กรณีคลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพคณะครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ เข้าไปในร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง แล้วได้มีครูประมาณ 2-3 คน ด่าทอเจ้าของร้านและพนักงานด้วยถ้อยคำหยาบคาย เนื่องจากไม่พอใจที่ทางร้านไม่ยอมจัดเครื่องเสียง เพื่อที่จะร้องเพลงคาราโอเกะ
ต่อมานางอุไรวรรณ บุญปลอด อายุ 43 ปี เจ้าของร้านข้าวต้ม ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เขาพนม จ.กระบี่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ติดต่อไปยังโรงเรียนต้นสังกัด แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งครูที่ก่อเหตุไม่เดินทางมาขอโทษ
ล่าสุดวันที่ 22 ก.พ.64 เวลา 14.00 น. ร.ต.อ.พิภัช วงค์เดช รองสว.(สอบสวน) สภ.เขาพนม จ.กระบี่ ได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยเจรจากันที่ สภ.เขาพนม ซึ่งทางนางอุไรวรรณ พร้อมลูกชาย 2 คน เดินทางมาและมีครูที่ปรากฏในคลิปเดินทางมา 2 คน ได้แก่ นายอัสสยุช รักษ์พงศ์ ครูสอนสังคมศึกษา และนายเกียรติศักดิ์ บัวเพชร ครูโรงเรียนเดียวกัน
โดยตำรวจให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากัน แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ โดยครูทั้ง 2 อ้างว่า ไม่ได้พูดด่าทางร้านที่ด่าคำหยาบออกไปเป็นการพูดกับกลุ่มครูที่มาด้วยกัน แต่ทางร้านบอกว่าสาเหตุที่ครูด่าตามคลิปดังกล่าวก็เพราะทางครูไม่ได้ร้องคาราโอเกะ โดยคนที่พูดด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายตามคลิป คือ นายอัสสยุช และมีคลิปเสียงชัดเจน ซึ่งครูก็ยอมรับว่าด่าจริง แต่ไม่ได้ด่าร้านทาง
ร.ต.อ.พิภัช ชี้แจงข้อกฎหมายให้ทราบว่า นายอัสสยุช จึงยอมรับเป็นคนด่าคำหยาบจริง จึงทำการเปรียบเทียบปรับในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า จำนวนเงิน 2,000 บาท ส่วนนายเกียรติศักดิ์ ไม่ถูกดำเนินคดี เนื่องจากไม่ได้ด่าคำหยาบ ซึ่งทางเจ้าของร้านก็ยอมรับได้
นายอัสสยุช กล่าวภายหลังเสียค่าปรับว่า ตนยอมรับว่าเป็นคนพูดด่าด้วยคำหยาบคายจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาจะด่าว่าเจ้าของร้าน ตนเพียงหันไปพูดกับกลุ่มเพื่อนครูที่มาด้วยกันเท่านั้น อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชาก็ได้เรียกตนไปว่ากล่าวตักเตือน และให้ทำรายงานชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนในทางคดีก็ยอมถูกเปรียบเทียบปรับตามที่มีการแจ้งความแล้ว
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุยอมรับว่ากลุ่มครูที่ไปด้วยกันมีอาการมึนเมา เพราะเพิ่งกลับมาจากงานศพ นาน ๆ จะได้เจอกันพร้อมหน้า จึงชวนกันไปนั่งดื่มกินกันที่ร้าน แต่ไม่ได้มีเจตนาจะไปต่อว่าทางร้าน วันเกิดเหตุครูอัสสยุช ไปพูดใส่เพื่อนด้วยคำหยาบ ตนเห็นว่าเริ่มเมากันแล้ว ก็พยายามชวนทุกคนให้กลับ เพราะไม่อยากให้มีปัญหาบานปลาย ยอมรับว่าพวกตนมีอาชีพเป็นครู จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี แต่คนเป็นครูก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง อาจจะมีหลุดมีผิดพลาดกันได้บ้าง แต่ก็อยากขอโทษทางร้านหากกระทำอะไรที่เกินเลยไป กรณีนี้ตนก็พูดคุยตักเตือนนายอัสสยุช ไปบ้างแล้ว ในฐานะเป็นรุ่นน้อง ให้รู้จักควบคุมตัวเองให้ดี ให้เอากรณีนี้เป็นบทเรียน
ด้านนางอุไรวรรณ เจ้าของร้าน กล่าวว่า ในส่วนของตนก็ยอมรับได้ตามที่กฎหมายกำหนด คือ เปรียบเทียบปรับ แต่อยากฝากถึงคนที่เป็นครู อย่าทำพฤติกรรมแบบนี้อีก เพราะครูเป็นคนที่ต้องสอนคน ต้องเป็นต้นแบบที่ดี
หลังจากนี้หากทางครูคู่กรณี จะเดินทางไปขอโทษที่ร้าน ตนก็ยินดีรับคำขอโทษ แต่ต้องพูดคุยกันด้วยเหตุและผล อย่าใช้อารมณ์หรือปล่อยให้อาการมึนเมาพาไป
ขณะที่นายณรงค์ฤทธิ์ บุญปลอด อายุ 23 ปี ลูกชายนางอุไรวรรณ บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนเสียใจอย่างมากที่คนเป็นครูมาก่อเหตุด่าหยาบคายถึงบุพการี ทั้ง ๆ ที่เรื่องเพียงเล็กน้อยที่ทางร้านไม่ให้ร้องคาราโอเกะเท่านั้น
