กรณีภาพคนนอนเสียชีวิต 2 ศพ ถูกแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย หลังชาวบ้านในพื้นที่ช่วยโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือตั้งแต่ยังมีชีวิต แต่การรอคอยไม่อาจยื้อชีวิตทั้ง 2 คนไว้ได้ สุดท้ายเสียชีวิตบนถนนและบนทางเดินเท้า โดยศพต้องนอนอยู่ริมถนนหลายชั่วโมง เนื่องจากการเก็บศพในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะต้องมีอุปกรณ์ครบครันและรัดกุมเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค
โดยศพแรก เป็นชายอายุ 50 ปี ทราบว่าเป็นคนโบกรถวัดบวรนิเวชวิหารฯ ล้มลงหัวฟาดพื้นตั้งแต่เวลา 10.00 น. แม้กู้ภัยจะปฐมพยาบาลเวลา 15.00 น. แต่ก็ไม่ทัน เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ซึ่งศพยังคงอยู่ที่เดิม จนถึงเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่จึงสามารถเก็บร่างของผู้เสียชีวิตออกไปจากพื้นที่
ทั้งนี้ภายหลังทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายสมเกียรติ เรือนขาว อายุ 50 ปี และศพยังอยู่ที่ รพ.วชิระ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดต่อญาติที่อยู่ จ.ชุมพร ได้แล้ว จึงต้องรอญาติตัดสินใจเรื่องการทำศพ
ล่าสุดวันที่ 21 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่บริเวณที่นายสมเกียรติ นอนเสียชีวิต มีการจุดธูปและนำอาหารและเครื่องดื่มมาให้วิญญาณผู้ที่ล่วงลับตามความเชื่อ ทีมข่าวยังพบรองเท้าและถุงพลาสติกที่ใส่สิ่งของของผู้เสียชีวิตวางอยู่ในจุดดังกล่าวด้วย ขณะที่ชาวบ้านประสานรถน้ำของสำนักงานเขตพระนคร เข้ามาช่วยฉีดล้างฆ่าเชื้อ ในสภาพที่ชาวบ้านยังผวาหวาดกลัว และปิดบ้านไม่กล้าออกจากบ้าน พร้อมเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานให้ประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
นายสมพงษ์ ณ สกุล อายุ 59 ปี ประชาชนในพื้นที่ หนึ่งในผู้ที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า นายสมเกียรติ เดินมาแล้วล้มหัวฟาดพื้นไปต่อหน้าต่อตา ตนจึงตัดสินใจใช้ผ้าขาวที่มีอยู่ในบ้านเอาไปคลุมตัวนายสมเกียรติ เพราะตนคิดว่าน้ำใจเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับจากคนไทยด้วยกัน ตนทนมองคนที่นอนตายไปต่อหน้าอยู่ในสภาพเช่นนั้นไม่ได้ อย่างน้อยมีผ้าก็เอาไปคลุมให้ และยังคงยึดมั่นในการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน แม้จะเริ่มกลัวว่าสังคมตอนนี้กำลังแบบต่างคนต่างอยู่
ในขณะนั้นแม้ตนจะรู้สึกหดหู่มากแค่ไหน และแม้ช่วยได้ไม่มาก แต่เหมือนตนได้อยู่เป็นเพื่อน ส่วนพื้นที่ช่วงนั้นจะเห็นว่าถนนในซอยถูกปิดชั่วคราว คนในพื้นที่ก็ใช้เส้นทางอื่นในการสัญจร เห็นชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันดี ส่วนการที่นายสมเกียรติ มานอนตายหน้าบ้าน ตนก็ไม่ได้กลัวว่าชาวบ้านจะรังเกียจ เพราะตนป้องกันตัวเองตามมาตรการอยู่แล้ว เรื่องผีตนก็ไม่ได้กลัว ขณะที่ชาวบ้านก็ยังระวังตัวและต่างคนต่างอยู่
สำหรับนายสมเกียรติ อายุ 50 ปี ผู้เสียชีวิต มักนอนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ปากซอยวิสุทธิกษัตริย์ เขตพระนคร ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมต่อไปยังจุดที่เสียชีวิต ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ก็พบจุดที่นายสมเกียรติ นอนยังมีข้าวกล่อง แต่เน่าเสียแล้ว ซึ่งยังไม่มีใครกล้าเก็บออกไป และพบร่องรอยการพักอาศัยข้างร้านสะดวกซื้อ
ทีมข่าวพบนางชาลินี ติ่งสุข อายุ 66 ปี ชาวบ้านที่ช่วยดูแลนายสมเกียรติ ก่อนเสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า เวลา 14.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค.64 ที่ผ่านมา จู่ ๆ นายสมเกียรติ นอนชักเกร็ง หนาวสั่น คาดว่าเป็นเพราะโรคประจำตัวกำเริบ ตนจึงแจ้งตำรวจขอความช่วยเหลือ แต่รู้สึกโมโหเพราะตำรวจบอกว่า "พวกกะเรี่ยกะราดใช่ไหม" คำ ๆ นี้ทำให้ตนโมโหมาก ความเป็นคนด้วยกันอยู่ตรงไหน แต่ก็ยังดีที่ส่งสายตรวจเข้ามาดู
จากนั้นตนโทรศัพท์ประสานศูนย์เอราวัณ รออยู่ 3 ชม. ทางศูนย์ส่งเจ้าหน้าที่มาวัดความดัน พบว่าสูงถึง 160 จึงให้ยา น้ำ และซื้อข้าวไข่เจียวให้กิน นายสมเกียรติ มีอาการดีขึ้น จนช่วงค่ำตนยังสอบถามว่า "ไหวไหม" นายสมเกียรติ ก็พยักหน้าตอบรับ ประกอบกลับคืนนั้นฝนตก ตนจึงนำเสื้อคลุมหนา ๆ พร้อมผ้าห่มมาให้
กระทั่งช่วงเช้าตนก็ยังสอบถามว่า "ไหวไหม" นายสมเกียรติ ก็ยักหน้าเช่นเดิม ตนจึงหาข้าวให้กิน แต่นายสมเกียรติ กินไปครึ่งเดียว ตนจึงถาม "ทำไมกินน้อยจัง" นายสมเกียรติ ตอบว่า "กินไม่ลง" สักพักก็ลุกหายไปก่อนที่จะทราบข่าวว่าไปล้มหัวฟาดพื้นอยู่ตีนสะพาน ตนจึงรีบวิ่งไปดู พยายามหาวิธีช่วย แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะตนเพิ่งผ่าเข่า จึงช่วยอะไรไม่ได้ ยอมรับว่ามันหดหู่มาก ๆ เห็นสภาพนอนตากแดดตาย เหมือนหมาข้างถนน และตำรวจกลับไปลงความเห็นว่าติดโควิด-19 ตาย ตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้ตนคิดว่านายสมเกียรติ มีโรคประจำตัวและรอดตายมา 2 ครั้ง วันนั้นก็แค่มีไข้ ความดันสูง เจ้าหน้าที่ศูนย์เอราวัณก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นโควิด-19 และฝากให้ตนช่วยกันดูแล ตนจึงคิดว่านายสมเกียรติ ไม่ได้ติดโควิด-19 ตาย และเชื่อว่าถ้าไม่เดินไปจุดนั้น นายสมเกียรติ ก็คงไม่ตาย
ส่วนตัวนายสมเกียรติ เคยมีเจ้านาย แต่เจ้านายเสียชีวิตไปแล้ว และเคยมีภรรยาและมีลูกสาว 2 คน แต่ตอนนี้ตนก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้ก็ไม่มีบ้าน อาศัยนอนข้างร้านสะดวกซื้อ จึงมีเพียงตนและเพื่อนในชุมชนช่วยกันดูแล
จากนั้นทีมข่าวเดินทางจุดที่ชายนิรนามเสียชีวิตที่หน้าร้านศึกษาภัณฑ์ ถนนราชดำเนิน ยังไม่รู้ที่มาที่ไป และไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเสียชีวิตตั้งแต่เวลาใด กระทั่งเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ชุด PPE มาเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตออกไปนอกพื้นที่ โดยยังไม่มีการยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิตในขณะนั้น แต่เช้าวันนี้ทราบจากสำนักงานเทศกิจเขตพระนคร ว่าผู้เสียชีวิต คือ นายเสรี อายุ 59 ปี เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว กู้ภัยนำส่งไปยังรพ.วชิระ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดต่อญาติได้
ทีมข่าวพบนายสุชาติ สวัสดี อายุ 43 ปี คนไร้บ้าน ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ในเวลาประมาณ 16.00 น. ตนเดินมาพอดีเห็นว่านายเสรี กำลังหายใจไม่ออก และบอกตนว่าเป็นโรคเบาหวาน จากนั้นก็ล้มลงเสียชีวิตต่อหน้า เมื่อแพทย์และตำรวจมาถึงก็ทำได้นำเพียงผ้าคลุมไว้ก่อน ตนและคนไร้บ้านในย่านนี้ต่างก็รู้สึกเศร้ากันหมด
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่ารู้สึกส่งสารเพื่อนร่วมโลกมาก ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร นั่งมอง นั่งเฝ้า กว่ารอรถกู้ภัยมาเก็บศพนานเกือบ 6 ชม. รถเมล์ที่ขับเข้ามาจอดรับส่งคนที่ป้ายรถเมล์ ก็งงกันหมดว่าใครมานอนตาย เพราะปกติหากมีคนตาย ไม่นานกู้ภัยก็น่าจะเข้ามาเก็บศพออกไปนอดพื้นที่แล้ว ตนจึงสงสัยว่าทำไมมาช้าและปล่อยศพไว้จนมีแมลงวันตอม
นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยทำงานเป็นพนักงานล้างจานอยู่ที่การบินไทย เคยกินแต่พิซซ่า แต่วันนี้ต้องมารอคนนำข้าวมาแจกเช่นนี้ ตนยืนยันว่าไม่อยากทำแบบนี้ แต่ตนไม่มีญาติก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องมีชีวิตเอาตัวรอดอยู่ไปวัน ๆ
ขณะทีมข่าวกำลังลงพื้นที่ พบผู้ใจบุญนำข้าวและน้ำดื่มมาแจก ปรากฏว่าผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น ต่างพากันวิ่งกรูกันเข้าไปต่อคิวรับแจกข้าว บางคนรับข้าวแล้วโชว์ให้ทีมข่าวดู และมีสีหน้าท่าทางดีใจ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายวริษฐ์ ก้อนทอง อายุ 48 ปี ผู้ใจบุญ อาชีพขายลอตเตอรี่ กล่าวว่า ทุกครั้งที่ตนมารับลอตเตอรี่ที่กองสลาก จะเห็นกลุ่มคนไร้บ้านจำนวนมากนั่งรอแบบไร้ความหวัง ตนจึงตั้งมั่นว่าจะช่วยคนเหล่านี้ให้อิ่มท้องทุก ๆ วันที่ 6 และวัน 21 ของทุกเดือนแบบไม่มีกำหนด ซึ่งเมื่อรู้ข่าวว่าตรงนี้มีคนตายก็รู้สึกหดหู่ใจ และไม่รู้ว่าติดโควิด-19 หรือไม่ แต่การแจกข้าวให้คนไร้บ้าน ตนทำต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 แล้ว และวันนี้ก็ป้องกันตัวสวมหน้ากาอนามัย 2 ชั้น
อย่างไรก็ดี ในมุมของตนก็ขอน้อมรับและขอโทษที่มีภาพคนไม่เว้นระยะห่างกรูกันเข้ามารับแจกข้าว แต่ตนคิดแค่ว่าอยากให้คนเหล่านี้อิ่มท้อง สิ่งสำคัญคือในภาวะแบบนี้ รัฐบาลควรลงมาดูแลคนเหล่านี้บ้าง แม้ไม่ได้รับสิทธิ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่พวกเขาก็ควรจะอิ่มท้องหรือไม่
สืบเนื่องจากพบผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย ในพื้นที่ สน.สำราญราษฎร์, สน.ชนะสงคราม และ สน.ทองหล่อ ที่ถูกปล่อยทิ้งให้นอนเสียชีวิตอยู่กลางซอย ข้างถนนเพียงลำพัง ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำ โดยที่ไม่มีหน่วยงานใดมาดำเนินการเก็บร่างผู้เสียชีวิตเป็นที่น่าสลดใจกับผู้พบเห็น เพราะเกรงว่าทั้ง 4 ราย จะติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่
โดยรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า จำนวน 4 ศพยืนยันแล้วว่า 2 รายติดเชื้อโควิด-19 หนึ่งในนั้นทราบชื่อ นายบรรพต อายุ 81 ปี พบเสียชีวิตภายในบริเวณวัดสุทัศน์ฯ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่นิติเวช รพ.ตำรวจ เข้าดำเนินการเก็บศพในเวลา 21.00 น.
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวณวัดสุทัศน์ฯ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร พบว่าทางเข้าออกประตูวัดปิดไม่สามารถเข้าออกได้ แต่ยังไม่มีแผ่นป้ายหรือประกาศจากวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสถานการณ์โควิด-19
นางปรารถนา แย้มวงษ์ศรี อายุ 49 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวบริเวณทางเข้าออกประตูวัด ถนนตีทอง เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองเพิ่งจะทราบเรื่องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.64) ค่อนข้างดึกและใกล้ช่วงเคอร์ฟิวแล้ว ตนจึงไม่ทันได้เห็น ถามว่าคนที่เสียชีวิตนั้นเป็นคนภายในวัดหรือไม่ ตนไม่มั่นใจเพราะยังไม่เห็นหน้าผู้เสียชีวิต แต่สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นคนเร่ร่อน เพราะในช่วงดึก ๆ จะมีคนเร่ร่อนมานอนบริเวณแถววัดเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ส่วนตัวรู้สึกหดหู่และเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ตนเห็นเหตุการณ์แบบนี้
กรณีชาวบ้านคลองเตย พบชายนิรนามนอนเสียชีวิตปริศนา หน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส เจ้าหน้าที่อาสาจึงเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นไม่พบเอกสารยืนยันตัวตนใด ๆ โดยชายคนดังกล่าวใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงสีดำ มีหน้ากากใต้คาง อายุประมาณ 40 ปี
ล่าสุดวันที่ 21 ก.ค.64 ขณะที่ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปพบว่าเป็นพื้นที่ริมถนน บริเวณฟุตพาทหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส เป็นจุดที่พบชายคนดังกล่าวนอนเสียชีวิต ห่างจากจุดเกิดไปประมาณ 500 เมตร เป็นจุดที่ชายรายนี้มานอนพักอาศัยเป็นประจำ พบว่าเป็นใต้ต้นไทร หลังร้านขายยางรถ
ทีมข่าวได้พบกับนายขวัญ สมบูรณ์ อายุ 29 ปี ผู้เคยพบเจอชายเร่ร่อนคนดังกล่าว กล่าวว่า ทุกครั้งที่ตนมานั่งพักรอลูกค้าสั่งอาหาร ก็มักจะพบเห็นชายที่เสียชีวิตเป็นประจำ และมีภรรยาอยู่ด้วย ซึ่งจะเดินหาของเก่าเก็บขยะไปเรื่อย ๆ หากได้เงินแล้วก็จะซื้อเหล้ามานั่งกินกัน 2 สามีภรรยา พอเมาได้ที่ก็จะทะเลาะด่าทอกัน 2 คน
อย่างไรก็ตาม ตนสังเกตเห็นว่าไม่มีข้าวของอะไรเลย มีแค่เสื้อผ้าที่ใส่กันอยู่ 1 ชุดเท่านั้น ตนเพิ่งจะพบเห็นทั้งคู่เมื่อ 2 วันที่แล้ว เมื่อมาทราบว่าเพิ่งเสียชีวิตก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่วันนี้ตนมานั่งพักอยู่บริเวณนี้ ก็ยังไม่พบเห็นภรรยาของชายคนดังกล่าว ที่สำคัญตนก็ไม่ทราบว่าเขาชื่ออะไร เพราะไม่ค่อยกล้าไปพูดคุย กลัวว่าจะติดเชื้อโควิด-19
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสุพจน์ ธัญญผล อายุ 38 ปี หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวไม่มีใครทราบว่าชื่ออะไร เพราะเป็นชายเร่ร่อนที่ชอบอาศัยอยู่แถวบริเวณนี้มานานแล้ว เดินเก็บของเก่า บางคนสงสารก็ต้องหาข้าวหาน้ำส่งให้ ปกติแล้วจะเดินเร่ร่อนกัน 2 สามีภรรยา และจะกินเหล้ากันทั้งคู่ แต่เมื่อฝ่ายสามีได้เสียชีวิต ตนก็ยังไม่เห็นฝ่ายภรรยาอีกเลย
โดยทุก ๆ ครั้งที่ตนพบเห็น ดูท่าทางแล้วไม่ใช่เป็นคนที่ก้าวร้าวกับคนอื่น ๆ แต่อย่างใด แต่จะเป็นคนที่เวลาเมาแล้วเดินพูดคุยคนเดียว เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ตนรับส่งลูกค้าเสร็จแล้ว กำลังขี่รถมาที่จุดรับลูกค้า ก็พบเห็นว่าชายเร่ร่อน นอนนิ่งอยู่ด้านหน้าฟุตพาทแล้ว ตอนแรกคิดว่าเมา จึงกดแตรรถจักรยานยนต์เรียกให้ตื่น เพราะเป็นพื้นที่ประชาชนเดินไปเดินมา แต่สุดท้ายก็ไม่ตื่น นอนนิ่ง มาทราบภายหลังว่าเสียชีวิตแล้ว จากนั้นเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง จึงมีเจ้าหน้าที่เข้ามา ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร เพราะเห็นจนชิน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็มี 2-3 ศพ ที่ใช้เวลานานกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มารับศพออกไป
ทีมข่าวได้พบนายคณิต ชุมช่วย หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ เขตพระนคร พร้อมด้วยนายธนวินท์ ภิญโญโสภณ ประธานศูนย์ อปพร.เขตพระนคร ซึ่งเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.64) มีภาพทั้งคู่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งในภาระกิจเก็บศพในเขตพระนคร ที่มีผู้เสียชีวิตนอนคาถนนและบนฟุตพาท
นายคณิต ให้ข้อมูลว่า ตนยอมรับว่าเมื่อคืนนี้เป็นเวรของเวรมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งมีรถคันเดียวที่เป็นรถเฉพาะเก็บศพโรคโควิด-19 เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.64) ตระเวนเก็บไปแล้ว 8 ศพ กว่าจะถึงเขตพระนครก็ล่าช้า ดังนั้นอยากให้สังคมเห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย ส่วนงานของเทศกิจนั้น ไม่ได้มีหน้าที่เก็บศพ แต่ในวิกฤตเช่นนี้เมื่อชาวบ้านแจ้งเข้ามา ตนก็นำทีมเข้าพื้นที่ไปช่วยดูแลความสะดวกจนจบภาระกิจ ส่วนงานหลักของเทศกิจในช่วงโควิด-19 โดยเฉพาะเขตพระนคร คือ การนำผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวไปส่ง รพ.สนาม และศูนย์พักคอย
นายธนวินท์ กล่าวชี้แจงว่า งานหลัก ๆ ในช่วงนี้คือเรื่องการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ นำยาไปส่งให้ผู้ป่วย และเฝ้าผู้ที่เสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง เพราะพวกตนที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะลงมือเก็บศพผู้เสียชีวิตได้ สำหรับเคสผู้เสียชีวิตตรงข้ามวัดบวรฯ ทางสำนักงานเขตแจ้งมายังหน่วยงานของตน แต่ขณะนั้นพวกตนกำลังปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยอีกเคส ยืนยันว่ารถกู้ภัยในระบบขณะนั้นติดภารกิจเก็บศพอยู่ที่คลองสามวา กำลังจะเดินทางไปที่ปทุมวัน และมีที่รัชดาอีก 1 เคส
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าการทำงานของกู้ภัยที่จะเข้ามารับศพโควิด-19 ก็ต้องมีขั้นตอน ทั้งชุด PPE วิธีการเก็บศพ และนำส่งชันสูตร ไม่ต่ำกว่า 2 ชม. ทุกอย่างต้องเชฟเจ้าหน้าที่ แต่คนทั่วไปกลับไม่เข้าใจ ตนจึงอยากวิงวอนให้ทุกคนเข้าใจว่าเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.64) มีหลายเคสจริง ๆ อยากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย เชื่อว่าจากสถานการณ์เมื่อวานนี้ ป่อเต็กตึ๊ง และมูลนิธิร่วมกตัญญู เตรียมปรับแผนรองรับแล้วเช่นกัน
