“สท.ต้น” ยัน คืนแน่เงินบริจาครพ.! พ่อเชื่อลูกถูกใส่ร้ายการเมือง - หนุ่มโผล่แฉ ถูกโกงซ่อมบ้าน (คลิป)

15 ส.ค. 61
วันที่ 14 ส.ค. 61 นายวรเชษฐ์ เอมเปีย หรือ เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล พร้อมด้วยนายจักรวาล ตั้งประกอบ นายกเทศมนตรีเทศบาลบ้านสวน นายอำเภอเมืองชลบุรี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชลบุรี ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีเงินบริจาค “โครงการร้อยล้าน วิ่งด้วยใจ มอบให้โรงพยาบาลชลบุรี”  อีกจำนวนหนึ่งยังไม่ส่งมอบให้กับโรงพยาบาล
โครงการร้อยล้าน วิ่งด้วยใจ มอบให้โรงพยาบาลชลบุรี
โดยนายวรเชษฐ์ ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ตามที่แฟนเพจดังได้นำข้อมูลของ สท.ท่านหนึ่งมาเปิดเผย ซึ่งจะเห็นว่า สท.รายดังกล่าวทราบเรื่องแล้ว แต่ตอนนี้ทุกคนก็รอลุ้นว่าจะนำเงินมาคืนให้กับโรงพยาบาลเมื่อใด โดยยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวกับเงินบริจาค เนื่องจากหากตนไปวิ่งที่ใดก็จะนำเงินทั้งหมดเข้าธนาคาร และให้ธนาคารเป็นผู้ส่งมอบเงินให้กับโรงพยาบาลเอง ส่วนตัวเป็นเพียงสะพานบุญเท่านั้น
นายวรเชษฐ์ เอมเปีย หรือ เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล
สำหรับกรณีนี้ หลังจากตนวิ่งแล้วเสร็จ เงินทั้งหมดก็เข้าธนาคาร แต่ปรากฎว่า สท.รายนี้ ซึ่งอยู่ในฐานะผู้จัดการวิ่ง ได้ไปติดต่อธนาคารให้นำเงินบริจาคเข้าบัญชีตัวเอง ก่อนจะเงียบหายไป จนกระทั่งมีผู้ใหญ่บางท่านไปติดตามเงินส่วนนี้กลับมาได้ราว 2 แสนบาท ตนเพียงต้องการให้ สท.รายนี้ออกมาเจรจากับโรงพยาบาล และนำเงินที่เหลือทั้งหมดมาคืน ส่วนตัวจะไม่เอาเรื่องทางกฎหมายเพราะสงสารครอบครัว สงสารลูกของงเขา ตนจึงพร้อมให้อภัย ถึงแม้ว่าเพิ่งมารู้จักกันตอนที่มีการติดต่อให้ตนมาวิ่ง อีกทั้ง สท.รายนี้ ไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะหลอกลวงแต่อย่างใด ทั้งยังเป็นคนสุภาพและพูดจาไพเราะ อย่างไรก็ตาม หลังจากทราบว่าเงินบริจาคยังไม่ถูกโอนให้โรงพยาบาล ตนได้พยามติดต่อไปหา สท.ท่านนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ส่วนใครที่เข้าใจว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงิน ตนเชื่อว่าเดี๋ยวเวลาจะทำให้เข้าใจถูกเอง แต่ขอให้ทุกคนกรองข่าวที่ได้รับและอ่านข่าวให้ละเอียด
นายจักรวาล ตั้งประกอบ นายกเทศมนตรีเทศบาลบ้านสวน
นายจักรวาล ตั้งประกอบ นายกเทศมนตรีเทศบาลบ้านสวน เปิดเผยว่า สท.รายนี้ เป็น สท.ตามตำแหน่งจริง และยังอยู่ในวาระ แต่ปกติ สท.ไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาทำงานที่เทศบาลทุกวัน จะมาในช่วงวันประชุมเท่านั้น ซึ่ง สท.ท่านนี้ก็จะเข้าประชุมบ้าง ไม่มาบ้าง ส่วนใหญ่จะใช่วันลากิจตามระเบียบ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถขอดูได้ที่เทศบาล ทั้งนี้ การกระทำของ สท.รายดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว เทศบาลไม่เกี่ยวข้อง เป็นการจัดการวิ่งเอง อีกทั้งเทศบาลก็ไม่ได้รับรู้ด้วย ซึ่งตนทราบเพียงว่าการวิ่งจะวิ่งผ่านพื้นที่เทศบาลเท่านั้น อีกทั้งช่วงหลังเกิดเรื่อง ตนก็ไม่เจอตัว สท.ท่านนี้เลย และปกติก็ไม่เคยติดต่อกันนานนับปีอยู่แล้ว ต่างคนต่างทำหน้าที่เท่านั้น
นายธรรมศักดิ์ นาคปฐม ผู้ร่วมบริจาค
นายธรรมศักดิ์ นาคปฐม ชาวอำเภอเมืองชลบุรี เป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมบริจาคเงินในวันที่นายวรเชษฐ์วิ่ง เปิดเผยว่า วันดังกล่าวตนตั้งใจเฝ้ารอที่จะร่วมทำบุญกว่า 1 ชั่วโมง  เนื่องจากเห็นว่าเป็นโครงการที่จะนำเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลชลบุรี โดยได้ร่วมทำบุญไป 200 บาท ซึ่งตลอดเส้นทางก็มีประชาชนในอำเภอเมืองชลบุรี มายืนเฝ้ารอทำบุญเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าเงินที่ตัวเองบริจาคไปไม่ใช่จำนวนที่มาก แต่ก็อยากให้เงินนั้นส่งไปถึงโรงพยาบาลครบทุกบาทและนำไปสร้างประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ตาม หลังทราบข่าวว่าเงินที่ทุกคนร่วมบริจาคส่งไปไม่ถึงโรงพยาบาลทั้งหมด ก็ไม่ได้ทำให้ความเชื่อมั่นต่อการจัดกิจกรรมลักษณะนี้ลดน้อยลง เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องการจัดการภายในของทีมงานมากกว่า พร้อมเชื่อว่านายวรเชษฐ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นคนใจบุญ และเป็นที่รู้จักของคนชลบุรีอยู่แล้ว
นายโนรี บุญเกิด พ่อ สท.ต้น
นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางไปที่บ้านของนายจักกฤษ บุญเกิด หรือ ต้น สมาชิกสภาเทศบาลบ้านสวน ซึ่งพบเป็นตึกแถวสูง 2 ชั้น 1 คูหา โดยนายโนรี บุญเกิด พ่อ สท.ต้น เปิดเผยว่า ตัวเองไม่ค่อยทราบเรื่องเกี่ยวกับลูกชาย เพราะหลังจากที่ส่งเรียนหนังสือจบแล้ว ก็ปล่อยให้ลูกจัดการชีวิตตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมาปรึกษาว่ามีปัญหาอะไร อีกทั้งตนก็ไม่ทราบว่าลูกชายไปพักอยู่ที่ใด ซึ่งนาน ๆ ครั้งที่ลูกชายจะแวะมาที่บ้าน เพราะตนเป็นผู้เลี้ยงหลานให้ ตนเพิ่งทราบข่าวเกี่ยวกับลูกชายเมื่อวานที่ผ่านมา ในฐานะคนเป็นพ่อแม่ยอมรับว่าเครียด กินข้าวไม่ลง ตนยังไม่ได้เจอลูกชายจึงไม่ได้สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย เชื่อว่าลูกน่าจะมีเหตุผลที่ทำลงไป และเชื่อว่าลูกจะนำเงินที่เหลือทั้งหมดไปคืนให้ นายโนรี เล่าด้วยว่า ตัวเองส่งลูกเรียนจบถึงระดับปริญญาโท อีกทั้งยังจบด้านกฎหมาย ส่วนตัวคิดว่าลูกต้องรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เคยบอกกับลูกเสมอว่าไม่อยากให้เล่นการเมือง เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เปลืองตัว ด้วยกรณีนี้ตนคิดว่าอาจมีเรื่องการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากลูกเป็น สท.ฝ่ายค้าน ด้าน นายวรพจน์ ปิยนันทวุฒิ ผู้เสียหาย ที่เคยว่าจ้างรับเหมางานก่อสร้างจาก สท.ต้น เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 2560 ตนเคยว่าจ้างให้ สท.ต้น รับเหมาซ่อมแซมบ้านพักของตน โดยแฟนตนเป็นคนติดต่อ เนื่องจากมีคนแนะนำมาให้ อีกทั้งตนเห็นว่าหน้าที่การงานค่อนข้างดี มีคนนับหน้าถือตา โดยวันที่ สท.ต้น เข้ามาที่บ้านตน เพื่อมาดูหน้างาน ตอนนั้นยอมรับว่าเป็นคนดูภูมิฐานมาก น่าเชื่อถือ ส่วนตัวตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เห็นบุคคลิกเช่นนั้นจึงตกลงให้มาร่วมงาน และตกลงว่าจ้างให้ สท.ต้น เปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบ้าน ทำฝ้าเพดานใหม่ ทาสีทั้งภายนอกและภายใน ทำห้องน้ำ และทำประตูหน้าบ้าน ตกลงราคาที่ 400,000 บาท
นายวรพจน์ ปิยนันทวุฒิ ผู้เสียหาย
เมื่อเริ่มงาน สท.ต้น ก็เบิกเงินเป็นงวด ๆ โดยเบิกทั้งหมด 3 งวด รวม 320,000 บาท ตอนที่เริ่มมีปัญหาคือ ช่วงที่ทำหลังคาเป็นช่วงที่ฝนตก แต่ทีมช่างกลับไม่มีผ้าใบคลุมหลังคาป้องกันฝน ทำให้น้ำเข้าท่วมในบ้าน ข้าวของเสียหาย จนครั้งสุดท้าย สท.ต้นได้กลับมาขอเบิกเงินในงวดสุดท้ายอีก 80,000 บาท โดยบอกว่าจะไปซื้อสี เนื่องจากสีไม่พอ ด้วยขณะนั้นตนเห็นว่างานที่ทำบ้านตนเพิ่งแล้วเสร็จไปไม่ถึง 60% ตนจึงยังไม่ยอมโอนเงินงวดสุดท้ายให้ โดยบอกว่างวดสุดท้ายต้องชำระหลังงานจบ แต่สท.ต้นได้บอกตนว่า หากไม่จ่ายเงินให้ก็ไม่มีเงินไปซื้อของที่จะมาทำงาน ก็จะทำงานต่อไม่ได้ จากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่ออีกเลย ซึ่งตลอดที่ผ่านมา สท.ต้น ไม่เคยเข้ามาดูหน้างานเลย เข้ามาที่บ้านตนเพียงวันแรกที่เข้ามารับงานเท่านั้น สุดท้ายแล้วมีเพียงหลังคาเท่านั้นที่ปูกระเบื้องแล้วเสร็จ อย่างอื่นตนต้องมาจ้างช่างเพิ่มเติม ส่วนตัวเคยไปร้องให้ตรวจสอบวินัยที่ศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่ก็ให้ตนไปไกล่เกลี่ยและไปฟ้องร้องศาล ตนมองว่าไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการว่าความ ผู้ก่อเหตุไม่มีความรับผิดชอบ ส่วนตัวก็ไม่ได้อยากได้เงินคืน เพียงต้องการให้ สท.ถูกตรวจสอบทางวินัย เพราะเป็นถึงข้าราชการของประชาชน แต่กลับมีพฤติกรรมเช่นนี้ ยอมรับว่าเสียความรู้สึก ทั้งนี้ เชื่อว่ามีคนเดือนร้อนตกเป็นผู้เสียหายมากกว่าตน เพราะมีคนเคยติดต่อมาว่า ตกเป็นผู้เสียหายเช่นกัน อย่างไรก็ตามเงินที่ได้ไปตนคิดว่า สท.น่าจะเอาไปใช้จ่ายส่วนตัว ด้วยมีนิสัยชอบเที่ยวตามสถานบันเทิง หาก สท.ต้นฟังอยู่ ตนขอพูดเพียงว่า ขอให้กรรมที่ทำตามทัน
นายจักกฤษ บุญเกิด หรือ ต้น สมาชิกสภาเทศบาลบ้านสวน
นายจักกฤษ บุญเกิด หรือ ต้น สมาชิกสภาเทศบาลบ้านสวน เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ยังไม่ขอตอบรายละเอียดจำนวนเงินที่ยังไม่ได้มอบให้กับโรงพยาบาลชลบุรี เพียงแต่จะหาเงินจำนวนที่เหลือมามอบให้กับโรงพยาบาล โดยยังไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้เวลากี่วัน ส่วนกรณีที่นายวรเชษฐ์ให้โอกาสตน ตนก็จะรับผิดชอบทำตามหน้าที่ เมื่อคืนเงินครบก็จะลาออกจากตำแหน่ง ยอมรับว่าปวดหัวและไม่สบายใจกับกระแสข่าวที่ออกมา ส่วนเรื่องกระแสข่าวอื่น ๆ ที่ระบุว่าตนเคยมีปัญหาเรื่องโกงรับเหมาและจ่ายเช็คเด้ง ขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องเก่า และไม่ขอกล่าวถึงอีก

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ