จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 16 มี.ค. 64 เวลาประมาณ 20.00 น. ร.ต.อ.อัศวิน หงส์โยธี ร้อยเวร สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งเหตุเด็กชายทองนพเก้า สีทา หรือ น้องปอน อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านนาค้อ หายตัวไประหว่างทำกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ คาดว่าน่าจะจมน้ำบริเวณหนองน้ำหลังวัดบ้านนาค้อ ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมีความลึกประมาณ 3 เมตร พร้อมนำชุดค้นหาใต้น้ำกู้ภัยร่วมใจกาฬสินธุ์การกุศล และกู้ภัยร่วมใจจุด อ.ห้วยเม็ก ลงพื้นที่เกิดเหตุงมพบศพ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แฉก๊วนครูตั้งวงเมาก่อนน้องปอนจมน้ำดับ แม่เดือดผอ.ตอกเจ็บขอลากคอเข้าคุก
- ม.3 ฝึกลูกเสือจมบ่อดับสลด แม่ฉะครูสะเพร่าจี้ลาออก รร.เผยเด็กหายทำนับพลาด
วันที่ 19 มี.ค.64 มีพิธีวันฌาปนกิจศพน้องปอน บรรกากาศที่บ้านช่วงเช้าเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ไม่มีครูจากโรงเรียนบ้านนาค้อ มาร่วมงานศพที่บ้านน้องปอน ด้านครอบครัวนำคลิปวิดีโอ 2 คลิป ที่บันทึกไว้เมื่อคืนนี้มาให้ทีมข่าวดู
เหตุการณ์ในคลิปที่ 1 ความยาว 57 วินาที นางสาวนุชนารถ สีทา อายุ 21 ปี พี่สาวของน้องปอนสวมเสื้อสีขาว นอนกอดร่างของนางบัวลื่น ผู้เป็นแม่ มีอาการที่เหนื่อยล้า ควบคุมตัวเองไม่ได้ พร้อมกับบอกแม่ว่า "ช่วยด้วย หนาว หนาว" จากนั้นแม่ของน้องปอน ได้บอกกับญาติว่า "น้องปอนหนาว" และผู้เป็นแม่ก็ได้กอดพร้อมกับจูบหน้าผาก ซึ่งเชื่อว่าวิญญาณของน้องปอนที่เสียชีวิตมาอยู่ในร่างของพี่สาว มีเสียงญาติของผู้ตายพูดขึ้นมาแทรกว่า "ปอน ๆ จำน้าได้ไหม
ส่วนคลิปที่ 2 ความยาว 40 วินาที แม่น้องปอนกอดพี่สาวน้องปอน และญาติก็ได้นำผ้ามาเช็ดตัวมาเช็ดตามร่างกายของนางสาวนุชนารถ ครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลกับทีมข่าวอมรินทร์ว่าเป็นเหตุการณ์หลังที่น้องปอนออกจากร่างพี่สาวแล้ว และนางสาวนุชนารถจะยังอยู่ในอาการเหม่อลอย เหนื่อยล้า ไม่ได้สติ
นางสาวนุชนารถ สีทา อายุ 18 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ตนเองไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ไม่มีญาติคนไหนบอกตนสักคนเดียว ตนเพิ่งมาทราบตอนที่ทีมข่าวมาสัมภาษณ์ เมื่อคืนนี้ตนเองรู้สึกแค่ว่าตนเองเหนื่อยล้า และจำได้ว่ามีญาตินำสร้อยพระ หลวงปู่จันดา วัดสว่างคำเหมือนแก้ว อ.ห้วยเม็ก มาแขวนที่คอให้กับตนเอง จนตนเริ่มได้สติขึ้นมาเล็กน้อย
หากเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นน้องชายตนมาเข้าร่างตนจริง ยอมรับว่าตนตกใจ และคิดว่าน้องชายอาจมาเข้าร่างตนเพื่อต้องการสื่ออะไรบางอย่างให้คนในครอบครัวรู้ เบื้องต้นตนยังไม่ได้เห็นคลิปดังกล่าว เพราะตนยังทำใจไม่ได้ที่น้องชายมาเข้าร่างตน ตนคิดว่าอาจเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือด เพราะตนและน้องชายสนิทกันมาก ก่อนหน้านี้ตนอยู่กับน้องตลอดมาห่างกันได้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนน้องเสียชีวิต เนื่องจากตนไปทำงานที่กรุงเทพฯ
กรณีที่มีข่าวออกมาว่า วันเกิดเหตุครูประจำฐานที่เกิดเหตุ และ ผอ.โรงเรียน รวมกว่า 7 คน ได้นั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่โต๊ะหินอ่อน ใต้ถุนอาคารเรียนนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ครูไม่สมควรทำ หากงานศพน้องชายเสร็จแล้ว ทางครอบครัวยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
เวลา 12.30 น. ก่อนเคลื่อนศพน้องปอน มีรถกระบะใช้เคลื่อนศพเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของน้องปอน นางเหมือน ยายของน้องปอน ร้องไห้ฟูมฟาย ท่ามกลางญาติและชาวบ้านจนทุกคนต้องเข้าไปปลอบใจ ซึ่งเข้าใจผิดคิดว่าจะมีการขนศพน้องปอนออกด้านหน้าบ้าน ซึ่งตามความเชื่อของชาวญ้อ ถ้าตายโหง ห้ามเคลื่อนศพออกด้านหน้าบ้านเป็นเด็ดขาด จะต้องเคลื่อนออกหลังบ้าน เพราะจะทำให้ผู้ตายไม่ไปสู่สุคติ
ต่อมาเวลา 13.00 น. พระสงฆ์ได้มาสวดทำพิธี มีการเคลื่อนศพน้องปอนออกทางด้านหลังบ้าน มีผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน คอยหว่านข้าวตอกนำทาง เคลื่อนศพไปประกอบพิธีที่วัดนาคำ ห่างจากบ้านน้องปอน 700 เมตร ในขบวนมีพี่สาวของน้องปอนเดินถือรูปภาพของน้องชาย ข้าง ๆ แม่ของน้องปอน ขบวบเคลื่อนออกจากบ้านน้องปอนได้ 300 เมตร ถึงบริเวณสี่แยกของหมู่บ้าน
ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญ เพราะเป็นที่อยู่ระหว่างรั้วโรงเรียน สระน้ำที่เกิดเหตุ และทางกลับบ้านน้องปอน แม่ผู้เสียชีวิตยกมือทั้ง 2 ข้าง ทำท่ากอดพร้อมกับพูดว่า "กอด กอดลูก แม่กอด" จากนั้น แม่น้องปอนได้เดินต่อไปถึงสี่แยก มองไปเห็นกำแพงรั้วโรงเรียน พร้อมใช้มือชี้ไปหากำแพงโรงเรียน พูดว่า "นู้น กำแพงที่ลูกเดินเข้าไปเรียน" กระทั่งขบวนเคลื่อนศพผ่านหนองน้ำจุดที่พบศพน้องปอน พี่สาวน้องปอนก็ร้องไห้ฟูมฟาย ร่างกายอ่อนแรงคล้ายจะเป็นลม ญาติได้เข้ามาประคองให้เดินต่อไปจนถึงวัด
เมื่อศพเคลื่อนเข้ามาในวัด รถที่ใช้เข็นโลงศพวนรอบเมรุ 3 รอบ ก่อนนำโลงศพขึ้นไปตั้งบนเมรุ บรรยากาศที่งานศพของน้องปอนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีผู้มาร่วมงานทั้งหมดประมาณ 500 คน ได้แก่ ครู และข้าราชการโรงเรียนอื่นประมาณ 50 คน ซึ่งครูโรงเรียนน้องปอนไม่มาร่วมงานแม้แต่คนเดียว ญาติ 30 คน เพื่อน ๆ ประมาณ 50 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก ประมาณ 10 นาย เจ้าหน้าที่สาธารธสุขประมาณ 10 คน และที่เหลือเป็นชาวบ้าน
เวลา 14.00 น. แม่และครอบครัวครัวของน้องปอนล้างหน้าศพ แม่และพี่สาวของน้องปอนสีหน้าที่โศรกเศร้า ตอนที่ล้างหน้าศพให้ลูกชาย ได้พูดสั้น ๆ กับลูกว่า "ขอให้ลูกไปสู่สุคติ ชาติหน้าขอให้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก" ส่วนทางด้านป้าของน้องปอง หลังจากล้างหน้าศพให้หลานชายก็ร้องไห้ฟูมฟาย ญาติต้องไปประคองลงมาจากเมรุ เพื่อมานั่งสงบสติอารมณ์
ต่อมาเป็นพิธีทอดผ้าไตร เพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนของน้องปอน 50 คน ร่วมส่งน้องปอนครั้งสุดท้าย ร้องเพลง "ฉันจะมีเธออยู่ - สิงโต นำโชค" โดยเพื่อน ๆ ของน้องปอนมีสีหน้าที่โศกเศร้า ร้องไห้ออกมา ก่อนเป็นพิธีวางดอกไม้จันทน์ ฌาปนิกิจศพในเวลา 15.00 น.
นอกจากนี้ทางครอบครัวก็ได้นำกระเป๋านักเรียนของน้องปอน ไม้ง่ามลูกเสือ เสื้อผ้าและของใช้แพ็คใส่ถุง ซึ่งนำไปทิ้งที่ด้านหลังเมรุ เผาแยกจากศพของน้องปอน
โดยก่อนจะเคลื่อนศพน้องปอนเข้าเมรุ ญาติได้ทำพิธีโยนผ้าห่มที่คลุมร่างน้องปอนขณะอยู่ในโลง ซึ่งมีการโยนจากบนเมรุ มาให้คนที่อยู่ด้านล่างเมรุ โดยมีนายคำปน เหมกุน น้าคนตาย เป็นคนรับผ้าห่มผืนดังกล่าว
จากนั้นนายคำปน ได้นำผ้าห่มผืนดังกล่าว เป็นผ้าห่มสีชมพูวิ่งจากเมรุไปยังบ้านของน้องปอน เมื่อไปถึงบ้าน ได้นำผ้าห่มวิ่งรอบบ้านน้องปอนจำนวน 3 รอบ แล้วได้นำผ้าห่มมาเคาะที่หน้าต่างบ้านน้องปอน 3 ครั้ง โยนผ้าห่มเข้าไปในบ้านน้องปอน ประเพณีนี้หมู่บ้านตนที่เป็นเชื่อสายไทยญ้อ ทำกันมานานตั้งแต่บรรพบุรุษ ตอนเย็นพระสงฆ์จะมานำผ้าห่มดังกล่าวไปสวดเพื่อให้คนตายอีกครั้ง
นางบัวลื่น สีทา อายุ 48 ปี แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า ตอนที่เคลื่อนศพน้องปอนไปวัดถึงแยกโรงเรียน ตนทำท่ากอดขึ้นมานั้น เป็นแยกที่ตนเห็นลูกชายเดินไป-กลับโรงเรียนเป็นประจำ ทุกครั้งที่ตนไปทำธุระในหมู่บ้าน ขับรถสวนกับลูกชายที่แยกดังกล่าว เวลาที่ลูกชายเลิกเรียน ตนจะบีบแตรรถมอเตอร์ไซค์ทักทายลูกชาย และลูกชายจะจำเสียงรถของตนได้ เขาจะหันหน้ากลับมายิ้มให้ทุกครั้ง วันนี้ตนเดินผ่านจุดดังกล่าว จึงกลั้นไม่ไหว แยกดังกล่าวเป็นเหมือนภาพความทรงจำที่ติดตาตนเสมอ
สำหรับเมื่อคืนนี้ลูกสาวคนโตมีอาการตัวสั่นแปลก ๆ และมาบอกว่าหนาว จากนั้นตนก็เช็ดตัวให้เขา ตนเชื่อว่าน้องปอนอาจมาเข้าร่างพี่สาวเขาก็เป็นได้ ทั้งนี้ตนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และไม่ได้ลบหลู่ เมื่อคืนนี้ทางด้านครู และ ผอ.โรงเรียนบ้านนาคำ ได้มาที่บ้านตนเอง มาขอขมาศพลูกชาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดคุยกับตนเอง มาไม่นานเขาก็กลับ
สำหรับรูปการ์ตูนที่ลูกลายวาดติดฝาผนัง ตนก็ยังไม่ได้นำไปอัดกรอบ เพราะตนยังยุ่งงานศพลูกชาย ยืนยันเหมือนเดิมว่าวันที่ลูกชายหายตัวไป กลุ่มครูและ ผอ. มีการจับวงกันดื่มแอลกอฮอล์จริง ตนยังรู้สึกเสียใจไม่หายที่เขาทำท่าทีเฉยเมย เวลาที่ตนและญาติไปขอความช่วยเหลือ ตนยังทำใจไม่ได้ ยังไม่พร้อมคุยกับคณะครู ตนอยากให้เขารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชาย ส่วนที่วันนี้ไม่มีครูในโรงเรียนมาสักคน ตนรู้สึกเฉย ๆ เพราะวันนี้ทั้งวันยุ่งแต่กับงานศพลูกชาย
เรื่องคดีตนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ตนยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด อยากให้เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบวินัยของครูที่เกี่ยวข้องอีกด้วย เพราะตอนเข้าค่ายเข้าไม่เคร่งครัด ไม่รอบครอบ วันนี้สภาพจิตใจตนดีขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่รู้วันไหนสภาพจิตใจตนจะกลับมาทรุดลงอีก ตอนที่รดน้ำศพลูกชายวันนี้ ตนได้บอกลูกว่าให้ไปสู่สุคติ ถ้าชาติหน้ามีจริงให้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก ให้ลูกลายอยู่ถึงอายุ 70-80 ปี ไม่ต้องจากไปไวขนาดนี้
นอกจากนี้ มีคลิปในจุดที่กลุ่มครูมีการจับกลุ่มดื่มเหล้า โต๊ะดังกล่าวไม่มีขวดเหล้าวางที่จุดดังกล่าวแล้ว ส่วนบริเวณกองขยะก็ปรากฏว่าไม่พบขวดเหล้าขวดเบียร์ถูกทิ้งไว้ วันนี้ทางโรงเรียนปิดเรียน และมีการล็อกประตูรั้วอย่างแน่นหนา จึงทำให้ทีมข่าวไม่สามารถเข้าไปบันทึกภาพได้
นายกล้วย (นามสมมติ) นักเรียน ม.3 เพื่อนน้องปอน เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตอนที่มีการเข้าค่ายลูกเสือ ครูในโรงเรียนมีการตั้งวงดื่มเหล้าด้วยกันจริง ที่ใต้ถุนอาคารเรียน แต่เวลา 12.00-23.00 น. ครูบางคนดื่มเหล้าจนเมาหนักก็กลับบ้านไปนอนก่อน จะเหลือแต่ครูก๊อต ผอ.สุนทรา ครูเอ ครูชมชื่น ครูสมควร ครูจูมทอง และครูสุรีย์
ทั้งนี้ ตอนที่คุมฐานครูก๊อตก็มีอาการเมาจนตนเองสังเกตได้ชัด มีอาการมึน ๆ แต่ยังพูดคุยกับนักเรียนได้อยู่ ที่พวกครูกินเหล้าในโรงเรียน ตนและเพื่อนไม่ตกใจเพราะเป็นปกติของครูกลุ่มนี้อยู่แล้ว เมื่อมีงานครูกลุ่มนี้จะดื่มเหล้าแบบนี้เป็นประจำ ตนเชื่อว่าการดื่มเหล้าของครูกลุ่มนี้ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นายปอนเสียชีวิต เพราะครูเขาเมาเหล้าจนไม่ได้เช็คชื่อนักเรียนตัวต่อตัว ถึงเขาจะอ้างว่านับจำนวนนักเรียนแล้วก็ตาม ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะเป็นเพื่อนกับปอนมาตั้งแต่เด็ก
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านครูก๊อต ครูประจำฐานที่น้องก็อตเสียชีวิต แต่ไม่พบตัว ขณะที่นางคำแพง (นามสมมติ) แม่ของครูก็อต กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นลูกชายตนเองก็ไม่เคยเล่าให้ตนฟังว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ตนรู้เรื่องดังกล่าวกับชาวบ้านที่เข้ามาถามตน ที่ลูกชายไม่ไปร่วมงานศพวันนี้ เพราะครอบครัวคนตายเขาไม่ต้อนรับ ลูกชายตนจึงไม่กล้าไป วันนี้ลูกชายตนออกไปทำธุระแต่เช้า ตนก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน เหตุที่เกิดขึ้นตนก็เสียใจไม่แพ้ลูกชาย
กรณีที่มีข่าวออกมาว่าลูกชายตนกับ ผอ.สุนทรา และครูท่านอื่น ๆ จับกลุ่มกันกินเหล้าปล่อยปะละเลยเด็กนั้น ตนขอตอบว่าลูกชายตนไม่ดื่มเหล้า ส่วนเบียร์พักหลัง ๆ ตนไม่เห็นลูกชายดื่มแล้ว คาดว่าวันเกิดเหตุคนอื่นอาจดื่มเหล้า ส่วนลูกชายตนคงดื่มน้ำอัดลม เพราะตนเห็นลูกชายมีการซื้อน้ำอัดลมไปหลายแพ็คในวันเกิดเหตุ