'ขวัญ' รัวหมดแม็กปมเงินหาย โวยแบงค์ดัง 'ถ้าผิดพลาดก็ขอโทษ ไม่ใช่สร้างหลักฐานโยนผิดให้ลูกค้า'

11 เม.ย. 61
"แม่แอ๊ว ปราณี" ถึงกับหน้ามืดหลังพบว่าเงิน 1.2 ล้านบาท หายวาบไปจากบัญชีดื้อๆ ร้อนถึงลูกสาว "ขวัญ อุษามณี" เลยรีบพาคุณแม่ขึ้นโรงพัก แจ้งความกับคุณตำรวจแบบด่วนจี๋ ซึ่งทางฝั่งเจ้าหน้าที่ของธนาคารดังก็ได้ร่อนจดหมายชี้แจง ระบุเงินที่ถูกตัดออกไปนั้น เป็นการตัดชำระรายการใช้บัตรเครดิต ซึ่งทางเจ้าของบัตรได้มีการทำข้อตกลงกับร้านค้าและธนาคารไว้ว่าให้มีการหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ได้ เอาล่ะสิ งานนี้ไม่ใครก็ใครต้องเป็นฝ่ายโป๊ะแน่ๆ แถมกรณีจู่ๆ เงินหายไปจากบัญชียังสร้างความวิตกให้กับหลายๆ คนอีกด้วย ล่าสุด "ขวัญ" ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ลั่น! อย่าโยนความผิดให้ลูกค้า ยันไม่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตตามที่ฝั่งคู่กรณีกล่าวอ้างและขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ธนาคารร่อนเอกสารชี้แจงแล้ว? "ไม่ใช่นะคะ ขวัญว่าอาจจะเกิดการเข้าใจผิดกัน ระหว่างคนที่ให้ข่าวของธนาคารนี้ เพราะจริงๆ เราไปทำเรื่องทักท้วงและได้เงินกลับคืนมาแล้ว จำนวน 6 แสนบาท ซึ่งเป็นสามหรือหกเดือนหลัง แต่เงินของคุณแม่ที่หายไปเป็นจำนวนล้านสอง เราก็ทักท้วงไปตลอด ที่สาขาบริเวณใกล้บ้าน แต่พอถึงสำนักงานใหญ่ เขาบอกว่าเวลาที่เราทักทวงไปเกิน 120 วัน เขาไม่สามารถเอาเงินมาคืนให้เราได้ แต่ว่าเอาเงินมาคืนได้ในแค่พาร์ทหลัง ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 120 วัน เงิน 6 แสนบาท คุณแม่ได้มาแล้ว แต่เราก็อยากได้ความเป็นธรรม ที่เราเป็นประชาชนเราก็อยากจะหาที่เก็บเงินที่ปลอดภัย ถ้าเป็นการใช้จ่ายจริงเรายอมรับได้ แต่มันมาจากการใช้จ่ายไม่จริง เราก็อยากจะเรียกร้องสิทธิ์ตรงนี้ แล้วมันเกิน 120 วันได้ยังไงในเมื่อเราเรียกร้องมาตลอด" มันเกิดจากการใช้จ่ายจริงไหม? "ไม่จริงค่ะ แล้วธนาคารก็ยังไม่สามารถให้คำตอบเราได้ ถ้าขวัญใช้จ่ายจริง ขวัญว่าทางธนาคารก็ต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบแล้ว เขาถึงได้คืนเงินจำนวนแรกมาให้ขวัญ แต่ในเมื่อคุณรับผิดชอบแล้ว คุณก็จะต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด ไม่ใช่มาบอกลูกค้าว่าเกินเวลาทักท้วง 120 วัน เราเป็นลูกค้า เราอยากได้องค์กรที่ดูแลเงินเราอย่างปลอดภัย ถึงเงินจะสูญเสียไปแล้วคุณก็จะต้องหาเงินมาชดใช้เราให้ได้" เห็นเขาบอกว่าหักจากบัตรเครดิตที่เราใช้จ่ายจริง?ไม่ใช่ค่ะ คืออันนี้มีหลักฐานที่เราทักท้วงไป แล้วก็อยู่ในขั้นตอนของศาลเรียบร้อยแล้วด้วย มันเป็นการผลักภาระไปให้คนอื่น แล้วก็ผลักความรับผิดชอบไป คือเขาตรวจสอบอย่างดีแล้วค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะไม่คืนเงินก้อนแรกมาให้แม่ขวัญ ส่วนเงินก้อนหลังเหตุผลที่เขายังไม่คืนให้ เขาบอกว่ามันเกินระยะเวลา120 วัน มันไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะบอกแบบนี้ มันเป็นลักษณะที่ผิด” จะมีการเข้าไปเคลียร์อีกรอบไหม “ไม่คุยแล้วค่ะ ตอนนั้นที่ขวัญกลับมาจากต่างประเทศ เขาเรียกขวัญเข้าไปแล้ว ขวัญยังมีคลิปอัดไว้อยู่เลยค่ะ คือเขาเรียกเราเข้าไปบอกถึงวิธีการทำงานการจ่ายเงิน คือเราทราบ แต่ที่ไปเราต้องการข้อมูลเขา ซึ่งบางทีเราบอกว่ารหัสอันนี้มันเป็นตัวเลขมาจากไหน เขายังไม่สามารถให้คำตอบเราได้เลย ซึ่งถ้าเรียกเราเข้าไปในฐานะลูกค้า คุณควรจะต้องมีคำตอบให้เรามาหมดแล้ว คือคุณแม่ทำเรื่องทักท้วงไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ขวัญไม่ได้ท้าให้เช็ค แต่เราทำไปตามขั้นตอน แต่สาขาย่อยกับสำนักงานใหญ่คุณประสานงานกันดีหรือยัง หรือคุณโยนความผิดมาให้ลูกค้า ขวัญเป็นบุคคลสาธารณะ มันไม่คุ้มกัน” เขาได้ชี้แจงไหมว่าเงินจำนวนล้านสองมันหายไปไหน? “อันนี้เขาคุยกับคุณแม่ค่ะ ขวัญทราบแค่ว่ามันมียอดเงินโอนมาให้ 6 แสนบาท” โอกาสจะได้เงินคืนมีไหม? “เขาก็ดึงไปเรื่อยๆ ค่ะ เราก็ดำเนินการตามกฎหมาย คุณแม่ก็ให้ทนายจัดการให้ อยู่ในขั้นตอนการฟ้องศาล ต้องถามคุณแม่ค่ะ แต่มีอะไรให้ถามทนายดีกว่าค่ะ ก็ทำทุกอย่างให้มันถูกต้องค่ะ” รู้สึกยังไงบ้างที่เงินหายไป? “ก็ไม่ว่ายังไงค่ะ ทุกอย่างให้เป็นไปตามนั้นแล้วกันค่ะ สมมติว่าถ้ามีการผิดพลาดจริงๆ ก็ขอโทษหรือใช้เหตุผลอย่างอื่นดีกว่าไหม ดีกว่าสร้างหลักฐานแล้วโยนความผิดมาให้คนอื่น ขวัญว่ามันไม่แฟร์” หลังจากที่เขาร่อนจดหมายนี้ผ่านสื่อ ขวัญได้ติดต่อกลับไปไหม? “เขาก็คุยกับคุณแม่ค่ะ เขาบอกว่าก็ต้องปกป้องตัวองค์กรของเขา เราก็เข้าใจว่าทุกคนต้องปกป้อง แต่อยากให้เป็นไปในลักษณะที่ถูกต้อง เพราะคุณคือองค์กรใหญ่ ขวัญเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าเกิดขวัญผิดจริง ขวัญไม่ออกมาเรียกร้องอยู่ตรงนี้หรอก ขวัญว่าเขาเป็นองค์กรที่น่าจะมีความสามารถเพียงพอที่จะดูแลเงินจำนวนนี้” คิดว่าจะได้คืนไหมเงินก้อนนี้ 6 แสนบาท? “ขวัญคิดว่าไม่ได้คืนหรอกค่ะ เพราะว่าถ้าเขาคืนได้ คงไม่ออกมาทำร้ายตัวเองแบบนี้ และไม่ใช้เหตุผลแบบมัดมือชก” ยืนยันใช่ไหมว่าเงินที่หายไปไม่ได้มาจากการใช้ของเราแน่นอน?คุณแม่ไม่ได้ใช้เงินขนาดนั้นหรอกค่ะ คือเราใช้จากการไปร่วมกับเฟซบุ๊กธุรกิจเรา พอตอนนั้นระยะเวลามันปิดแล้ว แต่ทำไมเงินมันออกไปเรื่อยๆ มันไม่มีจุดหมายปลายทาง พอเราถามก็มีคำตอบให้เราไม่ได้ คือขวัญไม่ต้องการรับรู้อะไรแล้ว เราเป็นลูกค้า ต้องการอย่างเดียวคือต้องการเงินคืน เรื่องกระบวนการคุณไปหาคำตอบเอาเอง ไม่ใช่หน้าที่ของขวัญ” จะเป็นการโดนแฮคหรือเปล่า? “ขวัญไม่ทราบ มันไม่ใช่หน้าที่ของขวัญที่ต้องสืบหาข้อมูล หน้าที่ของขวัญคือขวัญต้องหาองค์กรที่ปลอดภัยและดูแลเงินขวัญได้ดีที่สุด”

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส