หนีตาย! นร.ช่างมีนโปฯ เผยอริไล่ยิงปี 60 - แม่ก๊วนฆ่า ทุกข์ เพื่อนทิ้งลูกนอนคุกลำพัง (คลิป)

1 ก.ย. 61
จากเหตุคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน ใช้อาวุธปืนยิงนายนพเก้า สุคนธรัตน์ หรือแบงค์ อายุ 19 ปี นักเรียนโรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ชั้นปีที่ 3 แผนกช่างยนต์ บริเวณซอยราษฎร์อุทิศ 23 ถนนราษฎร์อุทิศ เขตมีนบุรี บาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจับกุมคนร้าย ซึ่งต่อมาครอบครัวนายแบงค์ได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคดีที่เด็กนักเรียนสถาบันเดียวกันกับนายแบงค์ถูกยิง (อ่าน : สุดเหี้ยม! เผยนาทียิง นร.ช่างมีนโปลีฯ โหดปืนตบซ้ำ ฉก “แหวน” หวังประกาศศักดา)
สน.บางชัน เขตพื้นที่เจ้าของคดี
วันที่ 31 ส.ค. 61 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ค้นหาข้อมูลคดีที่เด็กวิทยาลัยเทคโนโลยีมีนบุรีโปลีเทคนิคถูกยิง ซึ่งพบว่าเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 60 มีเหตุคนร้าย 2 คนได้ขี่รถจักรยานยนต์ 1 คันได้ใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ประกบยิงเด็กนักเรียนชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีมีนบุรีโปลีเทคนิค 3 คน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ส่วนอีกรายรอดชีวิต โดยเหตุเกิดบนราษฎร์พัฒนา หน้าร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ตรงข้ามหมู่บ้านสวนตาล แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่สน.บางชัน ซึ่งได้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้วทั้ง 2 คน เป็นนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง โดยขณะนี้ถูกฝากขังที่ศาลมีนบุรีแล้ว นายแมน (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหายเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 60 เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะนั้นพวกตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 3 เข้าไปส่งเพื่อนภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยมีนายเอ (นามสมมติ) เป็นคนขับ นายบี (นามสมมติ) ซ้อนกลาง และตัวเองเป็นผู้ซ้อนท้ายรถ เมื่อขี่เข้าไปในถนนราษฎร์พัฒนา จึงรู้ตัวว่ามีรถจักรยานยนต์ขี่ตามหลังมา 1 คัน และมีคนร้าย 2 คนยิงประกบมาจำนวนหลายนัด ตนและเพื่อนจึงจึงหนีไปบริเวณปากซอยราษฎร์พัฒนา 5 แต่คนร้ายยิงปืนมาหลายนัด จนทำให้รถเสียหลัก ก่อนที่คนร้ายจะขับรถหนีไป แต่คนร้ายไม่ได้เข้ามาตบทรัพย์แต่อย่างใด เมื่อถึงโรงพยาบาลจึงทราบว่าโดนยิงบริเวณแขน เอว ราวนมด้านขวาและสะโพก โดยหมอบอกว่าโดนยิงประมาณ 9 นัด นายแมน เล่าต่อว่า ตนมาทราบภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงว่า คนก่อเหตุเป็นเด็กเทคนิคอีกสถาบันหนึ่ง ซึ่งตนไม่ทราบสาเหตุ แต่เห็นคนร้ายให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ายิงผิดตัว โดยเมื่อทราบเช่นนั้นก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นปมเรื่องสถาบัน ส่วนตัวคิดตลอดว่าปัญหานี้มีมานานไม่จบสิ้นสักที ตอนแรกก็กลัวคนร้ายจะมาจัดการตนอีก แต่เมื่อทราบข่าวว่าโดนจับกุมแล้วก็สบายใจ ทั้งนี้ ตนกับนายแบงค์ที่เพิ่งเสียชีวิตก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ยอมรับว่าเมื่อทราบข่าวรู้สึกตกใจ แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่มายิงเพื่อนตน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมตัวคนร้ายและจัดการปัญหาระหว่างสถาบันให้จบสิ้น ยอมรับว่าหลังจากแม่ทราบเรื่องก็เป็นห่วง และบอกให้ดูแลตัวเองดี ๆ
นางเจน (นามสมมติ) แม่ของหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีปี 60
นอกจากนี้ นางเจน (นามสมมติ) แม่ของหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีปี 60 เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ลูกโทรศัพท์บอกว่า “หนูฆ่าคนตาย” ตอนนั้นตนตกใจมาก จึงได้บอกว่าจะพาลูกไปมอบตัว เมื่อไปถึงสถานีตำรวจก็มีเพียงลูกตนคนเดียว ซึ่งลูกก็รับสารภาพว่ามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้แต่เป็นเพียงคนขับรถจักรยานยนต์เท่านั้น โดยไม่มีเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุเข้ามาพบตำรวจ ทำให้ลูกตนรู้สึกแย่ แต่เขาก็ยังรักเพื่อนจึงไม่โยนความผิดไปให้ ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่ามีความโกรธแค้นอยู่บ้าง โดยตนเองสอนให้ลูกรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีเงินประกันจึงต้องให้ลูกอยู่ในเรือนจำ แต่หลังจากที่พาลูกไปมอบตัวก็มีคนมายิงปืนใส่บ้าน ตอนนั้นมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย อีกทั้งหลังเกิดเหตุภายในซอยบ้านตนก็มีเหตุปาระเบิด 2-3 ครั้ง ตนคาดว่ากลุ่มที่เป็นฝั่งตรงข้ามน่าจะรู้ว่า ลูกชายตนมักมีเพื่อนที่เป็นนักเรียนเทคนิคมาหาที่บ้านบ่อย จึงเป็นเป้าได้ง่าย นางเจนยอมรับว่า ตอนช่วงแรกตนไม่อยากให้ลูกไปเรียน เพราะรู้ว่าต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อยากให้ลูกเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนเด็กทั่วไป ถ้าลูกตัวเองเป็นตุ๊ดได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ โดยเวลาลูกตนขับรถจักรยานยนต์ไปเรียนก็ต้องถอดป้ายทะเบียนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจำเลขทะเบียนรถได้ แต่ก็เป็นปัญหาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจจับกุม นอกจากนี้ นางเจน เปิดเผยว่า ลูกตนเป็นที่รักของเพื่อน เป็นคนดี แต่เมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนจึงมีนิสัยเช่นนี้ ส่วนการเกิดเหตุแต่ละครั้งน่าจะเป็นการล้างแค้น แต่ไม่ทราบว่าเป็นเด็กที่ไหนมายิง ซึ่งยอมรับว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างสถาบันเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้เสียที ทั้งนี้ นางเจน บอกว่า ตนก็ได้ไปเยี่ยมลูกที่เรือนจำพบว่าลูกจิตใจดีขึ้น เนื่องจากอยู่มาเป็นระยะเวลาประมาณ 8-9 เดือนแล้ว ซึ่งลูกตนไม่คิดโกรธใครในการก่อเหตุครั้งนี้ แต่ลูกบอกว่าหากออกมาจะไปเรียนมหาวิทยาลัย และไม่กลับไปเรียนเทคนิคแล้ว พร้อมกับจะพาครอบครัวประสบความสำเร็จ
จดหมายที่ผู้ต้องหาเขียนมาหาแม่
นอกจากนี้ นางเจน ให้ทีมข่าวดูจดหมายที่ลูกเขียนจดหมายออกจากเรือนจำมาหาตน พบว่าลูกของนางเจนมีการวาดรูปและเขียนข้อความบอกรัก และแสดงถึงความเป็นห่วงแม่

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ