู่ที่การ “ดูแลของรักให้ปลอดภัยทั้งต่อใจและต่อร่างกาย”
เริ่มจากเข้าใจธรรมชาติของมันก่อน ของผ้าเก่าจะดูดซับความชื้นได้ดี ถ้าเก็บในที่อับชื้นหรือในห้องที่ไม่ค่อยมีแสงแดด มันจะเกิดการหมักหมมของแบคทีเรียและเชื้อรา
เพราะฉะนั้นแค่เอาออกมา “ตากแดดแรง ๆ” สัปดาห์ละครั้ง ก็ช่วยลดการสะสมของไรฝุ่นได้มากแล้ว แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ตามธรรมชาติได้ดี และทำให้ของรักมีกลิ่นสะอาดโดยไม่ต้องซักบ่อยเกินไป
สำหรับคนที่ไม่อยากซักเพราะกลัวของเสียรูปทรงหรือกลัวกลิ่นหอมเดิมหายไป อาจลอง “ซักเฉพาะจุด” เช่น ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อน ๆ เช็ดบริเวณที่สกปรก หรือใช้ถุงซักผ้าที่ช่วยป้องกันการฉีกขาดของผ้าเวลาซักเครื่อง
หากของนั้นซักไม่ได้จริง ๆ เช่นตุ๊กตาเก่าที่ข้างในมีเศษนุ่นหรือวัสดุที่เปื่อยแล้ว ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบหัวแปรงนุ่มดูดฝุ่นเบา ๆ แล้วนำไปผึ่งแดดเป็นประจำ สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ช่วยได้มาก โดยไม่ต้องแลกกับการสูญเสียของรัก
ในบ้านที่มีเด็กเล็ก พ่อแม่อาจต้องใช้วิธี “พูดให้ใจเด็กเข้าใจ” ไม่ใช่พูดว่า “มันสกปรก เดี๋ยวเป็นเชื้อโรคนะ” เพราะเด็กจะรู้สึกเหมือนเราจะเอาเพื่อนเขาไป เพราะฉะนั้นคำพูดที่อ่อนโยนช่วยได้ เช่น
“เรามาซักเจ้าหมีของหนูดีกว่า เขาเหนื่อยจากการเล่นกับหนูมาทั้งวันแล้ว เขาจะได้สะอาดและไม่ป่วย”
หรือ “แดดแรง ๆ วันนี้ เจ้าหมีจะได้อาบแดดเหมือนหนูไง เขาจะได้แข็งแรง ไม่จามตอนกลางคืน”
เมื่อเด็กเข้าใจในมุมของการ “ดูแลเพื่อน” เขาจะไม่ต่อต้านการซักหรือทำความสะอาด แต่จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำสิ่งดี ๆ ให้กับของที่รัก
บางบ้านมีวิธีน่ารัก เช่น ตั้งวันอาทิตย์เป็น “วันอาบน้ำของตุ๊กตา” ให้เด็ก ๆ ช่วยกันซัก ตากแดด แล้วแต่งตัวให้ใหม่
มันไม่ใช่แค่การทำความสะอาด แต่คือบทเรียนเรื่องความรับผิดชอบและการดูแลสิ่งที่รัก
ในมุมของผู้ใหญ่ มันคือการฝึกให้เด็กรู้ว่า ความรักไม่ได้แปลว่าการเก็บไว้เฉย ๆ แต่คือการ “ลงมือดูแล” ให้อยู่กับเราได้นานที่สุด
ผู้ใหญ่เองก็เช่นกัน หลายคนก็ยังมีของที่ผูกพันจนไม่อยากซัก เช่น ผ้าห่มของแม่ที่เหลืออยู่หลังจากท่านจากไปแล้ว
เสื้อที่คนรักเคยใส่ หรือตุ๊กตาที่ลูกเคยกอดก่อนโตเป็นวัยรุ่น ของพวกนี้เต็มไปด้วยความทรงจำ และเรามักอยากเก็บไว้แบบ “เดิมที่สุด”
แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจคือ ความทรงจำจะไม่หายไปเพียงเพราะซักหรือเปลี่ยนถุงเก็บ ในทางกลับกัน การทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนคือการ “ต่ออายุของความทรงจำ” ให้คงอยู่ต่อไปอย่างปลอดภัย
บางคนเลือกวิธีเก็บของเหล่านี้ไว้ในกล่องสุญญากาศ หรือห่อด้วยถุงผ้าแล้วใส่สารดูดความชื้นแทนการทิ้งไว้ในอากาศ
บางคนเลือกถ่ายรูปเก็บไว้ในช่วงที่ของยังสมบูรณ์ แล้วนำของจริงไปทำความสะอาด เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ “สุขภาพที่ดีพอ จะอยู่กับความทรงจำเหล่านั้นได้นานขึ้น”
สำหรับใครที่รู้ตัวว่ามีภูมิแพ้ คัดจมูกตอนเช้า หรือไอแห้ง ๆ โดยไม่รู้สาเหตุ ลองเริ่มจากสิ่งง่าย ๆ ถอดปลอกหมอน ตากหมอน ตากตุ๊กตา หรือซักผ้าห่ม คุณอาจแปลกใจว่าแค่ของสะอาดขึ้น ความโล่งในจมูกก็กลับมา เพราะสุขภาพที่ดีบางครั้งไม่ได้เริ่มจากวิตามินเสริม แต่เริ่มจาก “ความใส่ใจในสิ่งเล็กน้อยรอบตัว”
Advertisement
