แฉพิรุธนายแบบโซ่ผูกคอตายศพถูกบิดขา แฟนร่ำไห้แจงกู้ภัยขยับศพเพื่อเก็บ (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุ พบร่างนายสมบูรณ์ บุญโพธิ์ชา อายุ 29 ปี เสียชีวิตอยู่ในห้องฟิตเน็ต ในบ้านของแฟนสาว ภายในซอยพหลโยธิน 48 แยก 51 กรุงเทพฯ สภาพศพพบว่า ร่างของผู้เสียชีวิตนอนอยู่ที่พื้นบ้าน อีกทั้งมีบาดแผลเลือดออกที่ศีรษะ-ปาก ลักษณะมือ เท้าไม่เกรง และลิ้นไม่จุกปาก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฟนสาวเปิดภาพลับ นายแบบโซ่มัดคอตายนั่งไหว้ฟ้าตาลอย แต่แม่แฉภาพศพขาหัก

จากการตรวจสอบของแพทย์พบว่า ผู้เสียชีวิตผูกคอตาย โดยใช้โซ่ของเครื่องออกกำลังกาย ผูกคอจนเสียชีวิตดังกล่าว ทำให้ญาติยังคงติดใจกับการเสียชีวิตในครั้งนี้ เพราะลักษณะการเสียชีวิตด้วยวิธีผูกคอ ไม่น่าจะมีบาดแผลตามร่างกาย จึงนำร่างส่งชันสูตรที่นิติเวช รพ.ตำรวจ รอผล 45 วัน ส่วนศพของผู้เสียชีวิตได้ฌาปนกิจไปแล้วที่วัดพยอม ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้ช่วงเดือน มิ.ย.63 นายชีวาสยังมีอาการปกติ จนกระทั่งวันที่ 10 มิ.ย.63 อาการแปลก ๆ เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ นั่งเหม่อลอย ชันเข่าประนมมือไหว้อากาศ ตอนแรกเข้าใจว่าถูกคุณไสย จึงตัดสินใจบวช แต่ระหว่างบวชอาการก็ปกติ

ล่าสุดวันที่ 18 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของแม่ผู้เสียชีวิต บริเวณใกล้วัดพยอม ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางวันเพ็ญ บุญโพธิชา อายุ 51 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า กรณีคลิปของลูกชายที่หลุดออกไป ที่เห็นลูกชายอยู่ในอาการเหม่อลอย กราบไปกับพื้น ตนยืนยันว่าไม่รู้จริง ๆ ว่าที่ลูกชายมีอาการแบบนั้นเป็นเพราะอะไร รู้เพียงแค่ว่าคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ถูกบันทึกไว้นานแล้ว ตั้งแต่ก่อนลูกชายจะบวช (24 มิ.ย.63)

แต่ส่วนตัวตนคิดว่า การที่ลูกชายมีอาการแบบนั้น อาจเป็นเพราะลูกชาย อาจจะยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดหรือไม่ เพราะตนยอมรับตามตรงว่า ลูกชายเคยเล่าให้ตนฟัง เคยมีใช้สารเสพติดบ้างแต่ไม่บ่อย คงไม่ได้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า เพราะตลอดระยะเวลาที่เลี้ยงลูกมา ลูกชายของตนก็เป็นร่าเริงอยู่ตลอด ไม่น่าที่จะมีความคิดผูกคอตายเองได้

ส่วนกรณีคลิปครอบครัวทีมีการถกเถียงกันภายในวัดขณะอยู่ในงานศพที่มีคลิปหลุดออกไป ตนอยากชี้แจงว่า คนที่ยืนเถียงกับตน คือ นายจรัญ บุญโพธิชา หรือ ต้น พี่ชายต่างมารดาของลูกชาย ปมเหตุเกิดจากนายต้น ไม่พอใจที่ตนจะเก็บศพไว้ไม่ยอมเผา เพื่อส่งตรวจนิติเวชพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตครั้ง

นายต้นจึงไม่พอใจ และโวยวายว่า "ใครที่ไม่ยอมให้เผาศพน้องกู" โดยให้เหตุผลว่า อยากจะให้ทำการฌาปนกิจ เพื่อดวงวิญญาณจะลูกชาย จะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี แต่ส่วนความคิดจริง ๆ ของนายต้นจะมีจุดประสงค์อะไร ตนก็ไม่ทราบแน่ชัดถึงได้มาต่อว่าโวยวายตนและคนในครอบครัวแบบนั้น

หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางเพลินตา รอดประเสริฐ อายุ 47 ปี และนางประไพร อุณวงค์ อายุ 44 ปี น้าสาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะนี้ยอมรับว่าทางครอบครัวก็ยังคงติดใจการเสียชีวิตของหลานชาย เพราะมีความสงสัยในการเสียชีวิตหลายอย่าง จึงอยากมาชี้แจงให้เห็นภาพ

กรณีที่ 1 เครื่องฟิตเนสที่หลานใช้เป็นสถานที่ผูกคอ ความเป็นจริงแล้วความสูงไม่ใช่ 2 ม. 30 ซม. แต่เป็น 1 ม. 85 ซม. ซึ่งหลานชายสูง 175 ซม. และจะมีโซ่ที่ใช้ผูกคอห้อยลงมา ซึ่งจากคำให้การของแฟนหลาน ให้การว่า หลานชายใช้โซ่แขวนคอ ระดับโซ่ก็น่าจะอยู่ประมาณราวนมของหลาน หัวเขาก็น่าจะถึงพื้น (ต้องพับขา) เพราะบาร์โหนมีความสูงกว่าส่วนสูงหลานเล็กน้อย อีกทั้งคำให้การบอกว่า มีการเชยคางหลานขึ้นเพื่อให้หลุดออกจากโซ่ จึงร่วงลงมาหัวฟาดพื้น เกิดบาดแผลบริเวณศีรษะ

อีกทั้งขณะที่ตนทราบว่าหลานเสียชีวิต ตนก็เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ และพบศพหลาน ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางเข้าไปตรวจสอบ พบว่าสภาพศพหลาน ตัวตรง แขนตรง ไม่มีสภาพแบบ หงิกเกร็ง แต่ตนไปได้ภาพสภาพศพหลานมาภาพหนึ่ง ซึ่งภาพที่เห็นหลานอยู่ในสภาพศพ ขาด้านซ้ายพับอยู่ข้างหนึ่ง ซึ่งคำให้การของแฟนสาวที่ให้ผ่านตำรวจและสื่อมวลชน ไม่ตรงกับภาพที่ตนเห็น ตนจึงเกิดความสงสัย

กรณีที่ 2 ขณะที่ตนไปพบศพ ญาติก็สามารถแตะต้องศพได้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะต้องกันบุคคลไว้ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพิสูจน์หลักบานมาตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อน แต่กลับไม่มี เมื่อตนไปถึงตนก็ยังสามารถกอดศพหลานได้ 

กรณีที่ 3 ก่อนที่หลานจะบวชในวันที่ 24 มิ.ย.63 หลานได้เดินทางมาหาครอบครัวที่บ้าน จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ตนเห็นว่าหลานได้ดูกล้องวงจรปิดผ่านทางโทรศัพท์ ในภาพกล้อง เป็นภาพที่จับมุมภาพภายในบ้าน จะเห็นมุมฟิตเนสด้วย เพราะจุดประสงค์ต้องการดูหมาที่บ้าน ราคาตัวเป็นแสน และจะมาบวช เลยติดกล้องภายในบ้านเพื่อความปลอดภัย เท่าที่รู้มีกล้องจำนวน 5 ตัว บนห้องนอน 1 ตัว ในบ้าน 1 ตัว รอบบ้าน 3 ตัว ซึ่งตนก็เคยเห็นขณะที่หลานเปิด แต่พอเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบขอดูกล้องวงจรปิด กลับพบมีเพียง 3 ตัว จึงทำให้ตนเกิดความสงสัย

กรณีที่ 4 คลิปที่เห็นว่าครอบครัวถกเถียงกับนายต้น ขณะนั้นนายต้นเดินทางมารวมงานศพ และได้โวยวายกับทางครอบครัวว่า "ใครจะไม่เผาศพน้องกู" ก่อนจะมีการถกเถียงกันตามคลิปที่ปรากฎ โดยให้เหตุผลว่า สงสารหลานอยากให้หลานไปสวรรค์ ไปสู่ภพภูมิที่ดี ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการมองของแต่ละมุม แต่ตนก็มีความคิดสงสัยว่า นายต้นอาจจะพูดคุยกับทางแฟนสาวของหลานมาก่อนหน้านี้หรือไม่ จึงแสดงพฤติกรรมดังกล่าว

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลข้างต้นที่กล่าวไป ตนก็มีสิทธิ์สงสัยในฐานะคนในครอบครัวเท่านั้น ไม่ได้จะไปกล่าวหาว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด ฉะนั้นก็ยังคงต้องรอผลพิสูจน์จากนิติเวชอีกครั้งว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มีความเป็นมาอย่างไร

น้าสาวผู้เสียชีวิต ยังเล่าต่อว่า ส่วนตัวไม่รู้ว่าหลานจะมีอาการเป็นโรคซึมเศร้า จนถึงขั้นจะผูกคอเสียชีวิต อีกทั้งคลิปหลานที่มีอาการเหม่อลอย ก็ไม่ได้เป็นคลิปก่อนที่จะเสียชีวิต แต่เป็นคลิปที่แฟนหลานถ่ายไว้นานแล้ว ซึ่งตนก็เคยเห็นแล้วก่อนวันที่หลานจะบวช อาการแบบนั้นตนคิดว่า น่าจะไม่ได้เป็นเพราะโรคซึมเศร้า แต่น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์สารเสพติดมากกว่า

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุภายในซอยพหลโยธิน 48 พบกับ น.ส.ชรินทร์ทิพย์ กาญชนะวิโรจน์ แฟนผู้เสียชีวิต ได้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดทำบุญให้กับผู้เสียชีวิต ครบรอบ 7 วันของการจากไป หลังสวดเสร็จช่วงนิมนต์พระกลับวัด ครอบครัวผู้ตายได้นำกุญแจรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สตาร์ตเครื่องยนต์ เพื่อส่งให้กับผู้ตาย

ทีมข่าวสอบถาม น.ส.ชรินทร์ทิพย์ กาญชนะวิโรจน์ แฟนผู้เสียชีวิต เล่าย้อนกลับไปในวันเกิดเหตุ ระบุว่า ช่วงเวลา 16.30 น. ตนกลับมาถึงบ้านเรียกนายชีวาส ที่หน้าบ้านครู่หนึ่ง ซึ่งแปลก ๆ เพราะปกตินายชีวาสจะมาเปิดประตู แต่ปรากฎว่าตนรออยู่ 2-3 นาที นายชีวาสไม่มาเปิดให้ ตนจึงเดินไปที่ประตูข้างบ้าน เนื่องจากตนจำได้ว่าหน้าต่างข้างบ้านตนไม่ได้ล็อก 

เมื่อเปิดหน้าต่าง ซึ่งจะติดลูกกรง ตนเห็นสุนัขที่เลี้ยงไว้นอนอยู่ ตนจึงร้องเรียกให้ไปเรียกนายชีวาส ซึ่งตนเข้าใจว่าคงนอนอยู่บนบ้าน กระทั่งตนนึงได้ว่าตนมีกุญแจเข้าข้างบ้าน เก็บไว้ในรถจึงไปหากุญแจและไขเข้าไป ตอนแรกตนยังไม่เห็นนายชีวาส จนเปิดม่านออกพบว่านายชีวาสผูกคอกับเครื่องออกกำลังกายแล้ว 

น.ส.ชรินทร์ทิพย์ ทำท่าทางของนายชีวาสในวันที่มาพบศพให้ดู ลักษณะคือห้อยขาแตะพื้น ปากเริ่มเขียว สีหน้ายังปกติ ด้วยความห่วงตนจึงใช้มือดันคางของนายชีวาส เพื่อปิดปาก ซึ่งเป็นจังหวะที่ทำให้ตัวของนายชีวาสร่วงลงพื้น ซึ่งตอนนั้นตนได้ยินเสียงกระแทกของศีรษะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ตนพยายามช่วยปั๊มหัวใจ คิดเพียงว่าจะพยายามช่วยชีวิตคนที่ตนรัก ตอนนั้นยังทำใจไม่ได้ ตนทำอะไรไม่ถูก ได้โทรศัพท์หานายต้น พี่ชายของนายชีวาส

นางชรินทร์ทิพย์ อธิบายทั้งน้ำตาว่า เมื่อตนโทรหานายต้นบอกให้ตนแจ้งกู้ภัย แต่ด้วยตอนนั้นตนทำอะไรไม่ถูก หากคนจะมองตนว่าตนทำไมต้องแตะต้องศพ ตนอยากให้มองว่า คนที่เรารักผูกคอต้องเข้าไปช่วย ตนคิดว่านายชีวาสเพิ่งผูกคอตัวยังอุ่น ๆ คิดว่ายังพอช่วยได้จึงรีบเข้าช่วยดังกล่าว

หลังจากนายชีวาส ร่วงกระแทกพื้น ประมาณ 10 นาที พบว่าที่ศีรษะเลือดเริ่มไหลออกมา ตนได้แต่กอดศพอยู่แบบนั้น เพราะมันคือเวลาสุดท้ายที่จะได้กอดคนรัก เพราะนายชีวาสมาอยู่กับตน 6 ปี ซึ่งหากวันนี้ตนไม่มีนายชีวาส ตนจะอยู่อย่างไร 

ส่วนเรื่องคลิปนั่งเหม่อ จริง ๆ แล้วนายชีวาส มีอาการมา 2-3 รอบ ก่อนที่ตนจะถ่ายคลิปวิดีโอ โดยเป็นช่วงก่อนบวช นายชีวาสมีอาการนั่งเหม่อ บางครั้งพูดคนเดียว บอกว่ามีคนมาคุยข้าง ๆ หู หากไม่บวชจะตาย ทำให้ตอนนั้นนายชีวาสตัดสินใจบวช แต่หลังบวชมาก็ไม่ดีขึ้นจนต้องไปรักษาตัวที่ รพ.ศรีธัญญา ทั้งนี้นายชีวาส ยังมีอาการบ่นจะฆ่าตัวตาย ตนและพี่ชายชีวาสต้องผลัดกันมาเฝ้า ซึ่งนายชีวาสก็เคยพูดว่า เหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ

นายชีวาสเป็นคนที่ห่วงหน้าตา หากทักว่าผอมจะเกิดความไม่มั่นใจ เป็นห่วงงาน ปัญหาที่เกิดขึ้นตนคิดว่าเกิดจากปัญหาหลายอย่าง แต่ที่ทำให้ถึงขั้นนี้อาจจะเป็นเพราะที่นายชีวาสไม่ได้ไปทำงาน ถูกเชิญออกจากไลน์กลุ่มของสถานบันเทิงที่เขาเป็นนายแบบ ตนพยายามปลอบใจว่าให้กลับไปได้ แต่ตัวเขาก็ยังดูเครียด กระทั่งไม่นอน ไม่กินข้าว เดินมาหาตนบอกว่า "หากฆ่าตัวตาย จะบาปไหม" ตนก็บอกว่าบาป แต่นายชีวาสไม่ฟังอะไรแล้ว อยากฆ่าตัวตาย ยังถามตนต่อว่า ตนจะอยู่ได้หรือไม่ หากนายชีวาสฆ่าตัวตาย ตนก็พยายามพูดปลอบใจแฟนหนุ่ม 

นางชรินทร์ทิพย์ ระบุอีกว่า ช่วงวันที่ 6 ธ.ค.63 นายชีวาสมีพฤติกรรมที่แปลก ๆ คือเข้ามาขอถ่ายรูปคู่กับตน ตอนนั้นตนไม่ได้อาบน้ำก็ไม่อยากถ่าย แต่แฟนหนุ่มขอให้ตนถ่าย ซึ่งถือเป็นรูปถ่ายสุดท้ายที่ถ่ายคู่กัน ปกติตนกับนายชีวาส ไม่ค่อยถ่ายรูปคู่กัน เพราะตนก็เข้าใจว่านายชีวาสทำงานรับลูกค้า ตนกลัวจะมีผลกระทบ แต่นายชีวาส บอกว่าไม่มีปัญหา

นอกจากนี้ นางชรินทร์ทิพย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเคยทักไปปรึกษาหมอปลา ตั้งแต่เดือน ก.ค.63 ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้พาไปรักษา เพราะนายชีวาสไม่ยอมไป