นายหัวโหดไม่พูดปมฆ่า 2 ศพ เพื่อนแฉแค้นโดนแย่งลูกค้า พิรุธถ่วงเวลากลับเชื่อจงใจยิง (คลิป)

25 ม.ค. 64

จากกรณีนายเวียน เอียดชูทอง อายุ 60 ปี ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงนายประกอบ ชูทอง อายุ 54 ปี และ นายยอด แซ่หลี อายุ 54 ปี บริเวณหน้าบขส.แห่งที่ 2 ภูเก็ต จนเสียชีวิต เมื่อกลางดึกของวันที่ 23 ม.ค.64 ที่ผ่านมา

293551830047

ล่าสุดวันที่ 25 ม.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้พาตัวนายเวียน ผู้ต้องหา ในข้อหา 1.ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ 2.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในสถานที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลาประมาณ 09.30 น.

551248949340902748

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายเวียน ชี้จุดยิงนายประกอบ และทำท่านั่งรอมอบตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่ได้พาไปชี้จุดที่ยิงนายยอด เพียงให้ยืนชี้จากจุดที่นั่งรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหาจุดที่ยิงนายยอด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พาตัวนายเวียนขึ้นรถกระบะกลับ สภ.เมืองภูเก็ต ทราบภายหลังว่านายเวียน อ้างว่าจำรายละเอียดที่ยิงนายยอดไม่ค่อยได้

161523

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพาตัวนายเวียนขึ้นรถกลับนั้น ทีมข่าวได้พยายามสอบถามนายเวียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิ เอาปืนมาจากที่ใด เก็บปืนไว้ที่ไหน ทำไมต้องยิงนายยอด ปมการก่อเหตุคืออิจฉาลูกน้องเก่าใช่หรือไม่ แต่นายเวียนก็ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น

จากนั้นในช่วงเวลา 12.00 น. ทีมข่าวได้เดินทางมายัง รพ.วชิระภูเก็ต และได้พูดคุยกับนางกำจาย ชูทอง อายุ 60 ปี ภรรยาของนายประกอบ ซึ่งในวันนี้ทางครอบครัวได้เดินทางมารับร่างของนายประกอบกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเสม็ดจวน อ.ลำทับ จ.กระบี่ บ้านเกิดของนายประกอบ และจะมีพิธีฌาปนกิจวันเสาร์ที่ 30 ม.ค.64 

562529

นางกำจาย บอกว่า สามีเป็นคนใจดี เพื่อน ๆ รักใคร่ ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นคนกว้างขวาง เป็นที่เคารพของคนทั่วไปในบขส. รวมถึงสามีของตนด้วย แต่ตนไม่ทราบว่าทั้งคู่สนิทสนทกันมากแค่ไหน ตนเจอและพูดคุยกับสามีครั้งสุดท้ายในช่วงเย็นของคืนวันเกิดเหตุ ก่อนสามีจะเดินทางมาที่บขส. แต่ไม่มีลางบอกเหตุอะไรมาก่อน ส่วนปืนที่เจ้าหน้าที่พบว่าเหน็บอยู่ที่เอวสามีของตน ตนไม่เคยทราบมาก่อนว่าสามีมีปืน

114798

ทั้งนี้สามีของตนเป็นเสาหลักของครอบครัว ลูกสาวก็เพิ่งจะตั้งตัวทำงานผ่อนบ้านผ่อนรถ ขาดสามีไป ตนก็ไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ตนไม่รู้สาเหตุของการก่อเหตุ ตนถามใครในบขส.ก็ไม่มีใครรู้ ตนอยากจะถามผู้ก่อเหตุว่าทำทำไม และอยากจะวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจและศาลขอให้กำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

โดยเมื่อให้สัมภาษณ์และรับศพเรียบร้อยแล้ว ทางครอบครัวของนายประกอบก็ได้เดินทางย้อนกลับมายังบขส.แห่งที่ 2 ภูเก็ต เพื่อมาบอกกล่าวพูดคุยกับดวงวิญญาณของนายประกอบ ณ จุดที่ถูกยิงเสียชีวิต พร้อมทั้งเก็บเอกสารของนายประกอบ ก่อนจะเดินทางกลับจังหวัดกระบี่

ขณะเดียวกันในเวลา 14.00 น. ครอบครัวของนายยอด แซ่หลี อายุ 54 ปี ผู้ตาย ก็ได้เดินทางมายัง รพ.วิชิระภูเก็ต เพื่อรับศพของนายยอดกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดท่าพญา ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง บ้านเกิดของผู้ตาย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

330981

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.เมตตา บุญชัย อายุ 48 ปี ภรรยานายยอด และนายสิริวัช ชูศรี อายุ 33 ปี น้องชายนายยอด โดยนางเมตตา บอกว่า วันนี้ (25 ม.ค.64) ตนได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ทราบว่า ขณะทำแผนประกอบคำรับสารภาพวันนี้ นายเวียนจำเหตุการณ์ยิงตาย 2 ศพไม่ได้ ซึ่งทำให้ตนรู้สึกเจ็บแค้นใจ เนื่องจากนายเวียนจงใจยิงสามีของตน แต่กลับจำอะไรไม่ได้

714494

ทั้งนี้ ตนพอจะประติดประต่อเหตุการณ์ได้ว่า หลังจากที่นายเวียนยิงนายประกอบแล้ว นายเวียนได้หันมาเห็นนายยอด สามีของตน บริเวณไม้กั้นหน้า บขส. นายเวียนจึงถือปืนวิ่งตรงมาหาสามีของตน สามีของตนที่เห็นปืนในมือของนายเวียน จึงรู้สึกตกใจแล้ววิ่งหนีไปยังข้างตึก ซึ่งเป็นที่จอดคิวรถแท็กซี่ แต่นายเวียนยังคงไม่ลดละความพยายามที่อยากจะฆ่าสามีของตน นายเวียนยังคงวิ่งไล่สามีของตน กระทั่งสามีของตนวิ่งกลับมาตรงบริเวณไม้กั้นหน้า บขส. นายเวียนก็ได้ยิงปืนเข้าที่ขาขวาของสามีตน 1 นัด จากระยะไกล จากนั้นนายเวียนก็ได้เข้าประชิดตัวเข้ามายิงซ้ำบริเวณลำตัว 2 นัด และศีรษะอีก 1 นัด รวมทั้งหมด 4 นัด

664914

อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างโหดเหี้ยม และเป็นการไตร่ตรองที่จะฆ่าไว้ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้น นายเวียนคงจะไม่วิ่งไล่ยิงสามีของตนแบบนี้ ตนยังคงโกธรผู้ก่อเหตุ เนื่องจากวันที่ 24 ม.ค.64 ตนได้พบกับผู้ก่อเหตุที่โรงพัก และถามผู้ก่อเหตุว่า “ทำทำไม ยอดนับถือน้ามากนะ ไม่สงสารหลานเหรอ” ซึ่งผู้ก่อเหตุได้แต่ยกมือไหว้ ไม่พูดอะไรสักคำ ตนขอดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด และจะไม่ยอมให้ศาลอนุญาตให้ประกันตัวเด็ดขาด ตนอยากให้ศาลเห็นใจ เนื่องจากสามีของตนเป็นเสาหลักของครอบครัว

531995

ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับ นายอภิโน (นามสมมติ) อดีตพ่อค้าในบขส. ซึ่งรู้จักผู้ก่อเหตุและผู้ตายทั้ง 2 คน เจ้าตัวได้เล่าปมการก่อเหตุของนายเวียน ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร ให้กับทีมข่าวฟัง

984035

นายอภิโน (นามสมมติ) เล่าว่า ตนพอจะรู้จักผู้ก่อเหตุและผู้ตายทั้ง 2 คน อยู่บ้าง โดยนายเวียนเป็นคนใจร้อน เงียบ ไม่ค่อยพูด ใจนักเลง พูดจริงทำจริง ทำให้ค่อยข้างกว้างขวาง และคนนับถือ นายเวียนเคยเป็นเจ้าของธุรกิจคิวรถแท็กซี่ แต่ได้หมดวาระแล้วยกตำแหน่งให้นายยอด เป็นประธานคนใหม่ จากนั้นนายเวียน ก็ได้หันไปทำธุรกิจจองตั๋วเรือโแล้วดยสาร แต่ยังคงมีธุรกิจคิวรถแท็กซี่เล็ก ๆ อยู่ในบขส.

แต่ต่อมา นายเวียนรู้สึกไม่พอใจที่นายยอด มีลูกค้ามากกว่า อีกทั้งบางครั้งนายยอดยังตัดราคาค่าคิวรถแท็กซี่ ทำให้ลูกค้าหันเหไปใช้บริการธุรกิจของนายยอด นายเวียนเก็บความแค้นสะสมไว้เรื่อยมา ส่วนนายประกอบ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับนายเวียน แต่บางครั้งที่ลูกค้ารถแท็กซี่สู้ราคาคิวรถของนายยอดและนายเวียนไม่ไหว นายประกอบก็จะรับลูกค้าและวิ่งรถแท็กซี่เอง โดยคิดค่ารถราคาถูก คาดว่าจุดนี้อาจจะทำให้นายเวียน รู้สึกไม่พอใจที่โดนแย่งลูกค้าไปเช่นกัน

325550

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะปมเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นจากการแย่งเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยตนคิดว่านายเวียนตั้งเป้าหมายการฆ่าไปที่นายยอด เนื่องจากนายยอดอยู่ห่างกับนายเวียนถึง 40 เมตร แต่นายเวียนยังคงวิ่งตามไปยิง อีกทั้งตนยังคิดว่านายเวียนน่าจะเตรียมตัวที่จะก่อเหตุมาก่อนแล้ว เนื่องจากปกตินายเวียนจะกลับบ้านเร็วไม่เกินเวลา 20.00 น. แต่คืนวันเกิดเหตุ นายเวียนนั่งดื่มยาดองจนกระทั่งดึก คาดว่าน่าจะดื่มย้อมใจก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ

ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่าตนจะคาดหวังเกี่ยวกับคดีนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากนายเวียน ผู้ก่อเหตุ รู้จักกับคนในวงการสีกากี อีกทั้งตนยังคิดว่าหากนายเวียนพ้นโทษออกมา คงจะไม่มีใครต้อนรับนายเวียนแล้ว เพราะการกระทำของนายเวียนไม่มีเหตุผล ก่อเหตุด้วยปมแย่งเศษเงิน ทำตัวเหมือนคนไม่มีการศึกษา

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส