จากกรณีที่ผู้ช่วยพยาบาลสาวเดินทางกลับจากที่ทำงานในช่วงดึก จากนั้นถูกมอเตอร์ไซค์ขับตามมา แล้วถีบจักรยานของผู้ช่วยพยาบาลล้มลงและจี้ทรัพย์สินมีค่ากว่าหนึ่งหมื่นบาทหลบหนีนั้น
วันที่ 3 ต.ค. 61 ทีมข่าวอมรินทร์ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณถนนเลียบคลองชลประทาน จากสี่แยกไฟแดงหุบกระทิง อ.บ้านโป่ง มุ่งหน้าอ.ท่าม่วง เป็นถนน 2 เลนสวนทางกัน มีทั้งรถเล็กและรถใหญ่ใช้ทางร่วม ส่วนถนนเส้นนี้มีระบบไฟสองสว่างเว้นระยะจุดละประมาณ 50 เมตร แต่บริเวณจุดที่เกิดเหตุ กลับพบว่าระบบไฟส่องสว่างใช้การไม่ได้ จึงมืดกว่าจุดอื่น ๆ และในระแวกนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ประกอบกับไม่มีบ้านเรือนประชาชน
จากนั้น
นายวสันต์ พิชิตชัยธวัฒน์ แฟนหนุ่มของผู้ช่วยพยาบาล พาทีมข่าวเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งบอกว่า ช่วงเวลานั้นมาประมาณ 20.53 น. ของวันที่ 1 ต.ค. 61 แฟนสาวได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า "โดนถีบรถล้ม และมีคนจี้เอาของไป" ซึ่งเกิดขึ้นห่างจากบ้านไม่ไกลมากนัก จึงได้รีบออกไปช่วยแฟนสาว โดยทันทีที่ไปถึง ได้เห็นสภาพของแฟนสาวนั่งอยู่บริเวณโพรงหญ้าข้างทาง รถจักรยานยนต์ล้มอยู่ข้าง ๆ รอบ ๆ ตัวมีของกระจาย เนื่องจากถูกคนร้ายรื้อค้นกระเป๋า
นางสาวเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 20.50 น. วันที่ 1 ต.ค. 61 ตนเองเดินทางกลับจากที่ทำงาน โดยได้จอดรถมอเตอร์ไชค์ส่วนตัวไว้ที่สถานีตำรวจบ้านโป่ง เพราะตอนไปทำงานจะนำรถส่วนตัวไปจอดไว้แล้วนั่งรถสาธารณะอีกต่อหนึ่ง จากนั้นก็ได้ขับรถกลับบ้านตามถนนสายที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นถนนริมคลองชลประทาน มีไฟสองสว่างเป็นระยะ ซึ่งขณะที่ขับรถกลับบ้านก็ขับเหมือนปกติทุกวัน บางวันกลับดึกเกือบเที่ยงคืน ก็ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ จึงไม่ได้สังเกตว่ามีใครขับตามหรือไม่
ซึ่งจังหวะที่ตัวเองขับมาถึงบริเวณจุดดังกล่าว พบว่าเป็นจุดที่ไฟส่องสว่างดับไปหนึ่งต้น และเป็นช่วงที่ตนเองชะลอรถให้รถกระบะขับแซงขึ้นไป เพื่อเตรียมตัวจะเลี้ยวเข้าบ้าน แต่หลังจากที่รถกระบะแซงผ่านพ้นไปแล้ว ได้มีรถมอเตอร์ไซค์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับมาด้านหลังแล้วถีบล้มลง ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าทำไมรถล้มลง จนกระทั่งหันไปมองจึงรู้ว่ามีคนเข้ามาถีบรถ จนรถของตนเองเสียหลักพุ่งลงโพรงหญ้าบริเวณข้างทาง จากนั้นก็มีชายสองคน คนหนึ่งเป็นคนขับลักษณะอวบอ้วน เข้ามาพร้อมกับชายอีกคนหนึ่งที่เป็นคนซ้อนท้าย โดยเป็นบุคคลรูปร่างสูง เข้ามาบอกตนเองว่า "มีของอะไรส่งมาให้หมด"
จากนั้นตนเองขัดคืน คนร้ายจึงตบหน้าอย่างแรงเข้าที่ด้านขวา ขณะนั้นตัวเองรู้สึกชาและมึนไปหมด ประกอบกับแว่นสายตาที่ใส่อยู่ก็หลุดออกจากใบหน้า ร่วงลงไปที่พื้น จากนั้นคนร้ายก็ได้หยิบกระเป๋าไปรื้อค้นเพื่อหาทรัพย์สินมีค่า โดยเทของในกระเป๋าออกมาทั้งหมด คนร้ายจึงได้เงินสดที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อไปจำนวนกว่าหมื่นบาท
นางสาวเอ เผยต่อว่า ขณะนั้นไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของคนร้ายได้ เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างมืด เห็นได้เพียงรูปร่างและเสื้อผ้าที่สวมใส่ เพราะแว่นสายตาที่ใส่อยู่ตกหายไป หลังจากที่คนร้ายขับรถออกไปแล้ว ตนเองจึงได้ใช้มือถือที่คนร้ายไม่ได้เอาไปด้วย โทรไปหาแฟนที่บ้าน เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที แฟนหนุ่มก็ออกมาช่วยเหลือ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุ
ส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ อาจเป็นมิจฉาชีพที่ทำประจำอยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เสพยาเสพติด ตนเองก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าคือใคร เพราะเคยเจอเป็นครั้งแรก ประกอบกับตนเองเพิ่งย้ายมาอยู่ในละแวกนี้ไม่นาน และความคืบหน้าล่าสุดตำรวจได้เร่งหากล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง และรวมถึงเร่งตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย แต่ยังไม่ทราบตัวของผู้กระทำผิด
นางวรีรัตน์ สิทธิ์กุล อายุ 49 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เผยว่า ถนนเส้นนี้ช่วงกลางคืนค่อนข้างมืด และเคยมีผู้เสียหายถูกจี้ค่อนข้างบ่อย โดยปกติจะเกิดขึ้นช่วงเช้ามืด เพราะมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออกไปขายของ ก็มักจะถูกขับรถประกบตาม บางคนที่รู้พฤติกรรมหรือเห็นความเคลื่อนไหวของคนร้าย ก็จะรีบขับหลบไปขอความข่วยเหลือ แต่บางครั้งก็มีบ้างที่เกิดขึ้นในช่วงกลางดึก แต่หลังเกิดเรื่องขึ้นก็ยังไม่สามารถจับกุมคนกระทำผิดได้ ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ทราบว่ากลุ่มคนเหล่านั้นคือใคร ดังนั้นจึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาสอดส่องดูแล ออกลาดตระเวน และติดตั้งไฟสองสว่างบริเวณถนนเส้นนี้ เพราะมีชาวบ้านใช้สัญจรเป็นประจำ