พิการผูกคอตายปริศนา! เมียเชื่อถูกฆ่าโยงเพื่อนบ้าน - คู่กรณีโต้ เมาป่วน เดินปร๋อ (คลิป)

19 ต.ค. 61
จากกรณีตำรวจ สภ.เพนียด จ.ลพบุรี รับแจ้งเหตุ พบศพชายผูกคอตัวเองเสียชีวิต อยู่ใต้ต้นไม้ริมถนน หมู่ 1 บ้านดงมะรุม ต.ดงมะรุม อ.โคกสำโรง จึงประสานแพทย์ ร่วมรุดไปชันสูตรพลิกศพ แล้วไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัย แต่นางเสมอใจ เอี่ยมสำอางค์ ภรรยาของผู้ตาย สงสัยว่า ไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตาย แต่เกิดจากกลุ่มทะเลาะกับเพื่อนบ้าน และมีการฆาตกรรม แล้วนำไปร่างผูกคอใต้ต้นมะขามเพื่ออำพรางนั้น
นายบุญ เอี่ยมสำอางค์
วันที่ 18 ต.ค. 61 นางเสมอใจ เอี่ยมสำอางค์ อายุ 67 ปี ภรรยาของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองเจอกับสามีครั้งสุดท้าย เมื่อเช้าของวันที่ 15 ต.ค. เวลา 06.00น. จากนั้นก็ไม่เจออีก ประกอบกับวันดังกล่าว ขณะที่ผู้ตายออกจากบ้าน ก็ไม่ได้พูดคุยกับสามี เพราะเวลาสามีออกไปนอกบ้าน ก็ไม่เคยบอก เข้าออกบ้านเป็นปกติ และยืนยันว่า ไม่ได้มีเหตุทะเลาะกับสามี จนทำให้ต้องออกจากบ้านไปแต่อย่างใด
นางเสมอใจ เอี่ยมสำอางค์ ภรรยาของผู้ตาย
ส่วนสามีนั้น เวลาออกไปไหนก็มักจะมีรถวีลแชร์ออกจากบ้านไปตลอด และการเดินก็จะไม่เหมือนคนปกติ เพราะเนื่องจากมีความพิการเกี่ยวกับขา หากเดินทางไกล จะต้องนั่งอยู่บนวีลแชร์เท่านั้น แต่หากเดินในระยะใกล้ จะเดินได้ไม่มาก แล้วก็จะล้มลง เพราะขาไม่มีแรง หากต้องการเดินลงจากวีลแชร์ ก็จะต้องมีไม้เท้าติดตัวตลอด ดังนั้น หลังจากที่ผู้ตายหายออกจากบ้านไป ตนจึงได้สอบถามเพื่อนบ้านและญาติ ว่ามีใครเจอหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านมาบอกว่า สามีตนไปทะเลาะกับเพื่อนบ้านรายหนึ่ง
ภาพจำลองเหตุการณ์ชาวบ้านพบนายบุญ ผูกคอตาย
จากนั้น เช้าของวันที่ 17 ต.ค. 61 ตนเองเดินไปที่หลังบ้าน โดยจุดดังกล่าวเป็นสถานที่เลี้ยงวัว และมีต้นไม้ใหญ่ ประกอบกับหญ้ารกทึบ และมีคนเห็นลักษณะเหมือนนายบุญ ผู้ตาย ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งทุกคนก็ตะโกนถามว่า "ตาบุญ ไปทำอะไรตรงนั้น ออกมา ทุกคนหาตัวอยู่" ตนเองเป็นคนสายตาไม่ค่อยดี จึงเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าสามีผูกคอตายอยู่ใต้ต้นมะขาม ทั้งนี้ นางเสมอใจ กล่าวว่า การเสียชีวิตของสามี ตนสังเกตว่า ไม่ใช่ปมของการฆ่าตัวตาย มีข้อสงสัยตั้งแต่รถวีลแชร์ที่หายไป รวมถึงผู้ตายไปจัดหาเก้าอี้จากที่ไหน ที่สำคัญผู้ตายไม่สามารถปีนขึ้นไปยืนอยู่บนเก้าอี้ในระยะเวลานานได้ เพราะหากขึ้นไปยืนก็จะล้มลงมาทันที ส่วนธรรมชาติของผู้ตาย ด้วยความเป็นคนพิการ ไม่สามารถปีนขึ้นไปทำเชือกเพื่อผูกคอได้ในลักษณะที่เป็นเงื่อนแบบมัดตายแบบนั้นได้ และเชือกที่ใช้ก็ไม่ใช่เชือกทั่วไปที่หาได้ในละแวกบ้าน แต่เป็นสายไฟเก่าสีฟ้า ที่ถูกตัดนำมาดัดแปลงเป็นเชือกผูกคอ
ลวดสายไฟที่นายบุญใช้ผูกคอตาย
โดยลักษณะของการตาย ไม่ได้มัดเพื่อเป็นบ่วงสำหรับผูกที่คอ แต่ทำเป็นบ่วงลักษณะตัวยูคล้องไปที่คาง ขึ้นไปที่หูสองข้างเท่านั้น ที่น่าสังเกตคือผู้ตายไม่มีลิ้นจุกปาก มือแนบลำตัว มีเกร็งเล็กน้อย และมีลักษณะเหมือนคนหลับปกติ ตนเองจึงตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นคนที่ผูกคอตายจะไม่มีสภาพศพเป็นแบบนี้ แต่ทั่วไปไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือถูกทำร้ายอื่น ๆ
นางเสมอใจชี้จุด ที่นายบุญผูกคอตาย
จุดที่นายบุญผูกคอตาย
ขณะเดียวกัน นางเสมอใจ ภรรยาของผู้ตาย พาทีมข่าวเดินทางไปยังจุดที่นายบุญเสียชีวิต ซึ่งบริเวณนี้เป็นไร่และจุดเลี้ยงวัว ของเพื่อนบ้าน และไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา หากไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นเพราะมีต้นไม้ใหญ่รกทึบ โดยจุดดังกล่าวห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร ซึ่งต้นไม้ยังมีรอยของเชือกที่ผูกติดกับกิ่งเหลือไว้เห็น ส่วนบริเวณด้านใต้ต้นไม้ เป็นจุดที่มีเก้าอี้สีแดงเก่าทรุดโทรม วางไว้ 1 ตัว ใกล้ ๆ พบไม้เท้าและรองเท้าวางอยู่
เก้าอี้ที่นายบุญใช้ปีนไปผูกคอตาย
นางเสมอใจ กล่าวต่อว่า พื้นดินที่มีดินถูกขุดเป็นหลุมเป็นบ่อ บางจุดเป็นพื้นหญ้าไม่เรียบเสมอกัน หากสามีจะต้องเดินมายังจุดที่ฆ่าตัวตาย จะต้องเดินเท้ามาอย่างยากลำบาก เพราะรถวีลแชร์ไม่สามารถเข็นผ่านได้ และหากเดินด้วยเท้าก็จะลำบาก เพราะผู้ตายเดินเก้าชิดเก้าแบบช้า ๆ
นายบุญเรือง อ่วมภักดี อาสากู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์
นายบุญเรือง อ่วมภักดี อาสากู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ ระบุว่า ขณะที่ตนเองได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนผูกคอตาย จึงเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่ามีผู้ชายผูกคอตายอยู่ใต้ต้นมะขาม ลักษณะศพยืนตรงหันหน้าไปทางไร่ ปลายเท้าสัมผัสกับพื้น มีเชือกผูกไว้ที่คอ ลักษณะเป็นตัวยู ไม่ได้ทำเป็นบ่วงเพื่อรัดคอ แต่เชื่อว่าจะทำเชือกแบบวิธีใด ด้วยความพิการแขนขาไม่มีแรงหากผู้ขอไปแล้วว่าจะช่วยเหลือตนเองได้ยาก แต่สิ่งที่ผิดสังเกตตามที่ญาติติดใจอยู่นั้น ตนเองก็เห็นว่าลักษณะของผู้ตายไม่มีลิ้นจุกปาก เหมือนกับคนผูกคอตายทั่ว ๆ ไป ประกอบกับยืนอยู่ถ้าไม่เกร็ง ส่วนเชือกที่ใช้ผูกคอก็ไม่ใช่เชือกธรรมดาที่หาได้ทั่วไป แต่เป็นสายไฟสีฟ้าที่ถูกตัดมาใช้เป็นอาวุธฆ่าตัวตาย ส่วนละแวกรอบตัวผู้ตายก็มีเพียงรองเท้าและไม้เท้า ไม่พบวีลแชร์ที่ผู้ตายมักใช้เป็นพาหนะ
บริเวณบ่อปลา ใกล้กับจุดที่นายบุญผูกคอตาย
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวานที่ผ่านมา (18 ต.ค. 61) ได้ระดมกำลังของกู้ภัยในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปร่วมค้นหา โดยส่งนักประดาน้ำเข้าไปค้นหาบริเวณบ่อปลา ใกล้กับจุดผูกคอตาย เบื้องต้น ยังไม่พบรถวีลแชร์ และคาดว่าภายในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมค้นหาอีกครั้ง เพื่อให้ญาติคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการตายครั้งนี้
นางแพรพรรณ นิลละออ เพื่อนบ้าน คนที่ภรรยาของผู้ตายอ้างว่ามีปากเสียงกันก่อนเสียชีวิต
นางแพรพรรณ นิลละออ อายุ 58 ปี เพื่อนบ้าน คนที่ภรรยาของผู้ตาย อ้างว่ามีปากเสียงกันก่อนเสียชีวิต เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 08.00น. ผู้ตายได้เดินทางมาที่ร้าน โดยจอดรถวีลแชร์ไว้ที่หน้าร้าน และเดินตรงดิ่งเข้ามาภายในร้าน แต่ได้นำเอาอาวุธคล้ายกับท่อเหล็ก ยกขึ้นฟาดไปที่สามีตน แต่สามารถยกมือขึ้นมารับท่อเหล็กไว้ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นผู้ตายหันมาที่ตนเองและนำท่อเหล็กฟาดเข้าที่แขน 4 ครั้ง โดยตนเองได้ยกแขนซ้าย ขึ้นมาป้องกันเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฟาดโดนใบหน้า ทำให้เป็นแผลเล็กน้อย แต่มีรอยช้ำสีเขียวเป็นวงกว้าง และทุกคนก็ได้กลิ่นของแอลกอฮอล์ ซึ่งคาดว่าผู้ตายคงเมาได้ที่แล้วขาดสติ จึงเข้ามาก่อเหตุดังกล่าว
ภาพจำลองเหตุการณ์ นายบุญนั่งรถวีลแชร์ ไปร้านค้าของนางแพรพรรณ
ส่วนประเด็นของการทำร้ายร่างกาย ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเพราะมีลูกจ้างคนใหม่มาทำงานแทนตำแหน่งเดิมของผู้ตาย ทำให้เกิดความไม่พอใจ จึงเข้ามาทำร้ายนายจ้าง เพราะเดิมก่อนหน้านี้ นายบุญเคยทำงานที่ร้าน แต่ด้วยผู้ตายมีปัญหาสุขภาพ จึงต้องลาออกกลับไปดูแลร่างกายที่บ้าน ร้านจึงต้องรับลูกจ้างคนใหม่ เข้ามาทำงานทดแทน แต่หลังจากที่ผู้ตายอาการเริ่มดีขึ้น จึงกลับเข้ามาขอทำงานอีกครั้ง แต่ร้านไม่สามารถรับเข้ามาทำงานได้ เพราะมีคนงานที่ร้านอยู่แล้ว จึงได้ปฏิเสธผู้ตายไปก่อน จนกระทั่งล่าสุดผู้ตายได้เข้ามาขอเจรจาอยากทำงานร่วมกับร้านอีกครั้ง ว่า “ไม่มีเงิน อยากทำงาน” ร้านจึงบอกว่า "อีก 10 วัน ลุงค่อยมาเริ่มงาน เพราะมีลูกจ้างกำลังจะลาออกไปรับราชการทหาร" จากนั้นลุงก็พยายามเข้ามาสอบถามทุกวันว่าจะเริ่มงานได้เมื่อไร อย่างไร จนกระทั่งมาเกิดเหตุ ที่ลุงขาดสติ และนำอาวุธเหล็ก เข้ามาฟาดคนในร้าน ทั้งนี้ นางแพรพรรณ กล่าวว่า ตนยืนยันว่า ตนไม่เคยทะเลาะกับผู้ตาย ตามที่ภรรยาและชาวบ้านสงสัย เพราะตนก็ใช้ชีวิตแบบพ่อค้าแม่ค้า เหตุการณ์ครั้งนี้ ตนก็ไม่ได้ทะเลาะกับผู้ตาย เพราะแม้กระทั่งผู้ตายเข้ามาทำร้ายร่างกายตน ตนก็ไม่แจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากคิดว่าอีก 10 วัน ผู้ตายก็จะมาเริ่มงานกับตนอีกครั้งแล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่า การทะเลาะกันแค่เรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องฆ่ากัน นอกจากนี้ ด้านความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งสอบ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อสงสัยของภรรยาของผู้ตาย ที่ระบุว่าติดใจเกี่ยวกับการเสียชีวิต ซึ่งไม่ใช่การฆ่าตัวตาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงเร่งตรวจสอบหลักฐานที่มีอย่างละเอียด ก่อนสรุปผลการเสียชีวิตของนายบุญ ส่วนรถวีลแชร์ที่หายไป ตำรวจในพื้นที่ก็ม่ได้รับแจ้งเรื่องเบาะแส แต่ได้ประสานงานทำงานร่วมกับกู้ภัยในพื้นที่ เร่งค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ