Van Cleef & Arpels บทบรรจบของลีลานาฏกรรม “บัลเลต์” บนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ

22 ก.ย. 64

ด้วยชื่นชอบในความงดงามอันเกิดจากลีลาสอดประสานอย่างกลมกลืน นำไปสู่การเติมเต็มภารกิจสู่ความเป็นเลิศซึ่งจะทอดยาวสืบเนื่องไปเป็นหนทางตราบนิรันดร์ กว่าหลายทศวรรษที่ Van Cleef & Arpels ได้อาศัยแรงบันดาลใจ อันไร้ขอบเขตสิ้นสุดของนาฏกรรมการเต้น ศิลปะแห่งระบำปลายเท้าหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “บัลเลต์” ได้มอบบรรยากาศแห่งความวิจิตรบรรจงเยี่ยงบทกวี จากท่วงท่าอากัปสง่างามมาสู่งานออกแบบเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงของเมซง ตลอดจนบรรดาเครื่องประดับจำลองรูปร่างสตรีที่ล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนช้อย บอบบาง น่าทะนุถนอมในหลากลีลาท่าเต้น

ตลอดระยะความเป็นมา Van Cleef & Arpels ได้ทวีความผูกพันแน่นแฟ้นกับโลกของนาฏกรรมยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านการร่วมงานสร้างสรรค์ศิลปะมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงการยกย่องคุณค่า ความสำคัญของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการแบ่งปัน

VAN CLEEF & ARPELS BALLERINAS
สายใยแห่งความผูกพันระหว่าง Van Cleef & Arpels กับศิลปะการเต้น มีจุดเริ่มต้นขึ้นเมื่อทศวรรษที่ 1920 ในกรุงปารีส ลูอิส อารเปลส์ ผู้รักการแสดงบัลเลต์เป็นชีวิตจิตใจ มักจะพาโคลด หลานชายของตนไปยังโรงอุปรากรการนิเยร์ ซึ่งอยู่ห่างจากบูติกที่จัตุรัสว็องโดมไปไม่กี่ก้าว ส่วนเข็มกลัดนางระบำหรือที่เรียกกันว่า “บัลเลรินา คลิป” (ballerina clip) ชุดแรกของเมซงนั้น ก็ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1940 และกลายเป็นผลงานสัญลักษณ์ประจำ Van Cleef & Arpels ในเวลาอย่างรวดเร็ว ท่วงท่าที่ดูคล่องแคล่ว และอ่อนช้อย ร่วมกับความงดงามของเครื่องแต่งกายบนเข็มกลัดเหล่านี้ สะกดสายตา และจุดอารมณ์ปรารถนาให้ครอบครองขึ้นในใจของบรรดานักสะสมทั้งหลายได้ทันที วงหน้าที่เผยเนื้อทองของตัวเรือน หรือใช้เพชรเดี่ยวเจียระไนอย่างประณีต ได้รับการเติมเต็มด้วยเครื่องประดับศีรษะอันเลอค่า เช่นเดียวกันกับรองเท้าหัวแหลม และกระโปรงบาน ฟูฟ่องของนางระบำที่ต่างรองรับความพิถีพิถันของงานฝังเพชรกับรัตนชาติหลากสี ก่อเป็นลีลาพลิ้วไหวตามอากัปการเคลื่อนกายไปตามจังหวะเพลง

อันถือกำเนิดจากบทบรรจบของเส้นสายรูปทรงร่วมสมัย กับไหวพริบความชำนาญในการผลิตนาฬิกาข้อมือ และความเป็นเลิศทางงานฝีมือ LADY DANSE AND LADY DANSE DUO WATCHES

นาฏกรรมเป็นผลงานอันเกิดจากนาฏศิลป์ - ศิลปะแขนงหนึ่ง ซึ่งอาศัยการเคลื่อนไหว และท่วงท่าอากัปที่มีความต่อเนื่อง และกลมกลืนอย่างงดงามในการเล่าเรื่องราว ถ่ายทอดความรู้สึก หรืออารมณ์ ตลอดจนจุดประกายจินตนาการดั่งเช่นที่เป็นกับ Van Cleef & Arpels มาตั้งแต่ทศวรรษ 1940 ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงาน อันเต็มไปด้วยความงามสง่าและสดใส มีชีวิตชีวา ล่าสุด อาณาจักรแห่งเครื่องประดับอัญมณี ได้ส่งผ่านลีลาศิลปะของท่วงท่าการเคลื่อนไหวมาสู่สรรพสีอันเจิดจรัสบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือสองรุ่นใหม่จากคอลเลคชัน Extraordinary Dials นั่นก็คือ Lady Danse (เลดี ดองส์) กับ Lady Danse Duo (เลดี ดองส์ ดูโอ) และด้วยความวิจิตรบรรจงเหนือชั้นบนหน้าปัด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อคอลเลคชัน ผลงานทั้งสองเผยความตระการตาผ่านเรื่องราวของนักเต้นเดี่ยวบนเวที และคู่เต้นกับกลุ่มนักเต้นท่ามกลางบรรยากาศร่วมสมัยตามลำดับ แต่ละงานออกแบบ ล้วนปลุกกลิ่นอายความตื่นเต้น สนุกสนานของงานแสดงบนเวทีบรอดเวย์ระหว่างทศวรรษ 1950 และ 1960 ในขณะเดียวกัน แต่ละหน้าปัดก็ยังเหมือนเป็นเวทีย่อส่วนที่สะกดสายตาผู้พบเห็นด้วยการใช้รัตนชาติเลอค่ามาประดับความงามให้แก่ผลงาน ซึ่งมาพร้อมหมายเลขกำกับรุ่น อันถือกำเนิดจากบทบรรจบของเส้นสายรูปทรงร่วมสมัย กับไหวพริบความชำนาญในการผลิตนาฬิกาข้อมือ และความเป็นเลิศทางงานฝีมือ

TWO DANCE SCENES WITH GRAPHIC LINES
นี่เป็นครั้งแรกที่ลีลานาฏกรรมจะมาปรากฏความงามบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อคอลเลคชัน Extraordinary Dials ผลงานซึ่งโดดเด่นเป็นหนึ่งจากเอกลักษณ์ความงามเหนือชั้นบนหน้าปัดบอกเวลา ภายในกรอบตัวเรือนขนาด 33 มม. ของงานออกแบบทั้งสองคือ Lady Danse และLady Danse Duo ต่างถ่ายทอดช่วงเวลาอันเปี่ยมพลังอารมณ์ของศิลปินในสองรูปแบบ นั่นก็คือก่อนขึ้นเวที และระหว่างดำเนินการแสดง

บนหน้าปัดของงานออกแบบลำดับแรก นางระบำปลายเท้าเจ้าของวงหน้าเพชรเดี่ยว กำลังเตรียมพร้อมก้าวออกไปสู่เวทีการแสดง ด้วยแรงบันดาลใจจากแฟชั่นการแต่งกายระหว่างทศวรรษ 1950 ถึง 1960 ชุดเดรสที่เธอสวมรองรับงานฝังทับทิม และใช้ทองคำต่างงานเดินขอบขลิบริมกระโปรงเพื่อร่วมกันจำลองความพลิ้วไหวของน้ำหนักผ้าบางเบาระหว่างเธอเตรียมออกท่าวาดลวดลายการเต้น พร้อมกับเผยให้เห็นงานจิตรกรรมย่อส่วนบนรองเท้าที่ช่วยเติมเต็มความครบครัน เรือนร่างประติมากรรมนูนต่ำของเธอโดดเด่นตัดกับฉากหลังพื้นหน้าปัด ซึ่งอาศัยเทคนิคฝังแผ่นรัตนชาติปูพื้นก่อทรวดทรงสามมิติ ในการดำเนินเทคนิคอันละเอียดอ่อนเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นแม่มุกมาเธอร์-ออฟ-เพิร์ล, หินเทอร์คอยซ์ และโมราสีเขียวคริโซเพรส ล้วนผ่านการตัดเจียนเป็นแผ่นบางในขนาดซึ่งผ่านการคำนวณอย่างแม่นยำให้สามารถนำมาบรรจงวางเคียงกันได้อย่างสม่ำเสมอ และไล่ระดับความกลมกลืนเพื่อก่อมิติความลึก ทวีความโดดเด่นให้แก่อากัปการเคลื่อนไหวของนางระบำปลายเท้า การแสดงของเธอยังต่อเนื่องมาสู่ด้านหลังตัวเรือนนาฬิกาซึ่งใช้ศิลปะการสลักลวดลายเล่าเรื่องราวที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดได้อย่างคล้องจอง

10ladydanse

ในขณะเดียวกัน นาฬิกาข้อมือ Lady Danse Duo คือบรรยากาศตระการตาของกลุ่มนักเต้น ซึ่งกำลังวาดลวดลายอยู่หน้าสถาปัตยกรรมอันชวนให้นึกถึงกลิ่นอายแห่งมหานครนิวยอร์ก หมู่ตึกหินไข่นกการเวกกับทองคำขาวฝังเพชร ก่อโครงสร้างรูปทรงนูนต่ำตัดกับฉากหลังที่ปูพื้นด้วยแผ่นแม่มุกขาว เครื่องแต่งกายของนักเต้นทั้งสาม อาศัยความวิจิตรบรรจงของงานจิตรกรรมย่อมส่วนจำลองท่วงท่าที่พร้อมเพรียง ส่วนอีกด้านของเวทีบนหน้าปัดตัวเรือน นางระบำปลายเท้าในชุดกระโปรงตูตูสีแดงสด กำลังก้าวตามจังหวะการนำของคู่เต้นไปบนเวทีสามมิติปูพื้นด้วยแผ่นพลอยน้ำสมุทรลาพิซ ลาซูลิ อีกหนึ่งความประณีต ซึ่งไม่อาจมองข้ามของผลงานชิ้นนี้อยู่ที่งานประกอบแถบรัตนชาติสีน้ำเงินเข้มต่างขนาดไล่ระดับ เพื่อเน้นให้เห็นถึงมิติภาพความลึกเชิงรายละเอียดบนผืนหน้าปัด ในขณะเดียวกัน ด้านหลังตัวเรือนก็รองรับงานสลักลายเป็นภาพคู่เต้น ซึ่งดูคล้ายกำลังหยุดพักร่วมกันก่อการแสดงจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

9ladydanseduowatch

A SELECTION OF RARE MATERIALS
ภารกิจสู่ความเป็นเลิศของ Van Cleef & Arpels เริ่มต้นขึ้นจากความละเอียดอ่อนในการทำงานของบรรดานักอัญมณศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ทุ่มเทให้กับการคัดเลือก และจับคู่คุณภาพแง่มุมต่างๆ ของมวลรัตนชาติ สายตาเฉียบคม ซึ่งผ่านการฝึกปรือมาอย่างดี อำนวยให้พวกเขาสามารถเลือกรัตนชาติเลอค่าสำหรับใช้ในงานประดับตกแต่ง ให้ตรงตามมาตรฐานเคร่งครัดของเมซงได้อย่างแม่นยำ

ในส่วนของหินไข่นกการเวก (turquoise), พลอยน้ำสมุทร (lapis lazuli) และโมราสีเขียว (chrysoprase) พวกเขาให้ความใส่ใจในระดับความเข้ม สดชัด และสม่ำเสมอของเนื้อสี ในขณะที่แม่มุกขาว (mother-of-pearl) ต้องมีพื้นผิวสม่ำเสมอ และเหลือบประกายไล่เฉดอย่างงดงามสะดุดตา ขั้นตอนการคัดเลือกนี้ ทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้นกว่าที่ควรเป็นตามปรกติ สืบเนื่องจากปัจจัยที่ว่า วัสดุบางประเภทอย่างหินไข่นกการเวก และพลอยน้ำสมุทร ต่างก็เป็นของซึ่งหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง จากนั้น รงคศิลาล้ำค่าทั้งหมดนี้ ก็ต้องถูกนำมาเทียบเคียงเฉดสี และระดับความโปร่งแสง ทึบแสง เพื่อให้กลมกลืน สม่ำเสมอราวกับสกัดมาจากเนื้อวัตถุเดียวกัน

ส่วนเพชร ซึ่งใช้ฝังลงบนหน้าปัด และกรอบหน้าปัด ต่างได้รับการคัดเลือกให้กลมกลืนเข้าด้วยกันโดยยึดตามมาตรฐานคุณภาพอันเคร่งครัดอย่างที่สุด นั่นก็คือ D, E และ F ในแง่ของสี และ IF กับ VVS ในแง่ของความกระจ่างใส และเมื่อมาอยู่บนเรือนทองคำขาว เงาสะท้อนซึ่งกันและกันพลันก่อประกายสุกสกาววาววับให้กับผลงานทั้งสองได้อย่างน่าอัศจรรย์

SPOTLIGHT ON THREE-DIMENSIONAL MARQUETRY
สำหรับการนำมาใช้กับหน้าปัดนาฬิกาเป็นครั้งแรกนี้ งานฝังแผ่นวัสดุเดินลวดลายสามมิติของเมซง ต้องอาศัยทักษะหัตถศิลป์ชั้นสูงของช่างฝีมือผู้ชำนาญ ในการสร้างฉากเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ในเรื่องราวได้อย่างสมจริง องค์ประกอบส่วนต่างๆ อย่างหินไข่นกการเวก, พลอยน้ำสมุทร, โมราสีเขียว และแม่มุก จะถูกตัดเจียนด้วยมือทีละชิ้นๆ ก่อนนำไปเจียระไน และขัดผิวให้หมดจด เกลี้ยงเกลาจนขึ้นเงาทอประกายอย่างงดงาม ช่างเจียระไนต้องใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะกับแต่ละวัสดุเพื่อให้ได้แผ่นโมทิฟที่มีความหนา และน้ำหนักรูปทรงตามกำหนด จากนั้น จึงนำมาประกอบขึ้นชิ้นงานเข้าด้วยกัน ทั้งแบบประกบชิดขอบข้าง และแบบเว้นระยะห่าง หรือช่องไฟเพียงเล็กน้อยเพื่อก่อมิติความลึกขึ้นภายในตัวเรือน นี่เป็นความซับซ้อนเชิงเทคนิคที่ต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างสูง เพราะแผ่นวัสดุปูพื้นหน้าปัดนี้ ยังต้องรองรับงานประติมากรรมตัวเรือนทองคำ งานฝังอัญมณี และจิตรกรรมย่อส่วน เพื่อมอบบรรยากาศการเคลื่อนไหวของพลังชีวิตอยู่ท่ามกลางโรงละครสามมิติ

EXTRAORDINARY DIALS COLLECTION,
A TRIBUTE EXCEPTIONAL CRAFTS
สำหรับคอลเลคชัน Extraordinary Dials ศิลปะการผลิตนาฬิกาข้อมือ ทวีความโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของช่างลงยา, ช่างแกะสลัก, ช่างเจียระไน, จิตรกรภาพย่อส่วน และช่างฝังอัญมณี แต่ละหน้าปัด ล้วนเต็มไปด้วยความวิจิตรบรรจงทางงานหัตถศิลป์เฉกเช่นภาพจิตรกรรมเสมือนจริง ซึ่งต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงกว่าจะแล้วเสร็จ และเพื่อถ่ายทอดแต่ละแรงบันดาลใจได้อย่างละเมียดละไม ศิลปะงานฝีมือต่างแขนง ต้องถูกระดมมาใช้ผสมผสานร่วมกันจนกลายเป็นเวทีแสดงความเป็นเลิศเชิงทักษะ และความคิดสร้างสรรค์ของเมซง อย่างชัดเจน จากขั้นตอนงานสลักทอง และแผ่นแม่มุก ไปจนถึงงานลงยาแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลงรักล่องชาด หรือ champlevé (ชองเปลเว), ลงยาร่องลาย หรือ vallonné (วาญงเน) และลงยาไล่เฉด หรือ grisaille (กรีซายล์) และจากการฝังอัญมณีขึ้นตัวเรือนไปจนถึงงานฝังแผ่นแม่มุก และแผ่นรงคศิลาปูพื้นเดินลาย Van Cleef & Arpels ได้รื้อฟื้น และพลิกแพลงทักษะตามธรรมเนียมดั้งเดิมให้กลับมาโลดแล่นอย่างรุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง ความชำนาญแต่ละสาขา ต่างถูกเลือกมาเพื่อรจนาเรื่องราวอันทรงเอกลักษณ์ดุจกวีนิพนธ์อยู่บนหน้าปัดตัวเรือน

POETRY OF TIME
ด้วยศรัทธา และมุ่งมั่นในการถ่ายทอดมุมมองอันงดงามที่มีต่อชีวิต Van Cleef & Arpels หล่อหลอมมิติอันโดดเด่นเป็นหนึ่งขึ้นในศิลปะแห่งการผลิตนาฬิกา นั่นคือความวิจิตรบรรจงดุจบทกวีเพื่อจุดประกายความฝัน และถ่ายทอดอารมณ์ หรือความรู้สึก บทบรรจบระหว่างประดิษฐกรรมกับจินตนาการ นำมาซึ่งผลงานสร้างสรรค์ที่เมซงอาศัยการบอกเวลาเป็นประตูเชื้อเชิญให้เดินล่วงเข้าสู่ห้วงแห่งอารมณ์ จนพานพบกับความสุข เพื่อแสดงถึงความวิจิตรบรรจงของแต่ละการเคลื่อนผ่านของกาลเวลา เมซงใช้เรื่องราวความเป็นมาตามประวัติศาสตร์ของตน ร่วมกับบรรดาแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจอันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัว มารจนาขึ้นเป็นเรื่องราวแห่งความรัก และผลงานนำโชคผ่านผลงานชิ้นใหม่ ซึ่งทุกชิ้นได้ก้าวสู่ตำแหน่งของการเป็นตัวแทนมรดกทางการออกแบบของ Van Cleef & Arpels ได้อย่างต่อเนื่อง เหล่านางฟ้า และนางระบำปลายเท้า ต่างเคลื่อนกายร่ายลีลาไปตามจังหวะโมงยาม ในขณะที่ท่วงทำนองของธรรมชาติโคจรไปพร้อมกับวิถีแห่งดาราจักร แต่ละผลงานของแต่ละคอลเลคชั่น ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากการทำหน้าที่บอกเวลาผ่านลีลางามสง่าตราตรึงใจ

6.ladydanseandladydanse

AT THE CROSSROADS OF ARTS
ความผูกพันอันหล่อหลอม Van Cleef & Arpels กับโลกแห่งนาฏกรรมให้รวมกันเป็นภาคี มีความแน่นแฟ้น มั่นคงยิ่งขึ้นระหว่างทศวรรษ 1950 เมื่อโคลด อารเปลส์ หลานชายของลูอิส อารเปลส์ ได้ทำความรู้จักกับจอร์จ บาลานชีน นักออกแบบท่าเต้นชื่อดังแห่งยุค หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งคณะระบำปลายเท้า New York City Ballet

ความชื่นชอบที่ทั้งสองบุรุษมีต่อรัตนชาติเหมือนกันนั้น ได้จุดประกายความคิดในการสร้างสรรค์ระบำปลายเท้าอันมีเนื้อหาแบบฉบับเฉพาะตัว อย่างที่จอร์จ บาลานชีนจดอธิบายไว้ในบันทึกส่วนตัวของตนว่า “ความคิดในการสร้างงานบัลเลต์เรื่องใหม่โดยใช้เครื่องแต่งกายประดับอัญมณีนั้น เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่นาธาน มิลสไตน์เพื่อนของผมได้แนะนำให้รู้จักกับโคลด อารเปลส์ ซึ่งเป็นพ่อค้าอัญมณีจากปารีส ต่อมา ผมได้เห็น คอลเลคชันรัตนชาติอันงดงาม ตระการตาของเขาในบูติกสาขานิวยอร์ก แน่นอน ผมเองก็เป็นคนชอบเพชรพลอยมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว [...] ผมชอบสีของอัญมณีต่างๆ, ความงดงามของมวลรัตนชาติ และเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจมากที่ได้เห็นว่าแผนกเครื่องแต่งกายของเราภายใต้การดูแลของการินสก้า สามารถสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพใกล้เคียงกับรัตนชาติของจริง ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องหนักเกินกว่าที่ทีมนักเต้นจะสวมใส่ได้!”*

Jewels ของบาลานชีน ได้จัดแสดงรอบปฐมทัศน์ขึ้นในเดือนเมษายน 1967 แต่ละองก์ของการแสดงสามภาคอันปราศจากเรื่องราว หรือการเล่าเรื่องนี้ ถูกออกแบบขึ้นเพื่อยกย่องความงดงามอันโดดเด่นเป็นหนึ่งของ รัตนชาติแต่ละชนิด และเช่นเดียวกัน แต่ละส่วนล้วนเป็นผลงานการประพันธ์เพลงจากต่างคีตกวี นั่นก็คือ กาเบรียล ฟลอเร เป็นผู้เรียบเรียงเสียงประสานดนตรีประกอบในส่วนของ Emeralds, อิกอร์ สตราวินสกี้ เป็นผู้ดูแลในส่วนของ Rubies และ Diamonds เป็นผลงานของปิออตร อิลิช ไชคอฟสกี้

ปิเอร อารเปลส์, ซูซานน์ ฟาร์เรล ดาราบัลเลต์ และจอร์จ บาลานชีน ภาพถ่ายประมาณปี 1976

vancleef

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม