กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ยุพิน จันทร์ศรี" ลงภาพนิ่งและเล่าเรื่องราว ระบุว่า "ใครเห็นหรือเจอผู้ชายและน้องผู้หญิงในรูปนี้ช่วยแจ้งเบาะแสให้หน่อยนะคะ คือน้องผู้หญิงเขาโดนผู้ชายคนนี้ฉุดไปจากที่ทำงานเมื่อวานนี้ค่ะ ใครเจอช่วยแจ้งไปที่ตำรวจให้หน่อยนะคะ #ตอนนี้ครอบครัวเป็นห่วงน้องมากเลยค่ะ #หรือแจ้งมาในเฟสนี้ก็ได้ค่ะ ช่วยแชร์ให้หน่อยนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ"
ล่าสุดวันที่ 20 ธ.ค.63 นายบอย-วรวิทย์ เตียวเจริญกิจ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืน จี้ลักพาตัวอดีตภรรยาจากที่ทำงาน แล้วทุบตีจนได้รับบาดเจ็บ ยอมมอบตัวกับตำรวจแล้ว หลังให้แม่และลูกชายเข้าเกลี้ยกล่อม ขณะที่เจ้าตัวรับสารภาพก่อเหตุเพราะโกรธแค้นที่ทางครอบครัวอดีตภรรยาฟ้องร้องหลายคดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก บก.สส.ภาค7, สน.คลองตัน, บก.สส.บชน., กก.1บก.ป., บก.สส.ภาค 4, กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และอรินทราช (บชน.) กว่า 100 นาย พร้อมทั้งอาวุธได้วางกำลังปิดล้อมรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ. ขอนแก่น หลังนายวรวิทย์ เตียวเจริญกิจ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ได้พยายามหลบซ่อนตัวที่รีสอร์ตดังกล่าว เป็นห้องหมายเลข A8 พร้อมกับน.ส.รัตนา ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นมีลูกค้าที่เข้าพักในรีสอร์ตจำนวน 14 ห้อง
โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังปิดล้อม พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้นายวรวิทย์ เข้ามอบตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ กระทั่งช่วงบ่ายที่ผ่านมา จึงได้ติดต่อนางสมยศเตียว เจริญกิจ มารดาและลูกชายวัย 12 ขวบของนายวริวทย์ มาช่วยเกลี้ยกล่อม และทันทีที่นายบอยได้ยินเสียงแม่และลูกชาย จึงยอมเข้ามอบตัวกับตำรวจ ก่อนที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้นห้องพัก พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกะสุนอยู่ภายในห้อง จึงตรวจยึดมาเป็นของกลาง พร้อมกับควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ย่อยเมืองเก่า
ส่วนน.ส.รัตนา หรือ ปอ สภาพถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า และดวงตาซ้ายมีรอยช้ำ มีสภาพอิดโรย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง รพ.ขอนแก่น เพื่อรักษา
นายบอย ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขอบคุณที่เจ้าหน้าที่ให้เวลาตนและน.ส.ปอ นอนที่รีสอร์ต เพราะตนรู้ว่าเจ้าหน้าที่มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว สาเหตุที่ลงมือก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ได้มาจากความหึงหวง แต่เกิดจากความโกรธแค้นที่ทางครอบครัวน.ส.รัตนา ได้ฟ้องคดีตนหลายคดี ส่วนประเด็นอื่น ๆ นั้นตนไม่ขอให้รายละเอียดใด ๆ แต่ให้ไปถามกับน.ส.รัตนา เพราะได้มีการเปิดอกพูดคุยกันแล้ว และอยากให้ทางครอบครัวน.ส.รัตนา พูดความจริง ไม่ใช่กล่าวหาตนแต่เพียงฝ่ายเดียว ส่วนสาเหตุที่เดินทางมาขอนแก่น เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของตนเอง
ทั้งนี้ตนคบหากับน.ส.ปอ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากนั้นก็เลิกกันไป 2 ปี และไม่ได้ติดต่อกันอีก ระหว่างที่ตนเลิกรากับน.ส.ปอนั้น น.ส.ปอได้แจ้งความจับตน และแม่ของตนในข้อหาลักทรัพย์ เพราะตนไปขนข้าวของออกจากบ้าน จึงถูกน.ส.ปอ แจ้งความจับ กลายเป็นเหตุให้ตนมาก่อเหตุกับน.ส.ปอ ซึ่งปมเหตุทั้งหมดมาจากเรื่องที่เขาแจ้งความจับตน ไม่ใช่เพราะหึงหวง
ส่วนเรื่องหึงหวงที่เคยเป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปสอบถามกับน.ส.ปอเอง และสิ่งที่ตนคาใจน.ส.ปอ มาตลอด 2 ปีที่เลิกกัน ตนได้เคลียร์ใจกันรู้เรื่องแล้ว ตลอดเวลาที่ตนจับตัวน.ส.ปอ ไปนั้น พวกตนก็กินอยู่กันบนรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ ส่วนกรณีที่รถเก๋งของตนไปประสบอุบัติเหตุ เพราะเครื่องยนต์ไม่ค่อยดี
นายบอย เล่าต่อว่า ตนตั้งใจจะมอบตัวตั้งแต่วันที่อยู่ จ.อุทัยธานีแล้ว ตนบอกให้น.ส.ปอ ขับรถกลับไปหาเจ้าหน้าที่เลย แต่น.ส.ปอ เขาก็ไม่ยอมกลับไป เขากลัวตนจะถูกตำรวจวิสามัญ เขาไม่อยากให้ตนตาย เพราะตนมีปืน น.ส.ปอ กลัวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำร้ายตน “เขาก็อยากอยู่กับผมตลอด ผมเปิดประตูรถมา เขาก็กอด เขาก็กลัวผมโดน ผมก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก”
สาเหตุที่ตนมาที่ จ.ขอนแก่น เพราะแม่อยู่ที่นี่ และเหตุผลทุกอย่างที่ตนเองกระทำครั้งนี้ ตนก็อยยากให้นักข่าวไปสอบถามจาก น.ส.ปอ เพราะเขารู้ดีทุกอย่าง ตนตอบอะไรไป เดี๋ยวก็หาว่าตนแก้ตัว “มันเป็นเรื่องที่คาใจกันมาตลอด 2 ปี ผมพูดได้แค่นี้ ส่วนที่เหลือให้ไปถามที่ปอเอง” จากนั้นนายบอยได้พูดต่อว่า "ผมแค่อยากคุยกัน ผมแค่โดนกีดกัน รับอะไรต่ออะไรมาตั้งกี่ปี แต่ตอนนี้ผมได้คุยกันเข้าใจกันกับปอแล้ว ผมสองคนรักกัน"
หลังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้นำข้าวกล่อง เป็นเมนู ข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาว มาให้นายบอยกิน จากนั้นเจ้าหน้าที่ให้สื่อมวลชนออกจากห้อง และให้นายบอยทานข้าวเพียงลำพังในห้อง
หลังจากนายบอยทานข้าวเสร็จ นายบอยได้ขอเจ้าหน้าที่ไปเจอกับน.ส.อร อดีตภรรยานายบอย และน้องไอโฟน ลูกของนายบอย วัย 26 วัน โดยน.ส.อร ได้พาลูกสาวมาให้นายบอยอุ้ม จากนั้นทั้ง 2 คนได้เข้าไปในห้องสอบสวน โดยมีแม่นายบอย และลูกชายคนโตของนายบอย อายุ 12 ขวบ อยู่ในห้องดังกล่าวด้วย ซึ่งนายบอยได้เข้าไปพูดคุยกับคนในครอบครัวประมาณ 1 ชั่วโมง
นายบอยได้พูดคุยกับครอบครัว กว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงเตรียมนำตัวนายบอยไปสอบสวนต่อที่ สภ.คลองตัน ซึ่งเป็นโรงพักพื้นที่เกิดเหตุ โดยก่อนที่นายบอย จะขึ้นรถเดินทางไปที่ สภ.คลองตันนั้น นายบอยได้หอมแก้มน.ส.อร ทั้ง 2 ข้าง และหอมลูกสาวไป 1 ครั้ง ก่อนจะเดินทางไปขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ ซึ่งระหว่างเดินไปขึ้นรถ นายบอยก็ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
น.ส.อร อดีตภรรยาของนายบอย และมีลูกกับนายบอย เพิ่งคลอดได้ 26 วัน ได้เดินทางมาให้กำลังใจนายบอย ที่สภ.ย่อยเมืองเก่า จ.ขอนแก่น และนำตัวลูกสาวมาให้กับอดีตสามีดูด้วย โดยนางสาวอร เล่าว่า ตอนที่นายบอยได้เจอกับลูกสาวของเขา เขาได้บอกลูกว่า "โตขึ้นเป็นเด็กดีนะ อยู่กับแม่อย่าดื้อนะ" และก็เป็นครั้งแรกที่นายบอย เขาได้เจอกับลูกสาวของเขา
ส่วนตนได้บอกอดีตสามีว่า ถ้าเขาอยู่ข้างใน (ในเรือนจำ) ก็ให้เขาทำตัวดี ๆ ก่อนหน้านี้ตนรู้สึกโกรธนายบอย กับการกระทำของเขาในครั้งนี้ แต่พอตนได้เห็นหน้าของนายบอยวันนี้ ความโกรธของตนก็หายไป ส่วนแรงจูงใจที่ก่อเหตุ ตนก็ไม่ได้สอบถามเขา และตนก็ไม่รู้เหตุผลที่เขาทำ ที่ตนไม่ถามเขาถึงมูลเหตุเพราะตัวเขาจะไปรับความผิดในสิ่งที่เขาทำแล้ว ตนจึงไม่อยากถามอะไรเขามาก
ส่วนเรื่องที่นายบอยหลอกว่าเขาถูกกีดกัน ตนก็ไม่รู้เรื่อง และตนก็ไม่เคยเจอกันกับน.ส.ปอ อีกด้วย ก่อนจะหอมแก้มตนและลูก นายบอยได้พูดกับตนเป็นประโยคสุดท้ายว่า "ป๊าไม่ได้โกรธมี๊นะ ถ้ามี๊ไม่รอป๊า" ต่อไปนี้ตนไม่รู้จะเป็นอย่างไร ตนขอให้เป็นเรื่องของอนาคต และตนก็อยากบอกนายบอยว่า ให้เขาดูแลตัวเองดี ๆ ทำตัวดี ๆ แล้วรีบกลับมาหาลูก ตนจะรอเขากลับมา
ด้านนางสมยศ เตียวเจริญกิจ แม่ของนายบอย ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่ตนไปเกลี้ยกล่อมลูกชาย ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับลูกชายมาก ซึ่งลูกชายก็ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โดยดี โดยจากการสอบถามลูกชายได้บอกน.ส.ปอให้กลับไป ตั้งแต่อยู่ที่ จ.อุทัยธานีแล้ว แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมกลับ เพราะกลัวนายบอย จะถูกวิสามัญ
ส่วนที่ลูกชายไปเอาตัวน.ส.ปอ เพื่อจะเอาตัวมาคุยเจรจากันให้เข้าใจ ว่าทำไมน.ส.ปอ ถึงต้องแจ้งจับนายบอยและตนในข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งปมนี้ทำให้ลูกชายตนแค้นมาก แต่เมื่อเขาได้นั่งคุยกับน.ส.ปอ ลูกชายก็สบายใจและเข้าใจกันแล้ว วันนี้ตนก็ไม่ได้เตรียมคำพูดอะไรจะมาเกลี้ยกล่อมลูกชายเป็นพิเศษ
สำหรับนายบอย ถ้าไม่มีใครทำร้ายเขาก่อน เขาก็จะไม่ร้าย ไม่ทำใคร แต่ยอมรับว่าวันแรกที่ลูกชายจับตัวน.ส.ปอมานั้น ลูกชายโมโหน.ส.ปอ มาก จึงได้มีการลงมือทำร้าย แต่หลังจากนั้นลูกชายก็ใจอ่อน และทั้ง 2 ก็ยังรักกันอยู่ เพราะเขาเคยเป็นผัวเมียกัน
