จากกรณีนายพุทธะ เทพสุริยะจักรวาล อายุ 38 ปี หรื อหลวงปู่พุทธเทพสุริยะจักรวาล ชาวบ้านเรียกว่า "องค์ดำ" ที่ตกเป็นข่าวหนีสื่อไปจาก จ.บุรีรัมย์ แล้วไปโผล่ที่ จ.สุรินทร์ แล้วหนีก็ย้อนกลับมาที่อาศรมที่ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ อีกครั้ง แต่มาได้เพียงวันเดียวแล้วย้ายออกไปอีก เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 64 เพื่อไป จ.ชัยภูมิ เพราะต้องการไปอยู่ในที่สงบ หลังบอกว่าจะไม่หนีไปมาหลายรอบแล้ว
ล่าสุด องค์ดำ ได้ย้อนกลับมาที่สำนักปฏิบัติธรรมหินเพิงบ้านเขาย้อยพัฒนา ม.16 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. โดยการกลับมาครั้ง เพื่อต้องการเปิดแถลงข่าวที่สำนัก
วันที่ 11 มิ.ย. 64 นางธันยธร สุวรรณเสือ หรือ ครูต้อย อายุ 59 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ ที่เคยมีปัญหากับกับลูกสาว ครั้งที่ร้องเรียนสื่อว่าแม่ถูกหลวงปู่หลอกบริจาค ทำให้หลวงปู่ได้รับความเสียหายเพราะตนเป็นต้นเหตุ ที่ผ่านมาตนไม่ได้ถูกหลอกให้บริจาค ได้คุยกับลูกสาวจนเข้าใจกันแล้ว ตนซึ่งมีภาระหนี้หลายอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะมาบริจาคเงินเป็นหลักแสนบาท แต่ยอมรับช่วยเหลือบ้าง หากจะมีการก่อสร้าง แต่ไม่ได้มากเหมือนที่ลูกสาวเข้าใจ ส่วนตัวรู้ซึ้งถึงคำสอนของหลวงปู่ และยังคงจะนับถือต่อไป
ด้าน น.ส.แนน ลูกสาวของครูต้อย เปิดเผยว่า ตนตกใจมาก หลังทราบข่าวว่าแม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับชายแต่งดำอีกครั้ง เพราะตอนที่ตนพาแม่กลับมาที่บ้าน แม่ก็สัญญากับตนไว้แล้วว่าจะไม่กลับมาพบชายคนดังกล่าวอีก แต่แม่แอบออกมาพบอีกครั้ง ซึ่งหลังเกิดเรื่องตนได้โทรคุยกันแล้ว แม่บอกว่าอยากทำบุญ และอ้างว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่จำเป็นต้องหนี ตนก็งงมากว่าวันนี้แม่กลับมายุ่งเกี่ยวอีกทำไม เพราะตอนแรกที่ออกจากบ้านแม่บอกว่าไปแค่บ้านเพื่อน ตนมองว่าแม่ทำเกินไป ซึ่งล่าสุดนี้คนก็ไม่สามารถติดต่อแม่ได้อีกแล้ว ซึ่งแม่ชอบทำบุญทั้งเงินและสิ่งของ ตนเช็กในบัญชีแล้วหายไปประมาณ 6 แสนบาท
นายกองเพ็ญ เขียวเขียว ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า ครูต้อยมีบ้านต้นไม้ที่ได้ปลูกไว้ให้กับองค์ดำ สร้างในราคาเกือบ 2 หมื่นบาท ส่วนเรื่องการรับบริจาคนั้นตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ลูกสาวของครูต้อยก็มาร้องเรียนว่าเงินหายไป จากบัญชีประมาณ 6 แสนบาท จึงมีการเร้องเรียนสื่อในครั้งนั้น สำหรับตนคิดว่าครูต้อยเป็นข้าราชการ ก็ไม่น่าจะเชื่้อเรื่องที่งมงายนั้น
นายสวัสดิ์ วงเวียน 47 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า ที่ผ่านมาองค์ดำมาอยู่ในพื้นที่ประมาณ 2 ปี แต่ก่อนจุดนี้ เป็นสถานปฏิบัติธรรมเล็ก ๆ ของผู้ฝักใฝ่ในศาสนามากัน ไม่มีการปลูกสร้างอะไรทั้งนั้น พอพระองค์ดำมาอยู่ที่นี่เริ่มมีการก่อสร้างวัตถุเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนตัวมองว่าควรเป็นพื้นที่ธรรมชาติเหมือนก่อน อยากให้กรมป่าไม้เข้ามาจัดการให้เป็นผืนป่าเหมือนแต่ก่อน และที่ผ่านมาเวลาเขาจะสร้างอะไร ชอบทำอะไรตามใจ ไม่เคยถามความเห็นชาวบ้าน เคยรื้อป้ายสถานปฏิบัติธรรมที่ชาวบ้านทำไว้ให้ ตนได้เข้าไปสอบถามถึงสาเหตุว่ารื้อทิ้งทำไม แต่พระองค์ดำตอบกลับว่า "ให้ไปแจ้งตำรวจสิ"
ส่วนตัวไม่เคยรู้สึกอยากจะศรัทธา เพราะประวัติก่อนหน้านี้ไปก่อเรื่องที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ จะให้มากราบไหว้คนที่ไม่มีหัวนอนปลายก็กะไรอยู่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครศรัทธาอยู่แล้ว ที่มากราบไว้กันส่วนใหญ่เป็นคนนอกพื้นที่ ตอนนี้ตนทราบว่ากรมป่าไม้ขอพื้นที่คืน และทราบว่าองค์ดำออกจากพื้นที่แล้วก็สบายใจ ไม่อยากให้เขากลับมาอีก
