"เสธ.เอ้" ขู่สื่อลบคลิปเสียง เหยื่อใหม่โผล่แฉถูกขู่เบี้ยวหนี้ 4 แสน DSI แจงปลดแล้ว (คลิป)

29 มิ.ย. 64

กรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อย V Plus" ลงคลิปวงจรปิด ข้อความระบุว่า "#อยู่ดีดีโดนบุกทำร้าย ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน แอบอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านที่ติดกับบ้าน น้อง แต่บ้านหลังนั้นน้องซื้อมาตั้งแต่ปี 62 ก็เลยขอดูเอกสารสิทธิ์ จนมีปากเสียงกันและกลุ่มที่มาอ้างก็รุมทำร้าย แล้วขับรถหนี ฝากตามตัวด้วยค่ะ ต้องเอาให้หนัก บุกรุกยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย ต.มะขามเตี้ย สุราษฎร์ธานี เตือนภัย บุคคลอันตรายครับ ตอนนี้ได้แจ้งความกับทาง สภอ. เรียบร้อยแล้ว รอหมายจับได้เลย" นั้น

559655

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
คนพิลึก! ขายบ้านแล้วอยากได้คืน ส่งแก๊งมากระทืบเจ้าของ สั่งเสธ.โทรขู่สื่อ

512387

วันที่ 29 มิ.ย. 64 นายวรวิทย์ เศรษฐเดช หรือ เบิร์ด ผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า หลังจากเหตุการณ์ที่ตนเองถูกนายเอ็ม พร้อมพรรคพวกเข้ามาบุกทำร้ายร่างกายที่บ้าน ก็ได้มีการดำเนินคดีและแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างการออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ตนเองก็เพิ่งทราบจากการนำเสนอข่าวเมื่อวานนี้ว่านายเอ็มมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้จักกับบุคคลอ้างว่าเป็นทหาร หรือ เสธ.เอ้ และได้มีการข่มขู่ผู้สื่อข่าว

916562

จากกรณีนายเอ็มอ้างว่าเป็นหลานของเสธ.เอ้ และอาจจะเกี่ยวข้องกับความมีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนตัวก็รู้สึกตกใจและกลัวในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามองอีกมุม ที่ตนเองเป็นผู้เสียหายเป็นเจ้าของบ้านที่มีการซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องทวงคืนเงินที่มีการผ่อนจ่ายไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นเงินที่หามาจากน้ำพักน้ำแรง เป็นเงินสุจริต ตนเองคงไม่ยอมเสียบ้านหลังนี้ไปโดนที่ไม่ได้อะไร แต่ส่วนตัวก็เชื่อว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้ขอบเขตของอำนาจกฎหมาย คงไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

นายเบิร์ด กล่าวย้ำว่า บ้านหลังดังกล่าวตนเองมีการผ่อนจ่ายและทำสัญญาซื้อขายอย่างถูกต้อง ฉะนั้นถ้าหากนางสาวอี้ หรือ นายเอ็ม ต้องการที่อยากจะทวงบ้านคืนก็ต้องมีการจ่ายเงินส่วนที่ตนเองผ่อนจ่ายไปประมาณ 12 งวด สัญญาซื้อขายก็ระบุชัดเจน หากจะได้รับบ้านคืนก็ต้องมีการคืนเงินส่วนที่ผ่อนจ่ายไปแล้ว จะมาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนเองซื้อบ้านหลังดังกล่าวเมื่อปี 2562 ก็ได้มีการเข้าอยู่อาศัยช่วงหนึ่ง จนกระทั่งนางสาวอี้ ได้มีการทวงบ้านคืนเมื่อปี 2563 อ้างว่าขออยู่อาศัยเพราะไม่มีบ้านอยู่ ตนเองก็ย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน เพื่อเห็นแก่นางสาวอี้ที่ไม่มีบ้านอยู่ แต่เมื่อมีการคืนบ้านคืนกุญแจให้อยู่อาศัยชั่วคราว นางสาวอี้กลับไม่ได้อยู่อาศัยด้วยตัวเอง แต่ไปให้ผู้เช่ารายอื่นมาเช่าอยู่อาศัยแทน แล้วมีการเก็บค่าเช่า ซึ่งผู้เช่าที่ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยเป็นสามีภรรยากัน จึงมีลักษณะทะเลาะกันบ่อย อยู่อาศัยกันได้ไม่นาน และยังสังเกตว่ามีการทำลายทรัพย์สินในบ้าน อาทิ กระจก รั้วบ้านได้รับความเสียหาย ตนเองในฐานะที่ยังเป็นผู้ครอบครองบ้านถูกต้องจึงได้เข้าไปทวงถามเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เสียหาย สุดท้ายผู้เช่าก็ได้มีการย้ายไป

ส่วนความคืบหน้าทางคดีวันนี้ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษธานี ได้รวบรวมพยานหลักฐานพร้อมทั้งได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น บุกรุกเคหะสถานยามวิกาล โดยจะมีการเรียกบุคคลที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิดจำนวน 3 คน คือ นายเอ็ม เพื่อนนายเอ็ม และนายถ้วน

932473

โดยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 14.23น. ได้มีโทรศัพท์สายปริศนาโทรเข้ามาเพื่อขอให้ทีมข่าวหยุดการทำข่าวเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายนายเบิร์ด อ้างว่า คนที่ไปทำร้ายร่างกายเป็นหลานชายของทหารยศเสธ. การสนทนาระบุใจความว่า "ไปทำข่าวทำไม เป็นคดีของหลานพี่ ข่าวที่มีคนกระทืบ เป็นข่าวของหลานชายพี่เอง ไม่ต้องทำข่าว ให้หยุดเลย รู้แล้วว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตนเองไม่กังวลเพราะตนเองรู้จักกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พี่ต่าย และที่สำคัญนิพล พวกนั้นก็น้องพี่ทั้งหมด พี่รุ่น 25 และเคยได้ยินชื่อคำว่าเสธ.เอ้ไหม เคยออกข่าว นั่นแหละคือคนเดียวกัน และกำลังจะลงส.ส.แล้ว"

904442

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 มิ.ย. 64 เวลา 18.44 น. ชายปริศนาซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นเสธ.เอ้ โทรศัพท์เข้ามาหาทีมข่าวด้วยหมายเลขโทรศัพท์เดิม ระบุใจความว่า "ทำไมมีคลิปเสียงหลุดออกมาอีกแล้ว พี่ส่งไลน์ไม่ทัน ตอนนี้อยู่กับแขกวีไอพี เป็นคลิปที่ตัวเองเข้าไปยุ่ง โดยระบุชื่อนาวาอากาศโทชื่อดังกล่าวไม่ใช่ชื่อของตนเอง เดี๋ยวพวกเราจะโดนกันนะ พี่ไม่ได้ชื่อนั้นแล้วนะ นัทนักข่าวลบคลิปนี้ด่วน ที่ออกอมรินทร์อะ เพราะในคลิปมีการพูดถึงชื่อของตนเอง"

737436

หลังจากการพูดคุยแล้ว ชายคนดังกล่าวส่งไลน์ซึ่งเป็นแคปเจอร์อ้างว่าเป็นคลิปเสียงที่ถูกปล่อยในโลกออนไลน์ โดยเป็นลิงก์จากเพจเฟซบุ๊ก "ที่นี่เมืองสุราษฎร์ธานี" ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับอมรินทร์ ทีวี

429624

ทีมข่าวสอบถาม พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ในฐานะผู้บังคับบัญชาตอนที่ เสธ.เอ้ เคยรับราชการอยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษในสมัยนั้น ให้ข้อมูลว่า บุคคลดังกล่าวตนเองจำได้ว่าเคยถูกร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการเรียกรับสินบน และเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และถูกตั้งคณะกรรมการสอบจนถูกออกราชการ แต่หลังจากนั้น ก็ไม่รู้ว่าไปดำรงตำแหน่งหรืออยู่สังกัดในส่วนไหน จนกระทั่งมาทราบข่าวในระยะหลังว่ามีคดีที่ชาวบ้านแจ้งความเอาผิดในข้อหาข่มขู่ และสร้างตัวเองใหญ่มีอิทธิพลพื้นที่

458140

นางสาวโบว์ (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่อ้างว่าเคยถูกเสธ.เอ้ ข่มขู่ เล่าว่า ตนเองรู้จักกับนางสาวอี้ อ้างว่าเป็นหลานสาวของเสธ.เอ้ โดยนางสาวอี้เคยให้ตนเองช่วยค้ำประกันในการซื้อรถ แต่ระยะหลังไม่ได้มีการจ่ายกับบริษัทไฟแนนซ์ ทำให้มีการบังคับคดีและให้ผู้ค้ำประกันดำเนินการชดใช้ และจ่ายเงินแทน ซึ่งตนเองได้ขึ้นศาลเมื่อเดือนเมษายน 2563 โดยศาลได้บังคับคดีให้จ่ายเงินจำนวน 890,000 บาท แต่ได้มีการไกล่เกลี่ยในชั้นศาล ทำให้ศาลพิจารณาลดเงินที่จะต้องชำระให้กับบริษัทไฟแนนซ์เหลือเพียง 450,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวตนเองได้มีการจ่ายแทนนางสาวอี้ไปแล้ว และจ่ายครบเต็มจำนวนไปเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

หลังจากนั้นตนเองก็ไม่สามารถติดต่อกับนางสาวอี้ได้ จนกระทั่งวันที่ 25 พ.ค. 64 ไมีชาวบ้านพบเห็นนางสาวอี้ไปนั่งทานข้าวอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วมีการแจ้งมายังตนเองว่านางสาวอี้มาปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ตนเองและผู้เสียหายอีกหลายคนที่เป็นผู้ค้ำประกันเดินทางไปที่ร้านดังกล่าว ทวงถามเงินที่มีการจ่ายแทน แต่นางสาวอี้ได้ปฏิเสธจ่ายเงินคืน และผู้ชายที่นั่งทานข้าวอยู่กับนางสาวอี้ก็แสดงตัวว่าเป็นเสธ.เอ้ มีศักดิ์เป็นลุง ถามเรื่องจำนวนเงินทั้งหมดเป็นเท่าไร จะเป็นคนเคลียร์และจ่ายแทนให้เองทั้งหมด บอกว่าถ้าอยากรู้ว่าตนเองเป็นใครให้ไปหาประวัติเอาเอง หลังจากที่มีการพูดคุยในวันดังกล่าวแล้ว ตนเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่อ้างตัวว่าเป็นทหารยศ เสธ. เป็นใครมาจากไหน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว และไม่รู้ว่าเป็นทหารจริงหรือปลอม

เมื่อผู้เสียหายทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน ผู้ชายคนดังกล่าวที่อ้างตัวเองว่าเป็นเสธ.เอ้ ก็ได้มีการติดต่อพูดคุยมาหา ลักษณะทำนองข่มขู่ พูดโอ้อวดว่าเป็นคนที่มีสี รู้จักกับผู้ใหญ่และคนที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ ทำนองว่า "ผมคือเสธ.เอ้ จบรุ่นนั้นรุ่นนี้ คุณไปหาประวัติผมดูได้เลย ผมใหญ่ผมรู้จักกันผู้การฯ ผู้กำกับ ส.ส.หลายคน คุณอย่ามายุ่งกับผม ไม่งั้นคุณก็จะเจอดี" แต่หลังจากนั้นตนเองก็พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับคนดังกล่าว ทราบว่าเคยเป็นอดีตทหารที่ถูกออกจากราชการ เพราะเกี่ยวข้องหรือพัวพันกับเรื่องสินบน การประพฤติมิชอบ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม