กรณีมีเหตุคนถูกอาวุธปืนยิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย ในเขตพื้นที่ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยที่เกิดเหตุพบมีคนถูกยิง 2 คน คนแรกเป็นหญิง ชื่อ น.ส.บุญญาณี แก้วฝ่ายนอก อายุ 38 ปี ชาวจ.ชลบุรี ถูกกระสุนยิงเข้าที่โหนกแก้มฝั่งใน ไม่ได้สติเสียเลือด
สาวนอีกคนเป็นชาย ชื่อว่านายโยธิน แก้วฝ่ายนอก อายุ 39 ปี นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างรถกระบะ ทะเบียน 2 ฒร 9505 กรุงเทพฯ ถูกยิงเข้าตามร่างกายหลายนัด กระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กระทั่งหลังก่อเหตุมือยิงเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ล่าสุดวันที่ 11 พ.ย.63 เวลา 16.45 น. ที่ผ่านมา ที่นิติเวช รพ.ชลบุรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ลูกสาว ญาติ ครอบครัวและเพื่อสนิทของผู้เสียชีวิต เดินทางเข้ามาที่นิติเวชเพื่อรับศพ น.ส.บุญญาณี แก้วฝ่ายนอก อายุ 38 ปี และนายโยธิน แก้วฝ่ายนอก อายุ 39 ปี เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา
โดยในระหว่างรับศพของผู้เสียชีวิต ลูกสาววัย 16 ปีของผู้เสียชีวิต ร้องไห้ด้วยความเสียใจตลอดเวลา ส่วนตัวเพื่อนของผู้เสียชีวิตต่างก็ร้องไห้ และอยู่ในอาการเศร้าโศกเช่นเดียวกัน ภายหลังจากรับศพแล้ว ครอบครัวจะนำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่ วัดโพธิ์ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ต่อไป
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายประจวบ อุดมกมลเสรี อายุ 55 ปี พี่ชายของนายโยธิน เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.63) เวลาประมาณ 19.00 น. ตนเข้ามาที่บ้านผู้เสียชีวิต จู่ ๆ คนก่อเหตุเกาะที่รั้วบ้านแล้วตะโกนเรียกตน พร้อมบอกว่า "คุณ ๆ ตีหมาที หมายืนเห่าเป็นชั่วโมงแล้ว" ตนจึงตอบกลับไปว่า "ทำไม่ได้" เพราะสุนัขไม่ได้ทำอะไรผิด คนก่อเหตุจึงตะโกนบอกอีกว่า "ถ้าตีไม่ได้ ก็เตะเลย" ตนจึงพูดตอบกลับไปอีกว่า "จะไปเตะไม่ได้หรอก หมาไม่ได้ทำอะไรผิด คุณก็เดินออกมาเตะเองสิ" จากนั้นเมื่อพูดกับคนก่อเหตุเสร็จ ตนก็เดินเข้าบ้านทันที
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. นายโยธิน (ผู้เสียชีวิต) กลับมาที่บ้าน จากนั้นคนก่อเหตุเดินมาเกาะรั้ว แล้วตะโกนบอกนายโยธินอีกว่า "ดูหมามึงหน่อยสิ เห่าอยู่ได้" พร้อมกับพูดด่าทอหยาบคาย นายโยธิน จึงตอบกลับไปว่า "ไปทะเลาะกับหมาเหรอ ถ้าจะไปทะเลาะกับหมาก็เชิญเลย" ขณะเดียวกันตนก็ได้พูดกับคนก่อเหตุขึ้นว่า "คุณก็ออกมาสิ มาคุยกัน จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง" โดยไม่ได้มีเจตนาท้าทาย หรือหาเรื่องแต่อย่างใด อีกทั้งไม่อยากมีปัญหาทะเลาะกับใครด้วย เพียงแต่ต้องการให้พูดคุยกัน ให้รู้เรื่องเท่านั้นเอง
จากนั้นเมื่อคุยกันแล้วเสร็จ เรื่องของการถกเถียงเกี่ยวกับสุนัขเห่าแล้วเสร็จ คนก่อเหตุก็เดินกลับเข้าบ้าน ก่อนหยิบอาวุธปืนออกมายิงคนเสียชีวิตทั้งสองศพ ตามเหตุการณ์ในคลิปวงจรปิดที่เกิดขึ้น โดยส่วนตัวไม่เคยมีปากเสียงกับคนก่อเหตุ หดหู่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคนก่อเหตุไม่ใช่ประสงค์อยากเข้ามายิงแค่ตน แต่จากพฤติการณ์ คิดหวังที่จะเอาชีวิตคนในครอบครัว หวังยิงตายยกบ้านด้วยซ้ำ
ที่สถานีตำรวจภูธรเสม็ด จ.ชลบุรี ครอบครัวผู้เสียชีวิต เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน โดยนางวาสนา อุดกมลเสรี อายุ 49 ปี พี่สาวของน.ส.บุญญาณี ผู้เสียชีวิต ซึ่งเดินทางเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนตั้งใจจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด รับไม่ได้เสียน้องพร้อมกัน 2 คน คนร้ายกระหน่ำยิงน้องเขยซ้ำอีกกว่า 10 นัด และที่บาดหัวใจ คือ พยายามกระหน่ำยิงเข้าที่หัวของคนตายทั้งคู่
และภายหลังจากที่ยิงน้องสาวแล้ว พยายามจะวิ่งเข้ามายิงตนและสามี ก่อนที่สามีจะวิ่งหนีตายเข้ามาในบ้าน ตนจึงรีบปิดประตูบ้าน แต่ยังปิดไม่สนิท คนก่อเหตุพยายามจะพังประตูเข้ามา ถีบประตูบ้านถึง 3 รอบ อีกทั้งอาศัยช่องว่างของประตูที่ปิดไม่สนิท เล็งปืนมาที่ใบหน้าของตน ตนจึงพยายามนั่งและนอนดันประตูไว้ จังหวะนั้นคนก่อเหตุพูดขึ้นมาว่า "ถ้าไม่เปิด จะยิงมึงอีกคน" ตนจึงตะโกนกลับไปว่า "หนูไม่เกี่ยวนะ ไม่เกี่ยวนะพี่"
วินาทีชีวิตตอนนั้น กลัวว่าคนก่อเหตุจะบุกเข้าบ้าน ซึ่งถ้าสามารถเข้ามาที่บ้านได้นั้น ตนอาจจะเป็นศพรายที่ 3 และที่สำคัญกลัวไปยิงหลานอีก 2 คนที่อยู่ในบ้าน หนึ่งในนั้นมีลูกของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายด้วย แต่สุดท้ายไม่สามารถเข้ามาได้
จากพฤติกรรมของคนก่อเหตุ ตนมองว่า "ต้องการฆ่าให้ตายทั้งหมดบ้าน" อีกทั้งมีการซื้อปืนเตรียมการไว้อย่างดี ส่วนปมปัญหาคนก่อเหตุอ้างว่า เป็นเรื่องสุนัขชื่อ "มณี" พันธุ์ไทยหลังอาน ที่เลี้ยงไว้ ซึ่งก็จะเห่าเป็นเรื่องปกติของสุนัข บ้างก็เห่าคนแปลกหน้า บ้างก็รถที่ขับผ่านไปมา เพราะสุนัขเลี้ยงไว้สำหรับเฝ้าบ้าน เฝ้ารถยนต์ ส่วนสุนัขอีกตัวสายพันธุ์ชิวาวาขนสั้น เลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่ได้นำออกมาด้านนอก จึงไม่กระทบต่อเพื่อนบ้านอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ตนยังทราบมาว่า คนก่อเหตุเพิ่งตกงาน เนื่องจากพกอาวุธปืนไปโรงงาน แล้วทำปืนลั่นในสถานที่ทำงาน กระทั่งถูกไล่ออก ภายหลังเกิดเหตุ ตนรู้สึกสงสารลูกสาวผู้เสียชีวิต เป็นเด็กหญิง อายุ 16 ปี ที่ร้องไห้เสียใจแทบสติแตก ภายหลังจากพ่อแม่ถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกัน และขอประนามการก่อเหตุที่รุนแรง เพียงเพราะไม่พอใจเรื่องสุนัข ทั้งนี้ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่ยอมรับคำขอโทษ ไม่ยอมให้ประกันตัว และกังวลเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย
ส่วนบรรยากาศงานศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ที่ศาลาสุขประสิทธิ์ ภายในวัดโพธิ์ อ.เมือง จ.ชลบุรี เต็มไปด้วยความโศกเศร้า จากนั้นมีการประกอบพิธีรดน้ำศพ โดยนำศพของผู้เสียชีวิตวางนอนบนเตียงนอน ก่อนเริ่มวางพวงมาลัย ที่ฝ่ามือ แล้วลูก ๆ ครอบครัว ญาติ เพื่อน ๆ เริ่มรดน้ำศพก่อนบรรจุลงโลง จากการสังเกตพบว่า รูปงานศพ ใช้เป็นรูปคู่ของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสหรัฐ แก้วฝ่ายนอก หรือ ต้าร์ อายุ 22 ปี ลูกชายของนายโยธิน เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้น้องสาวโทรศัพท์บอกข่าวว่าพ่อและแม่เลี้ยง ถูกยิงเสียชีวิต ทันทีที่ทราบตนรู้สึก "ไม่โอเค ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับ และไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะถูกยิงตายทั้งคู่แบบนี้"
นายสหรัฐ เล่าต่อว่า เมื่อไม่นานมานี้ ตนได้พูดคุยโทรศัพท์กับพ่อ เนื่องจากพ่อโทรศัพท์มาถาม ว่าได้ไปร่วมชุมนุมหรือไม่ เนื่องจากตนเรียนอยู่ที่ ม.ราชภัฏสวนสุนันทา จึงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย และมีโอกาสได้เจอพ่อครั้งล่าสุด เมื่อประมาณ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าตนจะไม่ค่อยได้เจอพ่อบ่อยครั้ง แต่ก็พยายามโทรศัพท์พูดคุยกันเสมอ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ารู้สึกโกรธมาก ทำไมต้องทำกับพ่อแม่แบบนี้ แค่เรื่องสุนัขไม่ใช่เรื่องที่จะต้องฆ่ากันตาย และรู้สึกเสียใจมาก ที่ไม่มีโอกาสได้พูดคุย ได้ทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่างกับพ่อแม่ เพราะตอนเด็ก ๆ ตนเคยพูดไม่ดีกับแม่เลี้ยง ตอนนี้แม่เลี้ยงเสียชีวิตแล้ว ตนอยากบอกให้รู้ว่า ตนรักแม่เลี้ยง เหมือนแม่แท้ ๆ และอยากแสดงความรักต่อพ่อแม่ ซึ่งวันนี้ ไม่มีโอกาสได้ทำแล้ว
ขณะที่สถานีตำรวจภูธรเสม็ด จ.ชลบุรี ภายหลังจากที่พ.ต.ท.สมนึก มุมทอง สารวัตร (สอบสวน) สภ.เสม็ด สอบปากคำผู้ต้องหานายจิรัฎฐ์ วุฒิมานานนท์ แล้วเสร็จ นายจิรัฎฐ์ เปิดเผยว่า รู้สึกเครียดจริง เป็นห่วงความปลอดภัยของภรรยา และลูกสาววัย 11 ขวบ ที่อยู่บ้านเพียงลำพัง กลัวฝ่ายคู่กรณีจะมาล้างแค้น
นายจิรัฎฐ์ เล่าต่อว่า ไม่เคยมีการนำปืนออกมายิงขึ้นฟ้าหรือข่มขู่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และไม่ได้มีการเตรียมการ หรือไม่มีเจตนาว่า ซื้อปืนมาเพื่อก่อเหตุยิงแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมา ยืนยันว่า ไม่เคยมีปากเสียง หรือพูดจาข่มขู่กันมาก่อน อีกทั้งไม่ได้มีเจตนาจะฆ่ายกครัว แต่สาเหตุที่พยายามเปิดพังประตูเข้าไปนั้น เนื่องจากจะวิ่งตามไปยิงผู้ชายเสื้อแดง (พี่เขยของผู้เสียชีวิต) ซึ่งเป็นคนที่พูดจาท้าทายตนให้ออกมาเคลียร์ ซึ่งขณะที่เกิดเหตุพี่สาวผู้เสียชีวิต เป็นคนที่ดันประตูกับตนไว้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่มีเจตนาจะยิงอยู่แล้ว
เมื่อทีมข่าวสอบถามว่า วินาทีที่ตัดสินใจลั่นไกปืนยิงคู่สามีภรรยา โดยเฉพาะยิงภรรยาก่อนเพราะอะไร นายจิรัฎฐ์ กล่าวว่า วินาทีนั้นเดินถือปืนออกมาด้วย เพราะคู่กรณีมีจำนวนหลายคน และที่ลั่นไก ยิงผู้หญิงก่อน เป็นเพราะผู้หญิงโผล่มาจากไหนไม่รู้ เข้ามาประชิดตัว ด้วยความตกใจจึงลั่นไกปืนหลายนัด จังหวะนั่นยอมรับว่า ไม่มีสติ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ก่อนจะพยายามวิ่งเข้าไปในบ้าน แต่ไม่สามารถเข้าไปได้
สำหรับปมการสังหารครั้งนี้ นายจิรัฎฐ์ ระบุว่า เป็นเพราะความไม่รับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง ปล่อยสุนัขส่งเสียงเห่าจนน่ารำคาญ บ้างก็วิ่งตัดหน้ารถจักรยานยนต์ นอกจากนี้เพื่อนบ้านยังชอบสังสรรค์ตอนกลางคืน เปิดเครื่องเสียงในรถเสียงดังสนั่น รบกวนและสร้างความน่ารำคาญ มานานกว่า 10 ปี กระทั่งเคยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ แต่สุดท้ายไม่สามารถทำอะไรทั้งคู่ได้
โดยก่อนหน้าจะออกไปก่อเหตุ ตนเคยบอกให้เจ้าของสุนัขห้ามสุนัขแล้วว่า อย่าให้สุนัขเห่าเสียงดัง แต่กลับไม่มีความรับผิดชอบ ตนยอมรับว่าเก็บความรู้สึกมานาน จนสุดจะทนแล้ว ถ้าต่างคนต่างอยู่ในขอบเขตก็จบ ไม่ต้องเกิดเรื่องแบบนี้
ทั้งนี้ นายจิรัฎฐ์ ยอมรับว่าตนไม่รู้สึกผิด ไม่รู้สึกว่าเสียใจที่ยิงคนตาย 2 ศพ แต่รู้สึกเสียใจ ที่ทำให้ครอบครัวตัวเองต้องเดือดร้อน และไม่รู้สึกสงสารครอบครัวผู้เสียชีวิต ไม่ต้องการที่จะเข้าไปขอโทษ หรือขอขมาครอบครัวคนตาย และฝากครอบครัวคู่ถึงกรณีว่า "ทำไมไม่คิดว่าตัวเองผิด เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตัวเขาเอง"
ภายหลังจากให้สัมภาษณ์ นายจิรัฎฐ์ เปิดเผยว่า เรื่องคดีความนั้นตนไม่กังวล หากไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ก็จะยอมติดคุกไปตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่หวังให้แม่ พี่สาว หรือครอบครัวมาเยี่ยม เพราะไม่อยากให้เดือดร้อน
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางต่อมายัง บ้านหลังที่เกิดเหตุ ซอยเสม็ด-อ่างศิลา ซอย 7 บุญอารีย์ บ้านเลขที่ 14/8 หมู่ 3 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งบ้านของผู้เสียชีวิตกับบ้านของคนก่อเหตุอยู่ห่างกันเพียง 15 เมตรเท่านั้น
โดยเช้านี้ พบว่าบ้านของคนก่อเหตุ ประตูรั้วถูกปิดล็อกจากภายนอก ไม่มีคนอยู่ในบ้าน ขณะที่บ้านของคนเสียชีวิต ถูกปิดล็อกไว้เช่นเดียวกัน บริเวณหน้าบ้านของผู้เสียชีวิต พบว่ามีกองเลือดอยู่ที่พื้นถนนหน้าบ้าน ผ้าก็อตเช็ดเลือด ถุงมือยาง และรอยคราบเลือดอยู่บริเวณหน้าบ้านจำนวนมาก และพบว่ามี "สุนัขมณี" เป็นสุนัขของผู้เสียชีวิตที่เลี้ยงไว้ ไม่มีอาการดุร้าย ไม่เห่า และไม่ขู่แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ดอกฟ้า โพธิ์คำ อายุ 29 ปี พยานที่เห็นเหตุกาณ์ และเป็นเพื่อนข้างห้อง ที่อยู่ติดกับห้องผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังเลิกงานตนกลับถึงห้องพัก เวลา 20.30 น. ซึ่งพักอาศัยอยู่ติดกับห้องของผู้เสียชีวิต จากนั้นเจอผู้เสียชีวิตและพี่เขย รวมทั้งคนก่อเหตุและภรรยาของคนก่อเหตุ ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าบ้านของผู้เสียชีวิต คล้ายกับคุยกันเสร็จแล้ว ไม่มีปากเสียงหรือการด่าทอกันแต่อย่างใด ทราบเพียงว่า มาคุยกันเรื่องสุนัข ชื่อ มณี ที่มักจะเห่าเสียงดังเท่านั้น
ภายหลังพูดคุยเสร็จ นายจิรัฏฐ์ (คนก่อเหตุ) และภรรยา เดินกลับเข้าบ้านตามปกติ เป็นจังหวะเดียวกับที่ตนกำลังจะเดินเข้าห้องพัก จู่ ๆ ตนมองเห็นคนก่อเหตุหยิบปืนออกมาจากบ้าน วิ่งมาที่หน้าบ้านผู้เสียชีวิต ก่อนจะยกปืนขึ้นมายิง น.ส.บุญญาณี จำนวน 3 นัด วินาทีนั้น ทันทีที่ตนมองเห็นเหตุการณ์ จึงรีบวิ่งหนีตายเข้าห้องพักล็อกห้องทันที ส่วนแฟนหนุ่ม ก็วิ่งหนีออกจากบริเวณนั้น เนื่องจากกลัวถูกลูกหลงและเกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิต ในระหว่างที่ตนอยู่ภายในห้องพัก ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด กระทั่งเหตุการณ์สงบลง จึงตัดสินใจเปิดประตูออกมา
โดยในช่วงขณะเกิดเหตุ ตนมองเห็นไม่ชัดว่า นายจิรัฏฐ์ (คนก่อเหตุ) ถืออาวุธปืนมา จึงตะโกนบอกผู้เสียชีวิตไม่ทัน อีกทั้งเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะเกิดเหตุ ตนรู้สึกตกใจมาก ตัวสั่นไปหมด เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เห็นคนยิงกันตายต่อหน้าต่อตา
ส่วนกรณีที่สุนัขเห่า หรือครอบครัวผู้เสียชีวิต ชอบสังสรรค์นั้น น.ส.ดอกฟ้า ยืนยันว่า สุนัขที่ชื่อ "มณี" ไม่เคยกัดใคร แต่มีเห่าบ้างตามประสา เห่าคนแปลกหน้า เห่ารถยนต์ที่เข้าออกบ้างเป็นธรรมดา ส่วนเรื่องเปิดเพลงเสียงดังสังสรรค์นั้น ตนมองว่า ไม่ได้รบกวนขนาดนั้น เนื่องจากครอบครัวผู้เสียชีวิต มีเพื่อน ญาติพี่น้อง มาหาบ่อยครั้ง จึงมีดื่มสังสรรค์กันในบ้าน แต่ไม่ได้ก่อความวุ่นวาน หรือไม่ได้ทำให้รู้สึกรำคาญใจแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน เรื่องชะตากรรมของสุนัขเพศเมียทั้ง 2 ตัว ว่าจากนี้จะมีการเลี้ยงดู หรือดูแลรับผิดชอบอย่างไรนั้น จากการสอบถาม น้องครีม อายุ 16 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตัวแรกชื่อ มณี อายุ 2 ปี สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน ตนต้องการให้หน่วยงานเกี่ยวกับสัตว์ หรือผู้ใจบุญที่อยากดูแลเลี้ยงดู ติดต่อมาขอรับไปเลี้ยงดู
ส่วนสุนัขตัวที่สอง ชื่อ ตังเม อายุ 4 ปี สุนัขพันธุ์ชิวาวาขนสั้น ตนจะนำไปเลี้ยงดูเองที่บ้านป้า ซึ่งจากนี้จะขนของย้ายไปอยู่ที่บ้านป้าต่อไป
การจากสอบถาม พี่สาวของ ผู้ได้รับบาดเจ็บ บอกว่า ตอนนั้นอยู่ภายในบ้านได้ยินสุนัขเห่าเสียงดัง ผู้ก่อเหตุซึ่งอยู่บ้านใกล้บอกว่า สุนัขเห่าเสียงดังมาหลายชั่วโมง ช่วยเดินไปแตะหมาให้เงียบด้วย ตนโต้เถียงไปว่าให้มาเตะเอง จากนั้นผู้ก่อเหตุก็มาพร้อมกับอาวุธปืน ไล่ยิงสุนัข น้องสาวได้ยินเสียงปืนจึงวิ่งออกจากบ้านมาดู ผู้ก่อเหตุจึงใช้ปืนยิงใส่น้องสาวได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้เสียชีวีตเป็นแฟนของน้องสาวทำงานช่างแอร์จะเข้าไปช่วย เลยถูกยิงจนล้มคว่ำข้างรถกระบะ เท่านั้นยังไม่พอผู้ก่อเหตุยังเข้าไปถีบประตูบ้าน เอาปืนเอาปืนขู่เพื่อให้เปิดประตู ตนไม่ยอมเปิดเพราะในบ้านมีเด็กหลายคน
พ.ต.อ.กฤศ ธิติทัศนะ ผกก.สภ.เสม็ด เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่เพื่อนบ้านจริง สาเหตุการจากทะเลาวิวาทกันที่สะสมมานานเรื่องสุนัข จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวว่า ฆ่าผู้อื่นโดนเจตนา มีอาวุธปืนครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในทางหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนวึ่งใช้ดินระเบิด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
