Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เส้นทางชีวิต "นานา" พี่ใหญ่แก๊งนางฟ้า กับข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกง

เส้นทางชีวิต "นานา" พี่ใหญ่แก๊งนางฟ้า กับข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกง

3 ธ.ค. 68
16:34 น.
แชร์

จากพี่ใหญ่แก๊งนางฟ้า เจ้าของอาณาจักรธุรกิจพันล้าน วันนี้กลับถูกเด็ดปีก ด้วยหมายจับคดีฉ้อโกง มิตรภาพหลายสิบปีแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี เธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกเรื่องราวชีวิตของ “นานา ไรบีนา” ดีเจสาวเก่ง นักแข่งรถ และนักธุรกิจตัวแม่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจพันล้าน แต่ชีวิตในฝันของใครหลาย ๆ คนกลับพลิกผัน เมื่อเธอกลายเป็นดาราอักษรย่อ 'น.' ที่หลอกยืมเงินเพื่อนมูลค่ากว่าหลายร้อยล้าน นำไปสู่การโดนตำรวจบุกจับถึงบ้าน

นานา ไรบีนา เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 มีพื้นเพเป็นชาวจังหวัดสงขลา เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีถึง 2 ใบ จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เส้นทางในวงการบันเทิงของนานาเริ่มต้นจากการเป็น ดีเจและวีเจชื่อดังหลายคลื่นในยุคปี 2000 โดยเฉพาะการเป็นดีเจที่คลื่น Hot Wave 91.5 FM ที่ จ.สงขลา ก่อนย้ายมาทำงานเป็นดีเจที่กรุงเทพฯ ที่ Fat Radio 97.5 และ Virgin Hitz 95.5

นอกจากงานดีเจแล้ว เธอยังเคยเป็นพิธีกรรายการดังมากมาย ทั้งรายการ ค.คนรักรถ รายการสปอร์ตออนไฟร์ รายการเช้าวันใหม่ ที่ออกอากาศทางช่อง 5 และช่อง 3

แต่สิ่งที่สร้างชื่อเสียงและภาพจำที่โดดเด่นให้กับเธออย่างมาก คือการเป็นนักแข่งรถหญิงฝีมือฉกาจ โดยเธอเคยคว้ารางวัลจากการแข่งขันหลายสนาม และเคยติด Top 10 นักแข่งรถยนต์ความเร็วสูงของไทยในช่วงปี 2551–2553

นอกจากนี้ นานายังเป็นที่รู้จักในฐานะ "พี่ใหญ่แก๊งนางฟ้า" ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนซี้ซุปตาร์ดาราสาวสวยทั้ง เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ, แอน อลิชา, เจนสุดา ปานโต, พอลล่า เทเลอร์, วุ้นเส้น วิริฒิพา และคริส หอวัง ซึ่งภาพลักษณ์ของพวกเธอคือผู้หญิงยุคใหม่ที่ทันสมัย มั่นใจ และประสบความสำเร็จในหลายบทบาท

ในด้านชีวิตส่วนตัว นานา ไรบีนา ได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับศิลปินฮิปฮอปชื่อดัง ปริญญา อินทชัย หรือ เวย์ ไทเทเนียม ทั้งคู่เข้าพิธีสมรสกันเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2553 และมีโซ่ทองคล้องใจเป็นลูกฝาแฝดชาย-หญิง คือ น้องบรู๊คลิน และ น้องบีน่า

นานาได้ผันบทบาทเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ที่ดูแลลูก ๆ อย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจ และยังเป็น ภรรยาสายสตรองที่คอยดูแลและสนับสนุนกิจกรรมของสามีและลูก ๆ อย่างเต็มที่ ทำให้หลาย ๆ คนยกย่องเธอให้เป็นต้นแบบของผู้หญิงยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัว

นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้ว นานาเริ่มก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจตั้งแต่ปี 2549 โดยเป็นกรรมการ บริษัท คาร์เลิฟเวอร์เกิร์ลส จำกัด ซึ่งทำกิจการด้าน Event Organizer และ Life Style Marketing ที่เกี่ยวกับรถยนต์ แต่ต่อมาบริษัทนี้ได้เสร็จการชำระบัญชีในปี 2555

ปัจจุบัน นานาและสามีได้ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจความบันเทิง ไลฟ์สไตล์ และแฟชั่น โดยมีนานาเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญในฐานะกรรมการบริษัทหลายแห่ง

ธุรกิจเรือธงที่สร้างรายได้มหาศาลคือร้านตัดผม Never Say Cutz (เนเวอร์เซย์คัทซ์) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงร้านตัดผม แต่ถูกยกระดับเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ ขยายสาขาไปแล้ว 41 แห่ง และทำรายได้รวมในระยะเวลา 3 ปี ทะลุไปกว่า 300 ล้านบาท

นานาและเวย์ใช้จุดแข็งของแบรนด์ Never Say Cutz แตกไลน์แบรนด์สินค้าทั้งนาฬิกา แว่นตา และเสื้อผ้าเด็ก

พวกเขายังมีบริษัทที่ดำเนินงานด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ ให้บริการศิลปิน นักแสดง พิธีกร และงานด้านบันเทิงครบวงจร

ธุรกิจอีเวนต์ จัดการแข่งขันลีกบาสเกตบอลเยาวชน YBL Thailand คอนเสิร์ตขนาดใหญ่อย่าง LAND OF MUSIC ไปจนถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโฮลดิ้งอีกด้วย

แม้ชีวิตของ นานา ไรบีนา จะถูกมองว่าราบรื่นสมบูรณ์แบบ ทั้งความสำเร็จในธุรกิจอันหลากหลาย และครอบครัวที่อบอุ่น แต่จู่ ๆ เธอก็ตกเป็นประเด็นในโลกโซเชียล เมื่อเธอถูกโยงว่าเป็น "ดาราตัวแม่" อักษรย่อ น.  ที่ได้ชักชวนเพื่อนร่วมแก๊งลงทุนแล้วเกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท

เรื่องราวเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลส่งสัญญาณมิตรภาพที่แตกหัก เพื่อนสนิทในแก๊งนางฟ้าหลายคน เริ่มต้นจาก เจนสุดา และ พอลล่า ได้ทยอยกดอันฟอลโลว์อินสตาแกรมของนานา ทำให้คนยิ่งให้ความสนใจกับปมหนี้ครั้งนี้

ต่อมาพิธีกรชื่อดังทั้งหนุ่ม กรรชัย และพุทธ อภิวรรณ ก็ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดแทนกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ ดาราตัวแม่ น. รวม 5 คน โดยเปิดเผยถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 2 ปี

ว่า ดาราสาวได้ทยอยขอกู้ยืมเงินจากเพื่อนมาตลอด โดยมีจำนวนเงินรวมกันถึงคนละประมาณ 50 ล้านบาท รวมความเสียหายหลายร้อยล้านบาท

โดยเธอได้อ้างกับเพื่อนว่า จะนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนต่อกับบุคคลที่สามชื่อ "ต." และจะได้รับผลตอบแทน โดยนานาจะคืนเงินในอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 4 ต่อเดือน หรือ 48% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดมาก

แต่หลังจากเวลาผ่านไป เพื่อนผู้เสียหายทั้ง 5 คนเริ่มผิดสังเกต เนื่องจากนานาจ่ายเพียงดอกเบี้ยมาโดยตลอด แต่ไม่เคยคืนเงินต้นเลย เมื่อเพื่อนไปสืบหาความจริง จึงได้ข้อสรุปที่น่าตกใจว่า นานาโกหก และเงินทั้งหมดไม่ได้ถูกส่งต่อให้ "ต." ตามที่กล่าวอ้าง แต่กลับถูกนำไปหมุนเวียนในธุรกิจอีเวนต์และออร์แกไนซ์ของตนเองที่ประสบภาวะขาดสภาพคล่อง

หลักฐานที่ถูกนำมาเปิดเผยเพื่อยืนยันความไม่โปร่งใสคือ เช็คเงินสดรวม 5 ใบ มูลค่ารวมกันกว่า 202.8 ล้านบาท ซึ่งนานาได้นำมาวางให้เพื่อนดู โดยอ้างว่าเป็นเช็คที่ "ต." ส่งมาให้เพื่อยืนยันการชำระหนี้ แต่เมื่อผู้เสียหายนำไปตรวจสอบกลับพบว่า เช็คดังกล่าว ไม่ใช่เช็คของ ต. แต่เป็นเช็คของบุคคลใกล้ชิด ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่า นานาเป็นผู้ "เขียนเองเซ็นเอง"

ความจริงที่เปิดเผยสร้างความเสียใจอย่างแสนสาหัสให้กับบรรดาเพื่อน ๆ ของนานา แม้แต่ ดีเจดาด้า ที่เคยออกตัวปกป้องนานาอย่างเต็มที่ในตอนแรก ก็ต้องออกมาขอโทษออกสื่อทั้งน้ำตา หลังจากที่นานาสารภาพกับตนเองว่ามีหนี้สินจริงและนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

ในที่สุด นานา ไรบีนา ก็ได้ออกมายอมรับว่า "ดาราตัวแม่" อักษรย่อ น. ที่ถูกกล่าวถึงคือเธอจริง แต่ยืนยันปฏิเสธว่าบุคคลชื่อ "ต." ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องการยืมเงิน โดยเธอขอโอกาสสังคมในการทำงานต่อไป ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ก็ยังมีเพื่อนอย่าง แอน ชาลิดา ที่แสดงความเป็นห่วงและให้กำลังใจ ด้วยการไลฟ์สดขายสินค้าของนานาเพื่อสนับสนุนเพื่อน

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวไม่ได้จบลงที่การยอมรับ เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้นำกำลังเข้าจับกุม นานา ไรบีนา ที่บ้านพักย่านพระโขนง โดยมีการแจ้งข้อหาสำคัญ ฐานฉ้อโกง และ ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

หลังการจับกุม นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนานา เปิดเผยว่า ได้เตรียมหลักทรัพย์ 500,000 บาท เพื่อยื่นขอประกันตัว และทนายสายหยุดยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการทำงานของตำรวจด้วยว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 เขาได้พานานาไปรอมอบตัวที่ กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางแล้ว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่เจ้าหน้าที่กลับบ่ายเบี่ยงไม่รับมอบตัว ก่อนจะมีการออกหมายจับและบุกจับกุมในวันถัดมา

คดีนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงข่าวซุบซิบในวงการบันเทิงอีกต่อไป แต่เป็นกรณีทางกฎหมายที่ต้องถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะข้อหาตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้น ไม่สามารถยอมความได้ แม้จะมีการชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายแล้วก็ตาม

ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่องราวปมหนี้อันซับซ้อนนี้จะถูกคลี่คลายด้วยการรับผิดชอบทางกฎหมายอย่างไร และมิตรภาพที่แตกหักของแก๊งนางฟ้าจะสามารถประสานกันได้หรือไม่ในอนาคต

 

Advertisement

แชร์
เส้นทางชีวิต "นานา" พี่ใหญ่แก๊งนางฟ้า กับข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกง