จากกรณีวันที่ 16 ส.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกภาคส่วนในจังหวัดอุดรธานี นำกำลังติดตามจับกุมนายทองสุข ศรีสมภาร อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ในข้อหาข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทาง, ร่วมกันซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ถูกวิสามัญยิง 3 นัดเสียชีวิต เนื่องจากพยายามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
หลังก่อเหตุยิงนายบรรจง ดีตูม อายุ 47 ปี ชาวบ้านบ้านโนนทับช้าง ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เสียชีวิต และนำศพไปทิ้งในป่าท้ายหมู่บ้านบ้านดงใหญ่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยิงทะลุอกหนุ่มสักแมงป่อง ทิ้งศพกลางป่ามือกำยาบ้า 50 เม็ด ชายปริศนาโผล่แจ้งเบาะแส
วันที่ 17 ส.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังวัดประดิษฐ์วราราม อยู่ในพื้นที่ หมู่ 6 บ้านนาคำหลวง ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ภายในศาลาวัด มีการสวดอภิธรรมศพของนายทองสุข ศรีสมภาร อายุ 50 ปี ผู้ต้องหา บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีแค่โรงเย็นแช่ศพ ยังไม่มีการจัดวางรูปตั้งหน้าศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยญาติพี่น้องเดินทางมาแสดงความเสียใจ
นางน้อม ชัยเสริม อายุ 67 ปี น้าสาวของนายทองสุข กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่านายทองสุขไปลงมือก่อเหตุฆ่านายบรรจงเสียชีวิต เนื่องจากตนอยู่คนละบ้านกัน ปกตินายทองสุขจะอยู่บ้านกับลูกชายคนเล็ก ส่วนนายอี้ ลูกชายคนโตของนายทองสุข อาศัยอยู่อีกคนละหมู่บ้าน มาทราบข่าวอีกทีก็ตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาแจ้งว่า นายทองสุขถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญเสียชีวิต เนื่องจากต่อสู้ด้วยอาวุธปืน
ซึ่งที่ผ่านมานายทองสุขเป็นคนเงียบ ๆ ขยันทำงาน และไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร ส่วนเรื่องยาเสพติด ตนคาดว่าจะมีจริง แต่ไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน พ่อแม่ของนายทองสุขก็เสียชีวิตหมดแล้ว ในเครือญาติกันจริง ๆ ก็เหลืออยู่ไม่กี่คน ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังทราบข่าว ตนก็ติดต่อไปยังครอบครัวของนายบรรจง ผู้เสียชีวิต เพื่อติดต่อขอขมา และช่วยเหลือเงิน 10,000 บาท ซึ่งทางญาติของนายบรรจงก็อโหสิกรรมให้ ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรแล้ว ซึ่งทางญาติเองไม่ติดใจกับการตายในครั้งนี้ เพราะถ้าเขาทำผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำถูกต้องแล้ว ส่วนงานศพคาดว่าจะมีการจัดประมาณ 2 วัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เพ็ญ ให้ข้อมูลว่า นายตะวัน หรือ บอย และนายอนุสรณ์ หรือ หนุ่ย ผู้ต้องหา ได้มีการฝากขังศาลจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
โดยนายตะวันถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และแจ้งข้อหานายอนุรณ์ หรือ หนุ่ย อายุ 16 ปี ข้อหาช่วยซ่อนเร้นศพย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย
นางจำปา (นามสมมติ) น้องสาวนายบรรจง ผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนได้ทราบข่าวแล้วว่านายทองสุขถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญ เนื่องจากมีการต่อสู้ในระหว่างการจับกุม ซึ่งตนมองว่าสมควรแล้ว เพราะหลังจากที่ตนได้ฟังคำสารภาพของผู้ต้องหาอีก 2 คน ซึ่งตนก็รู้จักเพราะเป็นคนในหมู่บ้าน ซึ่งนายทองสุขก็ค่อยข้างสนิทสนมกันกับนายบรรจง พี่ชายของตน ซึ่งตนและพี่ชายก็นับถือนายทองสุขเหมือนพี่แท้ ๆ นายทองสุขก็บอกกับตนว่านับถือตนเหมือนน้องแท้ ๆ เหมือนกัน ก็สงสัยว่าพี่น้องเขาทำกันแบบนี้เหรอ
นายตะวัน หรือ บอย กับ นายอนุสรณ์ หรือ หนุ่ย รับสารภาพว่า นายทองสุข เป็นผู้ลงมือยิง เนื่องจากนายบรรจงติดค่ายาเสพติดเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,000 กว่าบาท ก่อนหน้านี้ได้มีการยึดรถมอเตอร์ไซค์ของนายบรรจงไปแล้ว แต่นายตะวันมารับตัวนายบรรจง ไปที่บ้านของนายอี้ เป็นลูกชายคนโตของนายทองสุข ซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ห่างกันประมาณ 200 เมตร พอไปถึงบ้านก็พบว่านายทองสุขอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งนายตะวันอ้างว่า ให้มีการสวมเสื้อเกราะแล้วทำการลงโทษด้วยการเอาปืนยิงใส่ตัวนายบรรจง แต่กระสุนทะลุเข้าตัดขั้วหัวใจ ตนก็มองว่าเป็นข้ออ้าง เพราะวิธีกระสุนที่ยิงเข้าลึกขนาดนั้นน่าจะเป็นการจ่อยิง
หลังจากนั้น ก็มีการอ้างว่าทั้ง 2 คน ซ้อนจักรยานยนต์โดยให้นายบรรจงนั่งกลาง บอกว่าจะพาไปส่งโรงพยาบาล แต่นายบรรจงเสียชีวิตระหว่างทาง มีการโทรให้นายทองสุขขับรถกระบะออกมารับศพ เพื่อไปโยนทิ้งในป่า พอฟังแล้วก็ยิ่งทำให้คนในครอบครัวตนมีความเจ็บปวดมากกว่าเดิม ส่วนตัวมองว่าทำไมถึงทำกับพี่ชายตนถึงขนาดนี้ เหมือนพี่ชายตนเป็นสิ่งของ และไม่มีคุณค่าอะไรเลย
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญนายทองสุข ตนก็มองว่ามันก็สมควรแล้ว เพราะเขาฆ่าพี่ชายของตน ชีวิตก็ควรแลกด้วยชีวิต จากนั้นตนก็ได้มีการจุดธูปบอกพี่ชายแล้วว่าให้ไปสบาย เพราะสามารถจับตัวคนก่อเหตุได้ทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่และน้อง ส่วนญาติก็ไม่ติดใจเอาความอะไรแล้ว เพราะนายทองสุขก็ตายไปแล้ว ตนสามารถรับรู้ได้ว่าพี่ชายมารับฟัง ส่วนญาติของนายทองสุขก็มาขอโทษไปแล้ว เมื่อวานที่ผ่านมา ตนก็อโหสิกรรมให้
เช้าที่ผ่านมา ทางญาติก็มีการนิมนต์พระสงฆ์ และทำพิธีเชิญดวงวิญญาณอีกรอบที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง ในบ้านของนายอี้ ส่วนผู้ก่อเหตุอีก 2 คน ก็ขอให้ได้รับผลกรรมที่ตัวเองทำในคุก
