"กิก ดนัย" ลั่น! ถอดเขี้ยวเล็บความเจ้าชู้แบบถาวร หลังเจอภรรยาปราบจนอยู่หมัด

26 ม.ค. 64

เห็นคุณพ่อลูกอ่อน "กิก ดนัย" ดูเป็นแฟมิลี่แมน อบอุ่นขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนนั้นขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้สุดๆ ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดใจในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ว่าเลิกแล้วครับ ผมเลิกเจ้าชู้แล้วครับ ตอนนี้เรียกว่าถอดเขี้ยวเล็บคาสโนวาโยนทิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนโหมดมาเป็นแฟมิลี่แมนตัวยง มีรักเดียวใจเดียวให้ลูกกับภรรยาเท่านั้น พร้อมย้อนเส้นทางชีวิตจากการเป็นนักฟุตบอลสู่วงการบันเทิง ซึ่งอาชีพนักแสดงทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนไหวและขี้น้อยใจสุดๆ!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" เปิดใจ ส่งเงินช่วยผู้มีพระคุณหลักแสน เผยขอเป็นล้านก็ให้ได้!
- "เจี๊ยบ วัชระ" รัดเข็มขัดสุดตัว! ตกงาน ไม่มีรายได้สักบาท ใช้เงินเก็บประทังชีวิต
- "กิ๊บซี่ วนิดา" เปิดความลับ "เกิร์ลลี่เบอร์รี่" อยู่ด้วยกันเป็น 10 ปี เต้นไม่เคยพร้อมกันสักครั้ง!
- "ฝน ธนสุนธร" ชีวิตรักแฮปปี้ คบสาวหล่อ "พี่เอ" แต่ไม่ขอจัดงานแต่ง!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่  
 

s__68182291

ถาม ก่อนจะมาเป็นดารา เป็นนักกีฬามาก่อน

กิก ดนัย : เป็นนักกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่ 6-7 ขวบครับ เพราะคุณพ่อทำทีมฟุตบอล เอาเพื่อนๆ แถวบ้านมาร่วมตัวกันเตะฟุตบอลในซอย เพื่อให้ห่างไกลยาเสพติด พออย่างมีงานวันเด็ก พ่อก็จะพาไปแข่งฟุตบอลตามสนามทั่วไป จนมันกลายเป็นชีวิตประจำวันของเราไปเลยสำหรับการเตะฟุตบอล พอเข้าโรงเรียนก็เป็นนักกีฬาโรงเรียน นักกีฬามหาลัย


ถาม แต่ที่เข้ามาเป็นดาราได้เพราะผีผลัก

กิก ดนัย ไม่คิดว่าจะมาเป็นดารา ตอนนั้นเล่นฟุตบอลอยู่มหาวิทยาลัยตอนปี 1 ตอนนั้นผมโกนหัวสกินเฮดเลย เพราะเวลามีผมมันขัดต่อการเตะฟุตบอลของเรามาก แล้วมีพี่ๆ ไปเห็น เขาเลยชักชวนมาเข้าวงการ แต่ตอนนั้นเราก็มีความกล้าๆ กลัวๆ เราก็คิดว่าลองดูไหมหรือยังไงดี สุดท้ายก็ลองดู พอเข้ามาเรื่องแรกก็เจอบทหินบทยากสำหรับเราเลย เพราะเป็นละครดราม่าเข้มข้น ในเรื่องจะเป็นการเชิดสิงโต ลูกคนจน พ่อตาย พี่ชายตาย มันต้องเป็นฉากอารมณ์ทั้งนั้นเลย ทำให้เรารู้สึกว่าผมทำไม่ได้ เราต้องมานั่งร้องไห้แล้วนักแสดงที่เราเล่นด้วยรุ่นใหญ่ๆ กันหมด เรารู้สึกทำไม่ได้ รู้สึกท้อ แต่ด้วยความที่เราเป็นนักกีฬา เป็นคนที่ชอบแข่งขันอยู่แล้ว แข่งขันกับตัวเอง พอจบเรื่องนั้นเป็นปมของผมเลย เรารู้สึกว่าเราทำได้ไม่ดีเท่ากับโอกาสที่เขาให้เรามา ติดอยู่ในใจมาก พอเรื่องที่สอง เราก็ไปตระเวนเรียนแอคติ้ง หลายครูมาก และบอกเหตุผลของเราให้ครูฟังว่าเราเป็นยังไง จนทำให้เรารู้สึกว่าเราเริ่มชอบการแสดง พอยิ่งเรื่องที่สองทำได้ มันเลยกลายเป็นรักในการแสดงขึ้นมา เราทำได้ เป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่มากนะที่เราร้องไห้ได้ เพราะเรื่องแรกยังไงก็ไม่ร้อง


ถาม แต่จริงๆ น่าจะเป็นคนที่แสดงบทร้องไห้ได้ง่ายๆ นะ เพราะตัวจริงเป็นคนเซนซิทีฟมาก

กิก ดนัย จริงๆ ผมเป็นคนเซนซิทีฟตอนที่เข้ามาเล่นละคร พอเรามาเรียนแอคติ้ง เหมือนเปิดเซนส์รับความรู้สึกได้เร็วขึ้น มันเลยกลายเป็นคนเซนซิทีฟ นิดๆ หน่อยๆ ก็รู้สึกกระทบ น้ำตาคลอ น้ำตาไหล ถึงขนาดที่ว่าภรรยาผมคลอด ผมร้องไห้ตั้งแต่ส่งเขาเข้าห้องคลอด เราก็น้ำตาคลอแล้ว แล้วเราก็มานั่งรอ พยาบาลก็มาตามว่าจะผ่าแล้ว พอเราเข้าไป ลูกยังไม่ทันร้องเลย ผมน้ำตาไหลออกมาแล้ว แล้วก็อะไรที่เป็นโมเมนต์ที่มันดีๆ น่าสงสาร เรื่องครอบครัว พี่น้อง ทำให้เรารู้สึกได้ น้ำตาเราก็ไหล


ถาม แล้วเวลาเตะฟุตบอล เพื่อนไม่ส่งบอลให้ จะน้อยใจ

กิก ดนัย : ไม่ได้งอน น้อยใจครับ เพื่อนจะรู้ว่าเราเป็นคนที่เล่นฟุตบอล จะจริงจังมาก แล้วเวลาเราคิ้วชนกัน เพื่อนก็จะรู้ เราไม่ได้โมโหหรืออะไรนะครับ แต่เราเป็นคนที่แบบเวลาเล่นฟุตบอลจะตั้งใจมาก เพราะบางทีเราเห็นจังหวะ ถ้าส่งให้เราก็สามารถยิงเข้าประตูได้ เรามั่นใจว่าถ้าจังหวะนี้ เราสามารถจบได้เลย เราอยากให้เพื่อนมั่นใจในตัวเรา

s__68182290

ถาม แล้วน้อยใจคุณพ่อคุณแม่?

กิก ดนัย : ที่น้อยใจคือเมื่อตอนเข้าวงการแรกๆ ด้วยความตอนนั้นเราเป็นวัยรุ่น เรามีผลงาน เราก็อยากบอกเขาว่าผมเล่นละครเรื่องนี้ๆ นะ แล้วพ่อเขาแบบเหมือนไม่ค่อยสนใจ ไม่ดู ไม่สนใจ ไม่ติดตาม เราก็แบบน้อยใจอยู่พักหนึ่ง ไประบายกับแม่ แม่เขาบอกว่าเป็นวิธีการเลี้ยงของพ่อ เพราะพ่อผมมีลูกสองคน เขาก็จะแมนจัดเลย เลี้ยงลูกแบบนักกีฬามาตลอด แล้วเขาก็มีความกังวล เมื่อเราเข้าวงการมา เราจะมีความหลงระเริงไหม กลัวหลงแสงสี กลัวเสียการเรียน เขาก็มีวิธีการเลี้ยงแบบว่ากดเราให้อยู่ ไม่ให้หลง แต่เขาก็แอบดูผลงานของเรานะ เวลาที่เราไม่อยู่ แล้วหนังสือพิมพ์ที่ลงรูปเรา พ่อเข้าก็ตัดเก็บไว้ก็มี พอเราเข้าใจพ่อแล้ว เราก็รู้สึกดีนะครับที่เขาเลี้ยงเราแบบนี้ เพราะพอเราโตมาอยู่ในวงการมาสิบกว่าปี เราก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ชีวิตมันก็ราบเรียบ ไม่ได้เปรี้ยงมากอะไรมากมาย แต่ก็โอเคเรื่อยๆ


ถาม จริงๆ เขาเป็นคนที่มีภาพลักษณ์เงียบๆ ดูดี ดูเป็นคนดี แต่ก่อนหน้านี้ใครจะรู้ว่าคือหนึ่งในคาสโนวาตัวพ่อ เห็นเงียบๆแต่ฟาดเรียบ

กิก ดนัย : ก็มีบ้างครับ (หัวเราะ) ก็ยอมรับ เพราะตอนนี้เราดีแล้วไง ตอนนั้นก็สับหลายรางเหมือนกัน เข้าวงการแล้วด้วยครับตอนนั้น ช่วงเป็นวัยรุ่น กำลังซ่า คุยหลายคน มีแฟนพร้อมกัน 4 คน เราต้องทำให้เขาเหมือนกันหมดทั้ง 4 คน อย่าง กินข้าว ดูหนัง แต่ที่เจอกันบ่อยคือดินเนอร์ บางทีกินข้าวเย็นสามถึงสี่มื้อ เราทำงานเสร็จก็ไปเจอคนนี้ห้าโมง อีกคนทุ่มหนึ่ง ซึ่งเขาก็ไม่ได้สงสัยกันนะครับ ณ ตอนนั้น ด้วยความที่มันไม่ใช่ยุคโซเชียลด้วย


ถาม ที่เขายอมรับหมด เพราะตอนนี้มีคนปราบเขาอยู่หมัดเรียบร้อยแล้วคือภรรยาคนปัจจุบัน ถามจริงๆ ภรรยาคนนี้เป็นหนึ่งในสี่ที่เป็นแฟนกิกตอนนั้นไหม

กิก ดนัย : ใช่ครับ ด้วยทั้งชีวิตที่เรามีแฟนมา เจอผู้หญิงที่เขายอมเราตลอด แต่มีเขาคนเดียวที่ไม่เคยยอมเรา ทะเลาะบ่อยมาก เหมือนยิ่งเขาขัดเรา เราก็ยิ่งอยากเอาชนะ เราก็คบมาเรื่อยๆ จากที่สี่คนก็เหลือสองคน และช่วงที่เขาจับได้ คือเหลือสองคน คนนี้เขารู้แล้วเขาไม่ถามเราเลยนะครับ เขาหายไปเลย เราไม่มีโอกาสพูดคุยกับเขาเลย เราไปที่บ้าน เขาก็ไม่ลง ไปที่ทำงานก็ไม่เจอ เรารู้สึกว่ามันเป็นความทรมานใจมาก ต้องไปดักเขาเวลาที่เขาเข้างานเจ็ดโมง ผมต้องออกจากบ้านตีห้าครึ่ง เผื่อไปถึงก่อน เพราะเราไม่รู้ว่าเขาไปทำงานกี่โมง บางทีไปก็ไม่เจอ เราก็มาดักเช้าเย็นแบบนี้เป็นอาทิตย์ จนเรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว ไม่สะดวกเราด้วย เราเลยไปเปิดห้องอยู่แถวนั้น เปิดโรงแรมนอนเฝ้าเขาเลย 1 เดือน เพื่อที่จะลงมาเจอเขาก็ได้ เจอบ้างไม่เจอบ้าง เจอเขาเราก็ไม่ได้อธิบายนะครับ ได้แต่เอาของที่เราซื้อมาฝากให้เขา แต่เขาก็รับแล้วบอกขอบคุณค่ะ แล้วเดินไปเลย ตอนนั้นก็เกือบท้อครับ เพราะเราก็พยายาม แต่เขาก็ยอมไปกินข้าวเย็นด้วย ยอมเป็นเพื่อนด้วยกับเรา ทำให้เรารู้สึกเข็ดในสิ่งที่เราทำลงไปในความเจ้าชู้ของเรา ตอนที่ง้อเขาอยู่ เราก็เลิกหมดเลยกับทุกคน แล้วกว่าที่เขาจะยอมกลับมาเป็นแฟนคือ 2-3 เดือน เขาเป็นคนที่ใจแข็งมากๆ เด็ดเดี่ยวมากๆ จนมาถึงช่วงที่ต้องตัดสินใจแต่งงานกัน ผมก็แอบถามใจตัวเองว่าเราหยุดหรือยัง พร้อมที่จะไม่เจ้าชู้แล้วใช่ไหม เพราะคิดว่าถ้ามีลูกแล้วเจ้าชู้ เขาเอาลูกหนีเราแน่ เพราะเขาใจแข็งมาก เราก็เลยตัดใจแล้วมาโฟกัสเรื่องอื่นๆ มาโฟกัสเรื่องการสร้างครอบครัว การทำงานไปดีกว่า ตอนนี้ลูกชาย 1 ขวบแล้วครับ แต่เรามีลูกเราก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมนะครับ ไปเที่ยว ไปแคปปิ้ง ก็พาเขาไปด้วย ตอนนี้ก็แพลนว่ากำลังจะมีคนที่สองต่อครับ อยากมีในปีนี้ แต่ก็ดูสถานการณ์ก่อน

s__68182294

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส