พิธา ย้ำ เตรียมแผนรับมือไว้แล้ว หาก ศาลรัฐธรรมนูญยุบ พรรคก้าวไกล ชี้ ต้องใช้ดุลยพินิจ เชื่อ ศาลจะให้ความยุติธรรม
วันที่ 16 มี.ค. 67 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้า พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นยุบพรรคก้าวไกลว่า
มีทีมเตรียมข้อมูล โดยแบ่งเป็น 2 ก้อน คือ คดีของ กกต. และคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งกำลังไล่ดูว่า รายละเอียดของกกต. ยังขาดอะไรอยู่บ้าง และ ป.ป.ช.หากเทียบกับคดีที่ศาลฎีกา เมื่อสมัยก่อนในการตัดสินคดีของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ รวมถึงนายสิระ เจนจาคะ ใช้เวลาเท่าไหร่
"ทาง ป.ป.ช.ใช้เวลาเท่าไหร่ เราก็ทำงานกลับ และเตรียมอธิบายสู้คดี เรื่องเกี่ยวกับน้ำหนักไม่ว่าจะเป็นมาตรา 49 ที่ตัดสินไปเมื่อวันที่ 31 ม.ค. และมาตรา 92 อันหนึ่งเป็นมาตรฐานที่ไว้ใช้ป้องกันอีกอันเป็นมาตรฐาน ที่ใช้ประหารพรรคการเมือง น้ำหนักมันคนละอนุมาตรากัน สมมติแม้จะมีคำว่าล้มล้างเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าโทษจะได้สัดส่วนเหมือนกัน เราจะต้องมีดุลยพินิจว่ามาตราหนึ่งมีไว้แค่ตักเตือน บอกให้หยุดการกระทำ แต่อีกมาตราหนึ่งมีไว้เพื่อที่จะยุบพรรค และนำไปสู่การริดรอนสิทธิทางการเมือง ในการลงเลือกตั้งครั้งต่อไป และเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมและให้น้ำหนักมากกว่าเรื่องของมาตรา 49" นาย พิธา กล่าว
นายพิธา ยังยืนยันว่า ไม่มีความกังวลหาก ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบ พรรคก้าวไกล เพราะเราต้องเตรียมการทำงานล่วงหน้า
"การทำงานของ พรรคก้าวไกล เราคิดว่าเหมือนกับการเขียนหนังสือ มีชัตเตอร์ที่ 1 ชัตเตอร์ที่ 2 ชัตเตอร์ที่ 3 แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุดมการณ์ ปณิธาน และนโยบาย ที่พี่น้องประชาชนให้มา 14 ล้านเสียง เราก็เดินหน้าต่อแน่นอน ไม่ว่าจะมีพรรคก้าวไกลหรือไม่มีพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะมีผลหรือไม่มีผล"
เมื่อถามว่า แสดงว่าเตรียมแผนรองรับหากศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้วใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวย้ำว่าเตรียมมานานแล้ว
Advertisement