ใช้ขนหมาจับมือฆ่าชมพู่ หมอชี้ถ้าเจอบนศพเจ้าของส่อคุก เว้นเจ้า "ปลาส้ม" (คลิป)

กรณีการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" อายุ 3 ปี ที่หายตัวออกจากบ้านพักพัก หมู่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยหายไปตั้งแต่ 11 พ.ค.63 ซึ่งตำรวจก็พยายามตามหลักฐานตามล่าผู้ก่อเหตุ แม้จะเป็นขนสัตว์ ว่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับคดีหรือไม่ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

ล่าสุดวันที่ 23 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร โดยบ้านหลังแรก คือ บ้านน้องชมพู่ มีสุนัข 2 ตัวคือ ”ปลาส้ม” สุนัขเพศเมีย อายุ 8-9 เดือน และ “แก้ว” สุนัขเพศเมีย อายุ 1 ปี และหนูพุกเพศผู้อายุ 7 เดือน พบว่ามีปลาส้มตัวเดียวที่เคยขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ ซึ่งปลาส้มจะชอบเดินตามทีมข่าว หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขึ้นไป

บ้านหลังที่ 2 บ้านนายเสริม-นางจุไรภรณ์ น้าของน้องชมพู่ มีสุนัข 2 ตัว คือ “ซูโม่” สุนัขเพศผู้อายุ 3 ปี และ “สีทอง” สุนัขเพศผู้อายุ 3 ปี พบว่าสุนัขทั้ง 2 ตัวไม่เคยขึ้นภูเหล็กไฟ

บ้านหลังที่ 3 บ้านของนางนลิน เงินนาม พยานของลุงพล มีสุนัข 1 ตัว คือ ”บิ๊ก” เป็นสุนัขเพศผู้อายุ 1 ปี และแมว 1 ตัว คือ “เหมียว” แมวเพศผู้อายุ 1 ปี ซึ่งพบว่าสุนัขเคยขึ้นภูเหล็กไฟวันที่ 13 พ.ค.63 ขึ้นไปกับชาวบ้านที่ขึ้นไปตามหาน้องชมพู่ โดยขึ้นไปทางภูเขาทางทิศตะวันออก ไปถึงแค่บริเวณพักที่สอง

บ้านหลังที่ 4 บ้านนางสาวขวัญใจ เชื้อตาพระ เจ้าของไร่มันสำปะหลังที่พบรอยเท้าเด็ก มี สุนัข 2 ตัว คือ “กาแฟ” สุนัขเพศผู้อายุ 2 ปี และ “ปีโป้” สุนัขเพศเมีย อายุ 5 ปี ไม่เคยขึ้นภูเหล็กไฟ

บ้านหลังที่ 5 บ้านนายริน ผู้ต้องสงสัย มีสุนัข 1 ตัวคือ “จ่าหลอย” สุนัขเพศเมีย อายุ 3 ปี ไม่เคยขึ้นภูเหล็กไฟ ส่วนมากจะวิ่งขึ้นไปทางภูผาแอกตามเจ้าของ อยู่ฝั่งตรงข้ามภูเหล็กไฟ

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช บอกว่า ขนหมาขนแมวที่เจ้าหน้าที่เก็บไปตรวจสอบ มีความสำคัญต่อการเชื่อโยงหาตัวคนก่อเหตุ แสดงว่าเจ้าหน้าที่อาจจะเจออะไรบางอย่างที่ศพน้องชมพู่ หรือตามเสื้อผ้าของเด็ก เช่น ขนหมา แมว ซึ่งปกติขนเหล่านี้ไม่น่าจะติดอยู่ที่ตัวขน แต่จะติดตามเสื้อผ้ามากกว่า การเอาเสื้อผ้าไปตรวจแสดงว่ามีขนสัตว์ติดอยู่ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า แสดงว่าอาจมีใครไปยุ่งเกี่ยวกับสัตว์ ฉะนั้นต้องไปตามหาว่าขนสัตว์ที่เจอเป็นของตัวไหน

ความสำคัญของขนสัตว์ที่จะนำไปสู่การเชื่อมโยงกับทางคดีได้นั้น เช่น ถ้าเกิดเป็นหมาของ นาย ก. คำถามคือ ตกลงบ้านนาย ก. อยู่ตรงไหน และสุนัขอยู่ตรงไหน ถ้าอยู่ห่างไกลกันมากแล้วทำไมถึงมีขนสุนัขมาติดที่ตัวของเด็ก นั่นแสดงว่า นาย ก. ต้องพาสุนัขมาที่บ้านของเด็กด้วยหรือไม่

“มันมีโอกาสจับโป๊ะได้ว่าหากขนหมาแมวที่เจอไม่ใช่สัตว์ที่บ้านของน้องชมพู่ หรือไม่ใช่สัตว์ที่น้องไปเล่นที่บ้านเพื่อน ทีนี้จึงมีคำถามต่อมาว่า แล้วทำไมถึงมีขนสัตว์ติดที่ศพได้อย่างไร แต่จะเป็นหลักฐานเด็ดฝันธงว่าเป็นคนร้ายตัวจริงหรือไม่ ผมว่ายังไม่ใช่ เพราะต้องมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย” รศ.นพ.วีระศักดิ์ กล่าว

ขณะนี้รอผลชันสูตรศพสาเหตุการเสียชีวิตของน้องชมพู่ อย่างเป็นทางการ ซึ่งผลจะออกจาก 2 ที่ โดยที่แรกเป็นโรงพยาบาลอุบลฯ และ โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนประเด็นเรื่องน้องชมพู่ เดินขึ้นเขาแล้วเสียชีวิต นั้นก็เป็นไปได้ แต่เป็นไปได้น้อย เนื่องจากการขึ้นเขาเป็นไปได้อย่างยากลำบากสำหรับเด็ก 3 ขวบ แม้พ่อแม่ยืนยันว่า เด็กไม่สามารถถอดเสื้อ หรือถอดกางเกงเองได้ แต่ประเด็นอยู่ที่พบศพ ไม่มีใครพบเสื้อของน้องชมพู่ และทุกวันนี้ก็ยังหาเสื้อไม่เจอ และถ้าน้องขึ้นเขาไปเอง ไม่มีใครเกี่ยวข้อง น้องถอดเสื้อเอง ก็ต้องพบเสื้อน้อง ซึ่งอาจจะมีบุคคลที่ 3 ที่เอาเสื้อไป เข้ามาเกี่ยวข้อง

ส่วนเรื่องเส้นผมที่โดนตัด น้องชมพู่ตัดผมเองไม่ได้ น่าจะมีบุคคลที่ 3 ที่ลงมือทำ และเกี่ยวข้อง หรือพาน้องขึ้นไป และเสียชีวิต ซึ่งก็ต้องรอผลชันสูตร เชื่อว่าน้องขึ้นไปเองยาก

จากสภาพศพที่เห็น ตามข้อมูลคาดว่าเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 2 วัน ส่วนเรื่องไฟช็อตตามนิมิตของพระ ที่มีการพูดถึงกัน ถ้าเป็นเท้าเปล่าไปเหยียบบริเวณที่มีกระแสไฟฟ้าจะมีความร้อน จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่เหยียบ หลอมรวม บางครั้งมองไปเหมือนรอยโดนบุหรี่จี้ เวลาตรวจชันสูตร จะเห็นบาดแผลพวกนี้ ซึ่งเป็นบาดแผลที่มีทางเข้าและทางออก อย่างเช่นเอามือไปจับ จะมีบาดแผลที่มือ และมีทางออกก็คือกระแสไฟฟ้าลงดิน ก็จะพบบาดแผลที่ขา