กรณีร.ต.ท.เตมีย์ นาคะวิสุทธิ์ รองสว.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชน มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดที่บริเวณหน้าสวนเบญจกิติ ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯ จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์ รพ.จุฬาลงกรณ์ และอาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าแยกอโศก บริเวณหน้าทางเข้าสวนเบญจกิติ พบน.ส.ปาริฉัตร กีนะพันธ์ อายุ 32 ปี แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่รถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีแดง ทะเบียน 3 กท 6632 กทม. ได้ชนท้ายรถ SUV ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีน้ำตาล ทะเบียน ฆก 2895 กทม.
โดยมีนายวิโรจน์จันทร์ทอง เป็นผู้ขับขี่ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่มีลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บหน้าอกกระแทกคอนโซน ส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาล BNH ส่วนสภาพรถที่เสียหาย ท้ายรถมีรอยเฉี่ยวชน
นอกจากนี้ขณะที่เกิดเหตุยังพบว่าน.ส.ปาริฉัตร ผู้ก่อเหตุ ยังได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน และรถเก๋ง 1 คัน เริ่มจากเฉี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิก สีดำ ทะเบียน 2 กข 7991 ชลบุรี โดยมีนายสาคร คงเจริญ อายุ 42 ปี เป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุทำให้เสียชีวิตคาที่ โดยนายสาคร ถูกชนท้าย ก่อนที่ร่างจะติดกระจกรถเก๋งยาริส และกระเด็นไปนอนแน่นิ่งที่ใกล้กับรถ 10 ล้อ ส่วนสภาพรถพังยับ
ต่อมาได้มาน.ส.ปาริฉัตร เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีแดง ทะเบียน 5 กจ 3074 กทม. โดยมีนายธีระพงษ์ ศรีบุญ อายุ 29 ปี ซึ่งมีอาชีพแกร็บฟู้ด เป็นเป็นเจ้าของ ทำให้นายธีระพงษ์เสียชีวิตคาที่เช่นกัน โดยขณะนั้นกำลังยืนพูดคุยกับเพื่อน เพื่อรอรับออร์เดอร์จากลูกค้า ก่อนที่รถยาริสจะเข้ามาพุ่งชน ส่วนสภาพรถพังยับ
จากนั้นได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า มีโอ ทะเบียน ฬคว 332 กทม. โดยมีนายอนุสรณ์ รอกระโทก อายุ 25 ปี เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของนายธีรพงษ์ ผู้เสียชีวิต ทำให้ได้รับบาดเจ็บแผ่นหลัง ถูกนำส่ง รพ.คามิลเลียน ส่วนสภาพรถพังยับ
และรถเก๋งนิสสันเทียน่า สีขาว ทะเบียน ฎง 2399 กทม. โดยมีนายมานิตย์ อนันต์ทรงกิจ เป็นผู้ขับขี่ ไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนสภาพรถ ถูกเฉี่ยวชนบริเวณท้ายรถเพียงเล็กน้อย
ล่าสุดวันที่ 11 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยัง สน.ทองหล่อ น.ส.ปาริฉัตร กีนะพันธ์ อายุ 32 ปี พร้อมกับครอบครัว ได้เดินทางมาพบเจ้าพนักงาน ในระหว่างที่ตำรวจนำตัว น.ส.ปาริฉัตร ผู้ที่ขับรถคันเกิดเหตุ เพื่อไปตรวจเลือด เปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า ฝากขอโทษญาติคนเจ็บและเสียชีวิตว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันไม่มีเจตนา ซึ่งตอนเกิดเหตุตนมีอาการวูบ ไม่ได้กินยาอะไร
ขณะเดียวกันแม่ของ น.ส.ปาริฉัตร กล่าวว่า ลูกสาวมีอาการตัวชาแล้วก็วูบ เนื่องจากมีประจำเดือน ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งทางครอบครัวก็ยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็ยังติดต่อผู้เสียหายอยู่ตลอด หลังจากนี้ก็จะไปเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล
พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสอบสวน สน.ทองหล่อ ระบุว่า จากการสอบปากคำ น.ส.ปาริฉัตร เจ้าตัวมีอาการปกติ โดยเจ้าตัวระบุว่าเหตุเกิดในจังหวะกำลังยูเทิร์นกลับรถหน้าสวนเบญจกิติ ถนนรัชดาภิเษก แล้วเกิดอาการอ่อนเพลียและวูบ เนื่องจากปวดประจำเดือน ซึ่งเมื่อวานนี้ตอนตรวจอาการเบื้องต้น ไม่พบสารเสพติดและแอลกอฮอล์
จากนี้ตำรวจจะพาตัวไปตรวจเลือดอย่างละเอียดที่ รพ.ตำรวจ เพื่อนำรายละเอียดมาประกอบสำนวนอีกครั้ง หากพบว่ามีสารอะไรก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนการชดใช้ค่าเสียหาย คนขับมีประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 วงเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมค่าเสียหายทั้งหมด
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ ทางญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนได้เดินทางเข้ามาขอรับศพ เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยศพของนายสาคร ทางญาติจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าสุธัมมาราม จ.กาญจนบุรี ญาติไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากต้องรีบนำศพกลับ จ.กาญจนบุรี
ส่วนศพของนายธีระพงษ์ ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลที่ วัดหัวลำโพง ศาลา 9 ส่วนบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังวัดหัวลำโพง ศาลา 9 ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพของนายธีระพงษ์ โดยญาติในการที่โศกเศร้าและยังวุ่นในเรื่องของการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ
น.ส.นฤชล โพธิ์แสงดา อายุ 31 ปี ภรรยาของนายธีระพงษ์ ผู้เสียชีวิต เล่าว่า หลังจากที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้โทรศัพท์มาบอก จึงรีบไปที่เกิดเหตุ เพราะที่เกิดเหตุนั้นอยู่ตรงบริเวณตรงข้ามบ้าน พอไปถึงพบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้นำร่างของสามีขึ้นไปอยู่บนรถแล้ว สภาพจิตใจตอนนั้นหัวใจสลายพูดไม่ออก โดยสามีของตนได้ทำงานแกร็บฟู้ดมา 2 เดือนแล้ว ซึ่งจะไปรอรับออเดอร์ตรงบริเวณจุดเกิดเหตุประจำทุกวัน
หลังจากเกิดเหตุตนได้พูดคุยกับผู้ต้องหา ซึ่งเขาอ้างว่า ขณะนั้นเข้าโค้ง จากนั้นได้หมดสติ ขณะที่ขับรถนั้นขับด้วยความเร็วที่ไม่แรง ซึ่งตนคิดว่า หากขับรถไม่เร็วจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่ได้ดูคลิปกล้องหน้ารถของผู้ต้องหา เพราะเนื่องจากยังทำใจไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าผู้ต้องหาควรที่จะดูแลตัวเอง หากขับรถไม่ไหวก็ควรจะหยุดพัก
ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยานั้น ทางผู้ต้องหาบอกเพียงว่า จะช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ขณะนี้ในหัวของตนมีคำถามอยู่มากมาย แต่หากเจอผู้ต้องหาอีกครั้ง ก็คงไม่ถามอะไร เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว แต่เรื่องของคดีความนั้นก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย
สำหรับลักษณะนิสัยใจคอของสามีตนนั้น เป็นคนรักครอบครัว อัธยาศัยดี ด้านเรื่องลางสังหรณ์สำหรับตนไม่มี แต่แม่ของตนเพิ่งมาบอกว่าฝันว่าฟันหลุด แต่ไม่ได้มาเล่าให้ตนฟัง มาเล่าหลังจากที่เกิดเหตุแล้ว ทั้งนี้หลังจากเกิดเรื่องตนยังไม่ได้วางแผนชีวิต ที่ผ่านมาสามีถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว
