วันที่ 7 มิ.ย. 64 ทีมข่าวได้รับรายงานว่าที่บ้านพักชั้นเดียว หมู่ 9 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี พบศพถูกฆ่าโบกปูนภายในร้านทำกระจกอะลูมิเนียมมุ้งลวดเหล็กดัด บ้านของนายไพโรจน์ พรหมเมืองเก่า หรือ หมี อายุ 54 ปี ที่หายตัวไปนานเกือบ 2 เดือน
ขณะนี้ ร.ต.อ.พิภาค ม่วงเช้า รองสารวัตร สภ. เมืองสระบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนของศพได้ เนื่องจากสภาพศพเน่าเละ มีปูนเกาะอยู่เต็มใบหน้าและลำตัว ทราบเพียงว่าเป็นเพศชาย
โดยผู้พบพิรุธนายคงฤทธิ์ หวาดด้วงดี อายุ 28 ปี ลูกเขยของนายไพโรจน์ ให้ข้อมูลว่า ได้เข้าไปซ่อมปรับปรุงบ้านหลังดังกล่าว แต่ไม่พบนายไพโรจน์ ตอนแรกไม่รู้สึกเอะใจ เพราะเจ้าตัวขอบหายตัวไปอยู่เป็นประจำ แต่ปรากฏว่าภายในห้องนอนมีกลิ่นเหม็น อีกทั้งยังพบว่ามีปูนถูกก่ออยู่ใต้เตียง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พบว่ามีศพอยู่ภายในลักษณะนอนเหยียดยาว คาดว่าเป็นนายไพโรจน์ ผู้เป็นพ่อตาที่หายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 64 หลังจากบอกว่าจะไปทำบุญที่ประเทศลาวเป็นเวลา 7 วัน แต่หายไป 46 วัน
นายคงฤทธิ์ หวาดด้วงดี อายุ 28 ปี ลูกเขย เผยว่า หลังจากที่ตนเองได้เข้าไปในบ้านของนายไพโรจน์ พ่อตา ตนเองเข้าไปดูพบกองปูนคล้ายคนถูกโบกไว้ใต้เตียงในบ้าน และยังมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพ จึงรีบแจ้งตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รุดมาที่รับแจ้งดังกล่าว พร้อมพร้อมเจ้าหน้าที่แพทย์ ชุดสืบสวน ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบภายในร้านพบอุปกรณ์ช่างเครื่องติดตั้งอะลูมิเนียมวางกระจัดกระจายภายในห้องนอน เจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอน พบปูนโบกไว้ติดกับพื้นใต้เตียงนอน พร้อมทั้งมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ตำรวจจกองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐานโดยรอบจุดที่พบศพ พบเป็นอุปกรณ์ก่อสร้าง จอบ และอุปกรณ์ฉาบปูน
นายทองสุข หงษ์สาวดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี บอกว่า วันนี้เวลาประมาณ 09.00 น. ตนได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่าทางครอบครัวของนายไพโรจน์ได้แจ้งเห็นพบปูนโบกปิดใต้เตียงภายในห้องนอนของนายไพโรจน์ คาดว่าน่าจะเป็นนายไพโรจน์ ตนจึงรีบเดินทางมายังที่เกิดเหตุ ตนได้กันชาวบ้านไม่ให้เข้าไปภายในที่เกิดเหตุ จากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาถึง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้เริ่มกะเทาะปูนในเวลาประมาณ 11.00 น. แล้วเสร็จในเวลาประมาณ 13.00 น. พบว่ามีศพใส่กางเกงยีนส์นอนคว่ำหน้า ไม่สวมเสื้อ มีผ้าห่มห่อไว้
คนพบศพคนแรกคือนายคงฤทธิ์ หวาดด้วงดี ลูกเขยของนายไพโรจน์ที่กำลังจะเข้าไปเก็บกวาดบ้าน พร้อมแม่และหลานของนายไพโรจน์ แต่เมื่อพบปูนโบกอยู่ใต้เตียงและได้กลิ่นเหม็นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยประสบเหตุการณ์น่ากลัวเช่นนี้ ตนได้นำไฟล์กล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่เนื่องจากนายไพโรจน์หายตัวไปนานกว่า 15 วัน ตนจึงไม่มั่นใจว่ากล้องวงจรปิดจะสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ เพราะไฟล์เก็บเพียง 15 วัน แล้วจะลบอัตโนมัติ
ทั้งนี้ ตนและชาวบ้านไม่รู้สึกเอะใจว่านายไพโรจน์หายตัวไป เนื่องจากปกติแล้วนายไพโรจน์จะหายตัวออกจากบ้านเป็นประจำ เพราะออกไปทำงานรับเหมาติดกระจกและเหล็กอะลูมิเนียม อีกทั้งนายไพโรจน์ยังไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เป็นคนนิสัยดี ไม่เคยมีปัญหากับใครภายในหมู่บ้าน และไม่เคยมีปัญหาเชิงชู้สาวกับคนในหมู่บ้าน แต่นายไพโรจน์มักจะชอบออกไปเที่ยงร้านคาราโอเกะ และมักจะติดพันผู้หญิง ทั้งนี้ ตนต้องขับรถผ่านหน้าบ้านนายไพโรจน์ทุกวัน เท่าที่ตนทราบและสังเกตไม่เคยมีอะไรผิดปกติ ต้องรอคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่าศพที่พบใช่ศพของนายไพโรจน์จริงหรือไม่
นางลำเพียร พรหมเมืองเก่า อายุ 74 ปี แม่นายไพโรจน์ เล่าว่า บ้านดังกล่าวนั้นเป็นบ้านของลูกชาย ซึ่งสร้างเป็นร้านรับทำเหมางานกระจกอะลูมิเนียมทั่วไป โดยลูกชายตนอยู่กินกับภรรยาใหม่ชื่อนางเพ็ญ แต่ตัวภรรยานั้นจะไป ๆ มา ๆ ไม่ค่อยได้อยู่ด้วย ส่วนพฤติกรรมลูกชายเป็นคนเจ้าชู้ มีเมียหลายคน ก่อนที่จะมาพบกองปูนในบ้านนั้น ตัวลูกชายตนเองได้หายไปจากบ้าน ตนนึกว่าไปเที่ยวเมืองลาว เพื่อหาภรรยาชาวลาวคนล่าสุด จึงไม่ได้เอะใจ
เมื่อประมาณวันที่ 26 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา นางเพ็ญมาหาตนเอง บอกว่านายไพโรจน์หายไป ทราบข่าวว่าไปลาวเที่ยววัดทำบุญแต่ติดต่อไม่ได้ ตนเองก็ไม่ได้สนใจ กระทั่งเห็นบ้านว่างมาหลายวัน คงคิดว่าลูกชายตนเองรับงานที่อื่น เลยไม่กลับบ้าน จนกระทั่งพบศพล่าสุด
นายวันชัย งามดิษฐ์ใหญ่ หรือ เก่ง อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตำบลหนองปลาไหล บอกว่า ตนได้รับแจ้งเหตุจากลูกข่ายในเวลา 09.30 น. แจ้งว่าคาดว่ามีคนถูกฆาตกรรมโบกปูน เนื่องจากทางครอบครัวของนายไพโรจน์พบปูนถูกเทไว้ข้างเตียง ปูนมีลักษณะนูนเหมือนรูปร่างคน อีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นคลุ้งเต็มห้องนอน ตนจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อตนเดินทางมาถึง ตนพบว่ามีถังผสมปูนวางไว้อยู่กลางบ้าน ภายในบ้านข้างของกระจัดกระจาย คล้ายบ้านร้าง ภายในห้องนอนมีกลิ่นเหม็น ข้าวของกระจัดกระจาย พบปูนหล่ออยู่ข้างเตียงชิดกำแพง มีไม้กั้นกันไม่ให้ปูนไหล ตนจึงกันพื้นที่แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยปฏิบัติการกะเทาะปูน เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ใช้ชะแลงงัดไม้กันปูนออก จากนั้นพลิกแผ่นปูนพบว่าพลิกได้โดยง่าย ภายใต้ปูนปรากฏร่างมนุษย์เพศชาย ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงยีนส์ เข็มขัดสีน้ำตาล สภาพศพเน่า เนื้อเปื่อยติดกระดูก เห็นกะโหลกศีรษะชัดเจน ถูกห่อด้วยผ้าห่มประมาณ 3-4 ผืน จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ดึงลากผ่าห่มที่อยู่ใต้ร่างศพลากศพออกมา เพราะหากยกศพเอง ศพจะหลุดเป็นชิ้น ๆ
เท่าที่ตนสังเกตศพนี้น่าจะเสียชีวิตมาแล้วเกิน 1 เดือน สภาพศพยังไม่เหลือเพียงกระดูก เพราะถูกห่อด้วยผ้าห่มและโบกปูนทับ ทำให้ชะลอการเน่าเปื่อย ตนรู้จักกับนายไพโรจน์ คาดว่าศพดังกล่าวน่าจะเป็นของนายไพโรจน์ แต่ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันอีกครั้ง ตนเชื่อว่าการฆาตกรรมในครั้งนี้คือการฆ่าอำพราง ถือว่าโหดร้ายที่สุดเท่าที่ตนเคยเจอ เพราะตนไม่ทราบเลยว่าผู้ตายถูกโบกปูนทั้งเป็นหรือไม่
เจ้าหน้าที่ตำรวจพบผู้ต้องสงสัยทั้ง 1 คน ซึ่งเป็นหลานชายของนายไพโรจร์ ได้แก่ อาร์ม และอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิด 2 คน โดยนายอาร์มยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดยังคงอยู่ในระหว่างการสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
พ.ต.อ.เชษฐชัย เชษฐศิริ ผกก.สภ.เมืองสระบุรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ยืนยันว่าศพที่พบคือศพของนายไพโรจน์ แต่ทางครอบครัวยืนยันว่าใช่ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถระบุตัวคนร้ายได้แล้ว และต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์และผลนิติเวชก่อน
เบื้องต้น นายอาร์ม หนึ่งในผู้ต้องสงสัยยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ใช้ท่อนไม้ฟาดผู้ตาย 1 ครั้ง แล้วทำการโบกปูนอำพราง เป็นการลงมือทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ สาเหตุของการก่อเหตุอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อหาชิงทรัพย์ ซ่อนเร้นอำพรางศพ ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการฆ่านั้นจะแจ้งหลังสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องครบทุกคนแล้ว ยืนยันว่าไม่มีประเด็นเกี่ยวกับชู้สาว ส่วนภรรยาผู้ตายนั้นทำงานอยู่ต่างอำเภอ
โดยในช่วงเวลา 17.40 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาชายคนหนึ่งเข้าห้องสืบสวน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ระบุตัวตนว่าเป็นใคร จากนั้นเวลา 17.54 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาชายอีกคนหนึ่งเข้าห้องสืบสวน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ระบุตัวตนว่าเป็นใครเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า นายไพโรจน์หายตัวออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 64 โดยขณะนี้นายอาร์ม หลานชายของนายไพโรจน์ ยอมรับสารภาพอ้างว่าในวันเกิดเหตุได้เดินทางมาทวงเงินค่าแรงเกี่ยวกับการก่อสร้างจากนายไพโรจน์ จำนวน 30,000 บาท แต่ทะเลาะกันจึงฆ่านายไพโรจน์ ก่อนที่ไปซื้อปูนซีเมนต์มาเทเพื่ออำพรางศพ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลว่ามีใครร่วมมือกับนายอาร์มในการก่อเหตุหรือไม่
ด้านนายวิทยา (นามสมมติ) เพื่อนบ้านใกล้บ้านของผู้ตาย บอกว่า เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก ตนเห็นผู้ตายครั้งสุดท้ายปลายเดือนเมษายน ปกติแล้วผู้ตายจะจอดรถไว้หน้าบ้าน แต่ขณะนี้รถหายไป ญาติบอกว่าขายและภรรยาเอาไป ขณะนี้รถกระบะผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปไว้ที่ สภ.เมืองสระบุรี ส่วนที่ทางครอบครัวและชาวบ้านไม่เอะใจ เป็นเพราะผู้ตายมักจะหายตัวออกจากบ้านพร้อมรถ การหายตัวออกจากบ้านนานสุดคือ 2 สัปดาห์
สำหรับนายอาร์ม ผู้ต้องสงสัย เป็นคนนิสัยเรียบร้อย แต่หากมึนเมาสุราจะเปลี่ยนนิสัยเป็นอีกคน กลายเป็นคนอารมณ์รุนแรง พูดจาหยาบคาย เคยต่อว่าด่าทอยายอย่างรุนแรง นายอาร์มกับผู้ตายมีปัญหาเกี่ยวกับเงินระหว่างกัน ผู้ตายได้ไปเบิกเงินจากลูกค้าโดยไม่บอกนายอาร์ม ทั้ง ๆ ที่ช่วยกันรับเหมาทำกระจกและเหล็กอะลูมิเนียม ซึ่งการทะเลาะกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นก่อนเกินเหตุประมาณ 2 เดือนก่อน ตนเองก็เดาไม่ถูกว่าทั้งคู่มึนเมาสุราแล้วทะเลาะกันจนเลยเถิดหรือไม่
นายไพรัตน์ พรหมเมืองเก่า น้องชายผู้ตาย บอกว่า ปกติแล้วผู้ตายจะอาศัยอยู่เพียงลำพัง ส่วนแม่ของผู้ตายจะอยู่บ้านติดกัน โดยรถของผู้ตายที่หายไปนั้น ไม่มีจอดอยู่หน้าบ้าน เพราะผู้ตายได้ขายไปแล้ว 1 คัน ส่วนอีกคันเป็นของภรรยาผู้ตาย ตนอาศัยอยู่กรุงเทพฯ จึงไม่ทราบหรือรู้จักภรรยาผู้ตาย อีกทั้งผู้ตายไม่สุงสิงกับใคร อยู่บ้านลำพังบ้าง อยู่กับภรรยาบ้าง และมักชอบหายตัวออกจากบ้าน
ขณะนี้ตนยังนึกไม่ออกว่าผู้ก่อเหตุลงมือก่อเหตุด้วยเหตุผลอะไร อีกทั้งยังก่อเหตุแบบไม่มีเสียงหรือพิรุธ เพราะแม่ของผู้ตายไม่ระแคะระคายมาก่อน
นางสาวตุ๊ก (นามสมมติ) เพื่อนของภรรยาของนายอาร์ม เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ตนได้เดินทางมาบ้านผู้ตาย เพราะทราบข่าวว่ามีการโบกปูนทับ ตนได้เจอกับนายอาร์มที่กำลังให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายอาร์มได้บอกตนว่า "ฝากบอกภรรยาผมด้วยนะ" ตนก็รับปาก แต่ตนไม่ทราบว่าจะให้บอกเรื่องอะไร กระทั่งในช่วงเย็น ตนรู้สึกตกใจเมื่อทราบข่าวว่านายอาร์มรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุฆาตกรรม เพราะตนไม่คาดคิดว่านายอาร์มจะลงมือก่อเหตุได้
ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่านายอาร์มมีปัญหากับผู้ตายหรือไม่ เพราะปกติแล้วนายอาร์มเป็นคนเงียบ ๆ ไม่มีท่าทีว่าจะใช้ความรุนแรง เพราะที่ผ่านมานายอาร์มไม่เคยทำร้างร่างกายภรรยาแม้แต่ครั้งเดียว ขณะนี้นายอาร์มเลิกกับภรรยาได้ 1 เดือนแล้ว หลังจากที่ทราบข่าว ภรรยาของนายอาร์มบอกตนว่าเมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคม ภรรยาของนายอาร์มได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยอยู่ที่บริเวณบ้านของตัวเอง คาดว่าน่าจะเป็นการบอกเหตุว่ามีการตาย
