โต้เดือด! แท็กซี่อ้างชกคนข้ามถนนป้องกันตัว – เหยื่อชี้ถูกพุ่งชนแถมทืบซ้ำ (คลิป)

15 ก.พ. 61
กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Wipas Toon Wimonsate" โพสต์ภาพพร้อมข้อความเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ถูกรถแท็กซี่ชนบนทางม้าลาย ล่าสุด วันนี้ (14 ก.พ.) นายวิภาส วิมลเศรษฐ หรือ "ตูน" อายุ 45 ปี ผู้เสียหาย และเจ้าของโพสต์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 19.30 น. ตนและเพื่อนยืนอยู่บนเกาะกลางถนน เพื่อจะข้ามถนน 3 เลน บนทางม้าลาย ช่วงถนนสุขุมวิท ซอย 45 ขณะนั้นเพื่อนเดินนำไปก่อน โดยรถที่ขับมา 2 เลนแรกจอดให้ข้าม เมื่อข้ามมาถึงเลนที่ 3 ตนเห็นแท็กซี่ขับมา จึงพยักหน้าให้คนขับ เพื่อเป็นสัญญาณว่า จะขอข้ามถนน แต่แท็กซี่ไม่ยอมหยุดให้ และขับเข้ามาพุ่งชน
นายวิภาส วิมลเศรษฐ หรือตูน อายุ 45 ปี ผู้เสียหาย
โดยเพื่อนตนที่เดินนำหน้ามาได้กระโดดขึ้นฟุตปาธ แต่ตนที่กำลังก้าวตามมา ได้ใช้เท้าถีบยันหน้ารถแท็กซี่เอาไว้ เพื่อดีดตัวหลบไม่ให้ล้มลงหน้ารถ เพราะอาจจะถูกรถชน จังหวะนั้นตนมายืนอยู่ฝั่งประตูคนขับพอดี คนขับแท็กซี่ได้เปิดประตูมากระแทกตนอีก ตนจึงต้องผลักกลับเพื่อไม่ให้ตัวเองล้ม จากนั้นคนขับแท็กซี่ได้เข้ามาโวยวายหาว่า ตนจะไปชกต่อยเขา ซึ่งตนไม่ทันได้พูดอะไร คนขับแท็กซี่ได้ลงมือที่ตนทันที จำได้ว่าโดนชกประมาณ 2 ครั้ง ก่อนที่จะรู้สึกมึน และล้มลง แต่แท็กซี่ยังตามเข้ามากระทืบตนซ้ำอีก จากนั้นมีได้คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่เห็นเหตุการณ์ เข้ามาช่วยห้ามไว้ จนคนขับแท็กซี่ขึ้นรถ และขับออกไป
บาดแผลของ นายวิภาส
นายวิภาส เล่าอีกว่า ขณะนั้นตนเลือดไหลอาบเต็มตัว ก่อนที่จะมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้พาตนไปหาหมอ เพราะได้รับบาดเจ็บบริเวณคิ้วซ้ายแตก ต้องเย็บ 4 เข็ม และกระดูกจมูกแตกแต่ไม่เคลื่อน นอกจากนี้ยังมีรอยฟกช้ำ บริเวณใบหน้า รวมทั้งที่แขน และที่เอว โดยตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ทองหล่อ ข้อหาทำร้ายร่างกาย อยากให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ ไปเอาผิดผู้ทำผิดให้ได้รับโทษที่เหมาะสม นอกจากนี้ นายวิภาส ยอมรับว่า ระหว่างเกิดเหตุมีสร้อยคอแสตนเลส เพาเวอร์แบงก์ และอุปกรณ์ที่ชาร์จมือถือ หล่นหายในที่เกิดเหตุ รวมแล้วมูลค่าประมาณ 3,000 บาท อย่างไรก็ตาม ตนทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า เบื้องต้นคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวจะแจ้งความตนกลับ โดยอ้างว่าตนถีบกันชนของรถเสียหาย ซึ่งตนยอมรับว่าไม่ได้มีความกังวล เพราะมั่นใจว่าแรงที่ใช้เท้าถีบรถแท็กซี่ ไม่ได้รุนแรงพอที่จะทำให้รถเสียหายได้ พร้อมท้าทายให้ไปพิสูจน์ให้ได้ว่า ตนทำกันชนรถแท็กซี่เสียหายจริง
นายชาคริต คนขับแท็กซี่
ด้าน นายชาคริต เดินทางไปที่สน.ทองหล่อ ซึ่งเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะขับรถชนนายวิภาส เพราะหากเกิดอุบัติเหตุรถชนคนแล้ว พิการ ตนก็ไม่ได้อยากจะต้องมานั่งเลี้ยงดูใคร แต่ยอมรับสภาพการจราจรติดขัด ตนขับรถไหลตามมากับรถคันอื่นปกติ โดยเมื่อเห็นนายวิภาส กับเพื่อนเดินมาก็เบรกให้ทันที และเป็นจังหวะนายวิภาส ใช้เท้ายันรถ ยอมรับว่าขณะนั้นเริ่มมีอารมณ์โมโหบ้างแล้ว ตนจึงตั้งใจจะลงมาถามว่ามาถีบรถทำไม แต่พอจะเปิดประตูลงมา นายวิภาส ได้ใช้มือและเท้าผลักประตูไม่ให้ตนออกมา ทำให้ช่วงนั้นประตูกระแทกและหนีบคอตนอยู่หลายครั้ง
นายชาคริต อ้างว่า คู่กรณีบาดเจ็บ คิ้วแตก อาจจะเป็นเพราะตนใส่แหวนที่นิ้ว
นายชาคริต ยอมรับว่า ตอนนั้นโมโหมาก พอหลุดออกมาจากประตูรถได้ ตนจึงชกนายวิภาส แต่ที่คู่กรณีบาดเจ็บ คิ้วแตกน่าจะเป็นเพราะตนใส่แหวนที่นิ้ว และมั่นใจว่า นายวิภาสต้องการเข้ามาทำร้ายก่อน โดยที่ทำไปเพราะป้องกันตัว วันนี้ตนจึงได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย ที่ฝ่ายคู่กรณีได้เข้าแจ้งความไว้ ส่วนวันนี้ตนได้แจ้งความกลับนายวิภาส ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากกันชนหน้ารถ และประตูเสียหาย และแจ้งความคู่กรณีอีกข้อหาคือ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ตนจะเดินหน้าดำเนินคดีต่อไปตามขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมาย ทั้งนี้นายชาคริต ปฏิเสธที่จะพูดถึงคดีเก่าที่รถแท็กซี่โดนยิง เมื่อปี 2559 หลังจากที่ชาวโซเชียลต่างพากันรื้อประวัติ
ร่องรอยความเสียหายรถแท็กซี่
หลังจากนั้น นายชาคริต ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูสภาพรถแท็กซี่คันดังกล่าว ซึ่งพบว่าบริเวณกันชนด้านหน้า หลุดออกมาจากตัวล็อก และมีรอยสีถลอกเล็กน้อย ส่วนประตูที่นายชาคริต อ้างว่าเสียหาย ผู้สื่อข่าวพบว่ายังคงปกติดี พร้อมกันนี้นายชาคริต ได้สาธิตเหตุการณ์ตอนที่นายวิภาส ผลักประตูเข้ามาหนีบคอให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย
นายชาคริต สาธิตเหตุการณ์ตอนที่นายวิภาส ผลักประตูเข้ามาหนีบคอ
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา นายชาคริต คนขับแท็กซี่ ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องรอใบรับรองแพทย์จาก นายวิภาส ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อพิจารณาว่า จะแจ้งเพิ่มโทษหรือไม่ พร้อมทั้งจะเรียกนายวิภาส มาให้ปากคำเพิ่มเติม และรับทราบข้อกล่าวหาที่นายชาคริต คนขับแท็กซี่แจ้งไว้
นายชาคริต ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูสภาพรถแท็กซี่
ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวน จะรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนจะมีการแจ้งข้อหา นายชาคริต ตาม พ.ร.บ.จราจร กรณีไม่หยุดให้คนข้ามต่อไป ขณะที่ นายสุกรี จารุภูมิ ผู้อำนวยการกองตรวจการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายชาคริต ไม่พบว่าถูกผู้ใช้บริการเรื่องร้องเรียน ซึ่งตอนนี้คดีดังกล่าวเป็นคดีอาญา จึงต้องให้ สน.ทองหล่อ เป็นผู้ดำเนินการ หลังจากนั้นหากศาลมีการพิจารณาโทษจำคุก ก็จะรับข้อมูลจากตำรวจ เพื่อเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต่อไป

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ