กรณีร.ต.อ.ธนภัทร กำลังแรง รองสาวัตรปราบปราม สน.บางเขน เข้าตรวจสอบเหตุชายอาละวาดอยู่บริเวณลานจอดรถของสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านสะพานใหม่ ถนนเทพารักษ์ เขตบางเขน จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถตู้สีขาว ทะเบียน 1 นก 8728 กรุงเทพฯ จอดอยู่ ซึ่งรถตู้ดังกล่าวเป็นรถพยาบาลของอาสาสมัครมูลนิธิชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสายไหม
บริเวณรอบตัวรถมีสิ่งของจำนวนมากวางกองอยู่กับพื้นลานจอดรถ ขณะเดียวกันทางกลุ่มการ์ดได้ควบคุมตัวชายรายหนึ่ง อายุประมาณ 20-25 ปี เอาไว้ได้ จึงได้ส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนนำตัวมาควบคุมสติอารมณ์ที่ สน.บางเขน
จากการสอบถามนายเอ (นามสมมติ) เพื่อนของคนที่ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ตนและเพื่อนได้ไปนั่งดื่มสุราย่านสายไหม จากนั้นจึงตัดสินใจขับรถเก๋งเพื่อที่จะมาดูคอนเสิร์ตตูน บอดี้สแลม ที่ร้านสถานบันเทิงดังกล่าว แต่เมื่อมาถึงกับเข้าไปดูคอนเสิร์ตไม่ได้ เนื่องจากบัตรเต็ม ตนจึงกับมานอนหลับที่รถ พอตื่นมาอีกทีเพื่อนก็ถูกควบคุมตัวเอาไว้แล้ว
ล่าสุดวันที่ 20 พ.ย.63 นายเอกรัฐ บุญจันทร์ เจ้าของรถพยาบาลอาสาสมัครกู้ภัยคันที่เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเข้ามาดูคอนเสิร์ตตั้งแต่เวลาประมาณ 22.00 น. จากนั้นเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ทางการ์ดได้โทรศัพท์เข้ามาบอกว่า รถพยาบาลของตนถูกรื้อค้น จึงรีบออกมาดูก็พบสิ่งของถูกขว้างปาได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้กระจกตู้เก็บของก็ถูกทุบจนแตก ส่วนของที่ได้รับความเสียพบว่ามี เครื่องปั๊มหัวใจ, เครื่องดูดเสมหะและเครื่องช่วยใจ ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดเอาไว้สำหรับช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับอุบัติเหตุ รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 70,000 บาท ซึ่งคาดว่าคนที่ก่อเหตุเข้าไปภายในรถจากทางประตูหลัง เนื่องจากรถพยาบาลของตน ประตูหลังเสียไม่สามารถปิดได้มา 2 วันแล้ว และกำลังจะเอาไปซ่อม แต่กลับมาเกิดเหตุเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม นายเอกรัฐ เจ้าของรถพยาบาล ยังกล่าวอีกว่า เมื่อมาดูรถถึงกับพูดไม่ออก เพราะรถคันนี้เพิ่งซื้อมาและตกแต่งทำเป็นรถพยาบาล เพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่น หลังจากนี้คงต้องหาซื้ออุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด
เบื้องต้นทางตำรวจได้นำตัวชายคนดังกล่าว ภายหลังภาพชื่อว่า นายพิชิต ผู้ก่อเหตุ เข้าห้องควบคุมขังเพื่อสงบสติอารมณ์ และเมื่อได้สติแล้วจะนำตัวมาสอบปากคำ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เมาสุราอาละวาด และทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายต่อไป
โดยเช้าวันนี้ผู้เสียหายที่ถูกนายพิชิต ทุบรถยนต์บริเวณสถาบันเทิงดังกล่าว ได้ทยอยเข้าเเจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน โดย น.ส.สุดาภรณ์ สิงห์ไกร เจ้าของรถเก๋ง ทะเบียน 6 กฐ 5464 กทม. เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เข้าไปดูคอนเสิร์ต เพราะมีการจองบัตรไว้ล่วงหน้าแล้ว กระทั่งคอนเสิร์ตเลิกตนได้เดินมาที่ลานจอดรถ ก็พบกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เเจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ถูกผู้ก่อเหตุทำลาย ได้รับความเสียหายบริเวณสปอยเลอร์หลัง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 18,000 บาท
ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุ รปภ.เเจ้งว่าผู้ก่อเหตุได้ถูกจับกุมตัวไว้เเล้ว ส่วนสาเหตุเพราะผู้ก่อเหตุไม่ได้เข้ามาดูคอนเสิร์ต เนื่องจากบัตรถูกขายไปหมดเเล้ว จึงเกิดความบัลดาลโทสะ ทำลายทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งตนมองว่าไม่เกี่ยวกันเลย กับการที่ไม่ได้ดูคอนเสิร์ตเเล้วมาก่อเหตุในลักษณะนี้ จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด
ส่วนทางด้านคดี นายพิชิต ผู้ก่อเหตุ ยังถูกควบคุมตัวอยู่ภายในห้องขัง สน.บางเขน โดยยังไม่สามารถให้การกับตำรวจได้ เนื่องจากยังอยู่ในอาการมึนเมาสุรา เเละจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ โดยพนักงานสอบสวนได้มีการติดต่อนัดหมายให้ญาติของนายพิชิตมาพบ เบื้องต้นเตรียมเเจ้ง 2 ข้อหา คือ เมาสุราอาละวาด และทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย โดยจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลเเขวงดอนเมือง ในเวลา 10.00 น. ในวันที่ 21 พ.ย.63
นางโบว์ อายุ 52 ปี เเม่ของนายพิชิต พร้อมด้วยญาติได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายพิชิต เเละให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน พร้อมกับขอโทษผู้เสียหาย บอกว่าเพิ่งทราบเรื่องเมื่อช่วงสายของวันนี้ ที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยมีเหตุทะเลทะวิวาท เเละไม่เคยเเสดงกริยาดังกล่าวมาก่อน โดยก่อนเกิดเหตุลูกชายได้นั่งดื่มสุรากับเพื่อนที่บ้าน เเล้วออกไปต่อที่สถานบันเทิง ต่อมาเวลา 22.00 น. ลูกชายโทรหาบอกว่ามีเรื่อง "มีคนให้ของลับผมครับเเม่" เเต่หลังจากวางสายตนก็ไม่ได้ติดต่อลูกอีก เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร กระทั่งมาทราบข่าวก็ตกใจมาก รีบเดินทางมาที่โรงพัก
โดยนางโบว์ ยืนยันว่ายินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของลูกชาย ส่วนเรื่องรถพยาบาลที่มีการกล่าวอ้างว่า ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ก็อยากจะพูดคุยกับเจ้าของรถ รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีความเสียหายจริงหรือไม่ เเต่ยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างเต็มที่
เเต่อย่างไรก็ตาม ตนยังติดใจในเรื่องที่ลูกชายถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจากการเข้าเยี่ยมพบว่าคิ้วซ้ายเเตก มีอาการมึนศีรษะ เเละปวดตา ไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะจากการสอบถามลูกชาย จำอะไรไม่ได้ จำได้เพียงว่าไปเที่ยว เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าอยู่ในห้องขังเเล้ว จึงอยากให้ตำรวจหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปนำหลักฐานที่สถานบันเทิงมายืนยัน เพื่อที่จะเอาผิดดำเนินคดีตามกฎหมาย