ยายวัย 93 โอดต่อบัตรพิการไม่ได้แม้ใช้มา 8 ปี หลังหมอชี้อาการทางสายตาเป็นเพราะชราไม่ใช่พิการ ระบุมีเบี้ยคนพิการเป็นรายได้หลัก ล่าสุดเทศบาลเรียกเงินคืนแต่ใช้ไปหมดแล้ว หวั่นผิด กม.
วันที่ 18 ธ.ค. 63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหนองพลวงหมู่ 10 ต.โกรกแก้ว อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ว่า ยายวัย 93 ปีถูกตัดสิทธิ์คนพิการทั้งที่เคยมีบัตรคนพิการมานานกว่า 8 ปี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบน.ส.เพ็ชร คิดถูก อายุ 93 ปี อาศัยอยู่กับครอบครัวของหลานในสภาพเคลื่อนไหวช้าสายตาพร่ามัวไม่สามารถเดินด้วยตนเองได้
ยายเพ็ชร เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวถึงกับยกมือไหว้ขอความช่วยเหลือเพราะอยากได้บัตรคนพิการคืน เนื่องจากเบี้ยคนพิการเป็นรายได้หลักในการใช้ชีวิต หลังจากแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแจ้งว่าไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์เพื่อไปต่อบัตรคนพิการให้ได้
ยายเพ็ชรกล่าวว่า ตนกับสามีไม่มีลูก หลังจากสามีเสียไปแล้วได้มาอาศัยอยู่กับครอบครัวหลาน อาศัยเบี้ยคนชรามาใช้จ่ายส่วนตัวและเมื่อปี 2555 ตัวเองสายตาพร่ามัวจึงไปตรวจอาการ หมอระบุให้เป็นคนพิการจึงได้บัตรคนพิการตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เงินที่มารวมกับเบี้ยคนชราปัจจุบันได้ประมาณ 1,800 บาทต่อเดือน ใช้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้หลานที่ช่วยดูแลตนเอง
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา บัตรคนพิการหมดอายุ หลานและเพื่อนบ้านจึงได้พาตนไปตรวจร่างกายตามระเบียบของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) จนกระทั่งมาทราบว่าไม่สามารถออกบัตรคนพิการได้ เนื่องจากแพทย์ไม่ระบุว่าเป็นความพิการ
ด้านนายแสวง สัตย์รัมย์ อายุ 50 ปี ผู้พิการทางเคลื่อนไหวและเป็นผู้เดินเรื่องให้กับยายเพ็ชร เล่าว่า เมื่อทราบเรื่องว่าบัตรคนพิการยายหมดอายุจึงเดินเรื่องให้ตามขั้นตอน โดยพายายไปพบเจ้าหน้าที่พม.เพื่อขอต่ออายุบัตรคนพิการ โดยเจ้าหน้าที่พม.แจ้งว่าให้ไปตรวจร่างกายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่โรงพยาบาลเพื่อเอาใบรับรองแพทย์มาต่อบัตรคนพิการตามขั้นตอน จึงพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลโนนสุวรรณ แต่โรงพยาบาลโนนสุวรรณไม่มีเครื่องมือในการตรวจวัดสายตาได้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลให้ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลอื่น
ตนจึงพาไปจุดที่โรงพยาบาลนางรอง จ.บุรีรัมย์ ปรากฎว่า แพทย์ได้ชี้ว่าสายตาของยายที่พร่ามัวเกิดจากการชราภาพเป็นไปตามอายุไข ไม่สามารถรับรองให้เป็นคนพิการได้ ส่วนตัวก็งงเพราะยายพิการสายตามาตั้งแต่การตรวจพบครั้งแรกเมื่อปี 2555 หรือ 8 ปีที่ผ่านมา แทนที่จะรับรองให้ยายหรือเปลี่ยนให้เป็นการพิการในด้านอื่นแทนเช่น การเคลื่อนไหว เพราะยายไปไหนด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว
ทั้งนี้อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือคืนสิทธิให้ยายได้บัตรคนพิการเหมือนเดิม โดยเฉพาะขณะนี้เทศบาลโนนสุวรรณได้เรียกเบี้ยคนพิการที่โอนเข้าบัญชียายไปแล้วคืน แต่ยายได้ใช้หมดแล้วทำให้เกิดความกังวลเกรงว่าจะมีความผิด