จากกรณี เมื่อเวลา 17.30 น. ของวันที่ 11 ธ.ค. 63 ร.ต.อ.อุดมเกียรติ มาแจ้งรอง สารวัตรสอบสวนสวน สภ.เมืองปทุมธานี รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย จนทำให้มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณซอยธรรมสุธีร์ 19 หมู่ 6 ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี หลังรับแจ้งได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู
โดยที่เกิดเหตุพบศพชาย 1คน โดยสภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว มีบาดแผลที่ศีรษะ หน้าบวมและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายบุญมา มาเพ็ชร อายุ 50 ปี ชาวตำบลบึงเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พบเหล็กแป๊บทรงกลมยาว 2 เมตร เปื้อนเลือดตกอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พบชายอีกรายคลั่งถือไม้ยาวเกือบ 2 เมตร เดินวนไปวนมา เจ้าหน้าที่ได้พยายามเกลี่ยกล่อมให้วางไม้ลง เนื่องจากคาดว่าชายดังกล่าวเป็นผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อต่อมา คือนายดอน มาเพ็ชร อายุ 34 ปี โดยผู้ก่อเหตุเป็นลูกของผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่นำศพส่งชันสูตร พร้อมควบคุมตัวลูกชายส่งตรวจอาการทางจิต ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ แคมป์คนงานก่อสร้าง ซอยธรรมสุธีร์ 19 หมู่ 6 ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี นางสาวดาว ยุทธเจริญ อายุ 61 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า นายบุญมา ผู้เสียชีวิต และนายดอน ผู้ก่อเหตุ อาศัยอยู่ในแคมป์คนงานได้ประมาณ 4 วัน
ซึ่งวานนี้เพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต เล่าให้ตนฟังว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้นั่งเชื่อมประตู ลูกชายก็คว้าท่อนเหล็กแป๊บฟาดศีรษะอย่างแรง จากนั้นจึงได้วิ่งหนีกระเจิงออกมา ขณะเดียวกันผู้เสียชีวิตได้วิ่งหนีมายังบริเวณพื้นผิวถนน ผู้ก่อเหตุจึงได้วิ่งตาม ก่อนผู้เสียชีวิตจะล้มลง ผู้ก่อเหตุใช้เหล็กแป๊บฟาดไปที่ใบหน้ากระทั่งเสียชีวิต ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยมาถึงพยายามเกลี่ยกล่อม พร้อมกับเข้าจับกุม ผู้ก่อเหตุพูดจาไม่รู้เรื่อง บอกเพียงว่าไม่รู้จักกับผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ตนคาดว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุน่าจะดื่มสุราประกอบกับมีอาการทางประสาท จึงได้คุ้มคลั่งฆ่าพ่อตัวเอง
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองปทุมธานี พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา ก่อนจะนำตัวไปทำแผนที่เกิดเหตุ
ขณะที่ตำรวจจะนำตัวไปนั้น นายดอน ผู้ต้องหา กล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจฆ่าผู้เสียชีวิต เนื่องจากเขามาแอบกดเงินในบัตรเอทีเอ็มไป 18,000 บาท ตอนนี้ตนไม่มีเงินที่จะกินข้าว และยังกดดันขณะที่ทำงานเขาใช้งานเยอะ
ตนยอมรับว่าเคยทานยาเกี่ยวกับโรคประสาท นอกจากนี้ในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้ดื่มสุรา ยืนยันว่าตนไม่ใช่ลูกของผู้เสียชีวิต ตนแค่เป็นเพื่อนร่วมงานกับผู้เสียชีวิต ที่รู้จักกันมานานกว่า 8-9 ปี อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ก่อเหตุแล้วตนไม่รู้สึกเสียใจ
จากนั้น เจ้าหน้าที่พาตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดแต่ละจุดที่ก่อเหตุ จุดแรกเป็นห้องพักของผู้ต้องหา ก่อนจะเดินไปหยิบเหล็กแป๊บบริเวณตรงกันข้ามเยี่ยงหน้าห้องพัก พร้อมกับนำไปฟาดศีรษะผู้เสียชีวิตที่นั่งเชื่อมเหล็กอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า-ออกแคมป์ และจุดที่ผู้เสียชีวิตวิ่งหนี ไปจนถึงจุดที่ล้มและเสียชีวิต
พ.ต.ท.ขจร ฉัตรแก้วมณี รองผกก.สอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ปมเหตุที่ผู้ต้องหาฆ่าผู้เสียหาย เนื่องจากเรื่องเงินที่ผู้ก่อเหตุได้ยืมไป และอึดอัดจากจากถูกกดขี่ข่มเหง ซึ่งวานนี้เห็นผู้เสียชีวิตนั่งเชื่อมเหล็กอยู่บริเวณหน้าบ้านจึงหาอุปกรณ์ไล่ตี นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาสัญชาติเขมร ที่ลักลอบเข้ามาทางจังหวัดสระแก้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบว่าผู้ต้องหาเคยต้องคดีอะไรมาบ้าง และได้ตรวจสารเสพติดแล้วไม่พบ
เบื้องต้น ตั้งข้อกล่าวหา 2 ข้อกล่าวหา คือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะนำตัวไปฝากขังทีศาลจังหวัดปทุมธานีต่อไป
นางสาวนวลละออ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเป็นตัวแทนของครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางมารับศพ เพราะเนื่องจากตนอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนญาติของผู้เสียชีวิตอยู่ที่ จ.ชลบุรี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนยังไม่ทราบรายละเอียด ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาปฏิเสธบอกว่าผู้เสียชีวิตนั้นไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่ความจริง ยืนยันว่าผู้ต้องหาเป็นลูกแท้ ๆ ของผู้เสียชีวิต แต่ไม่มีเอกสารยืนยัน อาจจะไม่ได้ไปแจ้งเกิด ประกอบกับแม่ของผู้ต้องหาเป็นชาวด่างด้าว ตนคิดว่าสาเหตุที่ผู้ต้องหาปฏิเสธ เนื่องจากมีอาการทางประสาท เมื่อสนิทกับใครก็คิดว่าคนนั้นเป็นพ่อ ซึ่งผู้ต้องหามาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯกับผู้เสียชีวิตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
โดยก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาเคยใช้สารเสพติดจนเป็นประสาท เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้นำตัวไปบำบัดรักษาที่ จ.บุรีรัมย์ อาการดีขึ้นได้มาอยู่บ้าน แต่มีนิสัยรุนแรงทำร้ายร่างกายญาติ จึงถูกส่งตัวมาอยู่กับผู้เสียชีวิต และเมื่อต้นเดือนผู้ก่อเหตุเริ่มมีอาการอีกครั้ง โดยไม่ให้ผู้เสียชีวิตเข้าใกล้ และได้ถีบผู้เป็นพ่อ
สำหรับลักษณะนิสัยนั้น ผู้เสียชีวิตเป็นคนรักลูกมาก ดูแลลูกชายตั้งแต่เล็ก เพราะได้แยกทางกับภรรยาตั้งแต่ผู้ก่อเหตุยังเล็ก ลักษณะนิสัยของผู้ก่อเหตุนั้นหากไม่ดื่มสุราก็จะเป็นคนดี ตนมองว่าพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุไม่เหมาะสม พยายามทำความเข้าใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะผู้ต้องหาสติไม่ดี ตนขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
