จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ นางวราพร อิ่มอาหาร อายุ 40 ปี สาวสวยพนักงานโรงงาน ในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกคนร้ายใช้เสื้อผ้ารัดคอ ใช้ของแข็งทุบที่ศีรษะจนเสียชีวิต แล้วนำร่างทิ้งลงในคลองบางพระครู หมู่ 3 ต.ตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา คนร้ายได้เผาเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตเพื่อทำลายหลักฐาน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวคนก่อเหตุ แกะรอยจากกล้องวงจรปิดได้แล้วนั้น
วันที่ 12 ส.ค. 64 ภายหลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ ชุดสืบสวนโรงพักสภ.บางปะหัน สภ.บ้านขล้อ เรียกสอบบุคคลต้องสงสัย และพยานมากกว่า 30 ปาก จนกระทั่งผลการตรวจดีเอ็นเอ ชี้ชัดไปที่คนงานก่อสร้างรายหนึ่ง ทำงานอยู่ที่วัดตาลเอน เส้นทางผ่านหลังเลิกงานของนางวราพร เจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าตรวจสอบ สอบปากคำมากกว่า 4 ครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รวบแล้วมือฆ่าสาวโรงงาน ทิ้งศพเปลือยลงคลอง พบคนร้ายเป็นคนงานก่อสร้างวัยแค่ 18 ปี
- ล็อกตัวสอบ 5 โจ๋ไขคดีฆ่าสาวเปลือย ญาติรับหาปลาใกล้ศพ ผัวโล่งรอดโควิด
- ล่าก๊วนฆ่าสาวเปลือยกลางอากาศ ตร.มั่นใจจับได้แน่ เจออีกหวีโผล่ใกล้ศพ
วันที่ 12 ส.ค. 64 เวลา 14.00 น. ตำรวจนำตัวนายกวินภพ หอมดวง หรือ ตาล อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ หรือเคลื่อนย้ายศพเพื่อปกปิดการตาย ทำแผนประกอบรับคำสารภาพ โดยมีสามีของผู้ตายยืนดูการทำแผนฯ
ทีมข่าวได้รับกล้องวงจรปิดหลักฐานในคดี วินาทีที่รถของนางวราพร ผู้ตาย ขับผ่านกล้องจุดโกดังแยกอะไหล่รถ ช่วงเวลา ประมาณ 20.22-20.30 น. สังเกตว่ารถมอเตอร์ไซค์ของคนตายขับนำหน้า มีรถของนายตาลขับตาหลังมาติด ๆ เมื่อผ่านจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวไปแล้ว จากจุดที่โกดังอะไหล่รถบันทึกภาพกล้องวงจรปิดเอาไว้ได้ ถึงบริเวณจุดรถมอเตอร์ไซค์ล้มห่างกันเพียงแค่ 700 เมตร
จากนั้นทิ้งห่างไม่ถึง 5 นาที รถของนายตาลขับย้อนกลับมาเพียงลำพัง เมื่อผ่านหลุดจากกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวไปแล้ว จะเลี้ยวซ้ายเข้าไปที่จุดทิ้งศพ ห่างจากโกดังอะไหล่รถเพียง 200 เมตร ซึ่งเชื่อมโยงกับภาพวงจรปิดแสงไฟของรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุและผู้ตายก่อนหน้านี้นั้น
นางสาวสุดใจ ไชยศรี อายุ 30 ปี พี่สาวของพี่ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า นายกวินภพ น้องชายไม่เคยมีพฤติกรรมเรื่องของการอนาจาร หรือเกี่ยวข้องกับการหมกมุ่นทางเพศ หลังจากที่ไปก่อเหตุตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. จนกระทั่งถึงเมื่อวานก่อนที่ตำรวจจะมาควบคุมตัว ทุกอย่างก็ดูปกติ ยอมรับว่าน้องชายก็เป็นเด็กดีคนหนึ่ง ขยันทำงาน แต่สำหรับการก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าตัวอ้างว่าไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์สิน แต่เป็นเพียงแค่อยากจะดูรูปร่างของคนตายเท่านั้น
เรื่องนี้ตนเองไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพราะไม่รู้ ไม่ได้คลุกคลีหรืออยู่ในที่เกิดเหตุด้วย อยากจะขอโทษฝากไปถึงครอบครัวคนตายว่า ตนเองอยากจะขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิด เข้าใจหัวอกของคนสูญเสีย "ลูกเขา เขาก็รัก เมียเขา เขาก็รัก ในเมื่อคนของเราไปทำแบบนี้แล้วก็ต้องขอโทษจากใจจริง" ยืนยันว่าที่ผ่านมาครอบครัวไม่มีใครรู้ว่าน้องชายไปก่อเหตุอะไรไว้ หากทุกคนรู้ก็คงพาไปมอบตัวตั้งแต่แรกแล้ว และหากเป็นไปได้ตนเองก็อยากจะพาน้องชายไปกราบกระดูกและขออโหสิกรรมต่อคนตาย ก็ไม่รู้ว่าจะพ้นโทษหรือได้ออกมาใช้ชีวิตปกติหรือไม่
นายสุบรรณ พรหมเลิศ เพื่อนร่วมงานผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมา นายกวินภพทำงานและใช้ชีวิตตามปกติในแคมป์คนงานและไซต์งานของวัดตาลเอน ทุกอย่างทำตัวปกติ ไม่มีใครมองว่านายกวินภพเป็นผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับคดีการตายของนางวราพรแต่อย่างใด การทำงานของนายกวินภพจะรับผิดชอบเกี่ยวกับการขับรถแบ็กโฮ โดยทุกวันก็จะนำรถแบ็กโฮมาจอดที่หน้าห้องของตนเอง หลังจากนั้นตอนเช้าก็จะขับออกไปทำงานตามปกติ ซึ่งในวันดังกล่าวตนเองจำไม่ได้ว่าวันนั้นนายกวินภพนำรถมาจอดที่เดิมหรือไม่ หรือเอาไปจอดอีกที่
ยอมรับว่าตลอดช่วงที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบรถแบ็กโฮ ทีแรกก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับคดีการตายของนางวราพร จนกระทั่งมีการเดินทางมาตรวจดีเอ็นเออีกครั้ง ก็ยืนยันว่าทุกอย่างตรงกัน มีความชัดเจนว่านายกวินภพมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนางวราพร ตนเองก็รู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าเด็กอายุ 18 ปีจะไปก่อเหตุดังกล่าวคนเดียวได้
