สาวใหญ่ร่างทรงตกเหวตายส่อถูกฆ่า พระอ้างปีนผามือเปล่าช่วย แต่กู้ภัยแฉทำไม่ได้ (คลิป)

11 มี.ค. 63
กรณีการเสียชีวิตของ นางสมฤดี นาคมนต์ อายุ 47 ปี ร่างทรงปู่ฤๅษีนาคราช หลังเดินขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังสำนักสงฆ์ถ้ำคลัง ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ แต่พลัดตกลงไปก้นเหวลึกกว่า 40 เมตร จนเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง ขณะที่คนในครอบครัวเคลือบแคลงใจว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมอำพราง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ลูกสาวถือรูปหน้าศพของนางสมฤดี นาคมนต์
ล่าสุดวันที่ 10 มี.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังสำนักสงฆ์ดังกล่าว บริเวณโดยรอบเป็นสวนปาล์มและผืนป่ารก ซึ่งจากการลงพื้นที่ทราบว่าปกติแล้วสถานที่แห่งนี้จะไม่มีพระอยู่ประจำ จะมีเพียงพระธุดงค์ที่ผ่านมาอยู่บ้างเป็นครั้งคราว บ้างก็ 1 สัปดาห์ 1 เดือน หรือ 1 ปี เป็นต้น
สวนปาล์ม ทางผ่านเข้าไปที่สำนักสงฆ์ถ้ำคลัง
เมื่อถึงสำนักปฏิบัติธรรมจะพบภูเขาสูง ในกระต๊อบเล็ก ๆ ทีมข่าวได้พบกับ แม่ชีละแวง พรหมเจริญ อายุ 74 ปี ป่วยเป็นอัมพาตไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ โดยแม่ชีละแวง เปิดเผยว่า ช่วงสายวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา นางสมฤดี เดินทางมาที่ถ้ำคลัง แต่ไม่ทราบว่าโดยสารมาด้วยพาหนะประเภทใด ทั้งนี้นางสมฤดี แจ้งว่าจะมาปฏิบัติธรรม 7 วัน เพราะฝันเห็นบางสิ่งใต้พื้นดินเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ และบนภูเขามีรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังอ้างว่าเคยเป็นถิ่นกำเนิดของเจ้าตัว ก่อนจะโผเข้ากอดตน พร้อมกับพูดว่าตนเคยเป็นแม่บังเกิดเกล้าในอดีตชาติ
แม่ชีละแวง พรหมเจริญ
แม่ชีละแวง กล่าวอีกว่า หลังจากที่พระชัตชวาลย์ กันตะสีโล มาแจ้งให้ตนทราบว่านางสมฤดีเสียชีวิต ขณะนั้นตนรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์เป็นอย่างมาก ตนอาศัยอยู่ที่นี่มานาน เนื่องจากที่ดินผืนติดถ้ำเป็นที่ดินของตนเอง ทั้งนี้คิดว่านางสมฤดี อาจจะไปทำอะไรผิดที่ผิดทาง หรืออาจจะไปหยิบจับและนำสิ่งของที่อยู่ในถ้ำออกมาหรือไม่ ก่อนที่จะเดินลัดเลาะสระบัวขึ้นไปบนภูเขา และพลัดตกหน้าผาลงมาดังกล่าว
พระชัตชวาลย์ กันตะสีโล
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ พระชัตชวาลย์ กันตะสีโล อายุ 45 ปี เพิ่งจะเข้ามาปฎิบัติธรรมที่ถ้ำคลังได้ประมาณ 2 สัปดาห์ และเป็นพระที่ได้เดินติดตามนางสมฤดี ขึ้นไปบนภูเขาด้วย โดยพระชัตชวาลย์ กล่าวว่า ตนและนางสมฤดีเคยพบกันมาแล้ว 1 ครั้ง เป็นช่วงก่อนที่ตนจะมาอยู่ถ้ำคลัง โดยการพบกันในครั้งนั้น ตนไปร่วมงานไหว้ครูที่ จ.ชัยภูมิ เพราะตนเป็นคนชัยภูมิ ภายในงานจะมีร่างทรงและคนทรงมาร่วมงาน ขณะนั้นตนได้เห็นนางสมฤดีภายในงาน ซึ่งเธอสามารถพ่นไฟได้ ตนจึงขอให้นางสมฤดี ดูเรื่องการปฏิบัติกรรมฐานให้ และสามารถแนะตนว่าต้องทำอย่างไร จึงได้ขอเบอร์โทรศัทพ์ติดต่อไว้ กระทั่งตนเข้ามาปฎิบัติธรรมที่ถ้ำคลัง ปรากฎว่าระหว่างพูดคุยกันทางโทรศัพท์ นางสมฤดี สามารถมองเห็นถ้ำคลัง และรู้ว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และหากเคลียร์ธุระเสร็จสิ้นก็จะรีบเดินทางมาที่ถ้ำคลัง
ภาพจำลองพิกัดทางขึ้นเขา
ทั้งนี้ก่อนที่นางสมฤดีจะเดินขึ้นไปบนเขา ได้หักหินงอกหินย้อยภายในถ้ำคลังติดตัวไปด้วย โดยในระหว่างที่พระชัตชวาลย์ เดินตามหลังนางสมฤดี พยายามรักษาระยะห่างราว ๆ 10 เมตร ไม่ให้เข้าใกล้มาก อีกทั้งขาทั้งสองข้างของพระชัตชวาลย์เคยหักมาก่อน จึงเดินได้ไม่รวดเร็วเท่าไหร่นัก ด้านนางสมฤดี ทำท่าทางคล้ายกับกำลังมองหาบางอย่างและพูดคุยกับใครก็ไม่ทราบ โดยพระชัตชวาลย์ ยืนยันว่า ไม่ทราบเช่นกันนางสมฤดีคิดอะไรอยู่ จึงพยายามถามว่ามองหาอะไร ได้รับคำตอบว่า “ตรงนี้ไม่ใช่ ตรงนั้นไม่ใช่” พร้อมกับปีนป่ายขึ้นไปบนภูเขาอย่างไม่ลดละ
ลำดับเวลาก่อนร่างทรงเสียชีวิต
ลำดับเวลาก่อนร่างทรงเสียชีวิต
ลำดับเวลาก่อนร่างทรงเสียชีวิต
กระทั่งเดินไปถึงจุดสุดท้ายที่นางสมฤดี พลัดตกลงไปก้นเหวลึก พระชัตชวาลย์ อ้างว่าไม่ทราบตรงจุดนั้นเป็นหน้าผาตัดมีเหวลึก แต่ก่อนที่นางสมฤดีจะพลัดตกลงไปได้พูดว่า “หลวงพี่ ต้นไม้ต้นนี้กกชี้ตาย ปลายชี้เป็นนะ” ทำให้พระชัตชวาลย์ สงสัยว่าเป็นอย่างไร จึงพยายามไต่เถาวัลย์ปีนป่ายตามไปดู และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เงยหน้าปรากฏว่าไม่เห็นนางสมฤดี แล้ว แต่กลับพบว่าข้างหน้าเป็นหน้าผาตัด พร้อมกับได้ยินเสียงคล้ายดังตุ๊บเหมือนของหล่น และเห็นร่างนางสมฤดีอยู่ด้านล่าง
ภาพจำลองเหตุการณ์
ทั้งนี้ด้วยความตกใจ พระชัตชวาลย์ จึงพยายามไต่ลงไปเพื่อที่จะช่วยนางสมฤดี เนื่องจากสังเกตเห็นขาของนางสมฤดี ยังกระดิกอยู่ และใช้เวลากว่า 10 นาทีไต่ลงมาด้านล่าง จึงนำกระเป๋าเป้ของนางสมฤดี รองที่ศีรษะของเจ้าตัวไว้ จากนั้นพระชัตชวาลย์ จึงรีบปีนขึ้นมาและรีบเดินลงจากภูเขากว่า 1 ชม. เพื่อมาแจ้งให้แม่ชีละแวง ได้รับทราบ
อนุพงษ์ บุญมาก กู้ภัยอ่าวลึกวิลล่า จ.กระบี่
อย่างไรก็ตามทีมข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายอนุพงษ์ บุญมาก กู้ภัยอ่าวลึกวิลล่า จ.กระบี่ ระบุว่า การลงไปเก็บศพค่อนข้างลำบาก แม้จะมีเชือกโรยตัวและสามารถมองเห็นศพผู้เสียชีวิตนอนอยู่ในเหวลึกก็ตาม แต่ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาที กว่าจะลงไปถึงก้นเหวอย่างทุลักทุเลและลำบาก ซึ่งศพนอนแน่นิ่งและมีกระเป๋าเป้วางอยู่ใกล้ ๆ มือ ดังนั้นการลงไปก้นเหวตัวเปล่าเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
น้องชายและน้องสะใภ้ผู้เสียชีวิต
นายโสรัตน์ เทพจันทร์ น้องชายผู้เสียชีวิต และนางบานเย็น เทพจันทร์ น้องสะใภ้ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนสงสัยหลายจุดว่าไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุลื่นตกเขา เนื่องจากมีข้อพิรุธหลายประการ ได้แก่ 1.ถ้าลื่นตกเขา ขาต้องเป็นรอย แต่ศพไม่มีร่องรอยของแผล 2.มีรอยเขียวช้ำที่ตา คล้ายถูกต่อย ถ้าตกเขาตากระแทกหิน ตาจะต้องแตกหรือบอด เพราะเหวลึกราว 40 เมตร 3.ถ้าลื่นตกเขาเอาหน้าลง ศพต้องนอนคว่ำ แต่สภาพศพนอนหงาย 4.ผู้เสียชีวิตบอกแม่ไว้ว่าจะออกไปปฏิบัติธรรมคนเดียว แต่ตำรวจสืบสวนพบว่ามีลูกสิทธิ์ของร่างทรงรายหนึ่งมารับที่ บขส. จากนั้นพาไปขึ้นเขาถ้ำคลัง 5.ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ปิด ต้องมีคนพาขึ้นไปบนเขา 6.พระที่อยู่บนเขาอ้างว่าเทพเข้าร่างผู้เสียชีวิต และเดินตกเขาไปเอง แต่ความจริงถ้าเทพเข้าร่างจะเดินไม่มีแรง เพราะปู่ฤๅษีนาคราชแก่แล้ว และ 7.เงินในบัญชีหลักล้านถูกถอนออกไปผิดปกติ
ข้อพิรุธการเสียชีวิต
ข้อพิรุธการเสียชีวิต
นายโสรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าการเสียชีวิตต้องมีคนทำ ไม่ใช่เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเทพจะต้องช่วยคน ไม่ใช่ทำให้คนตาย นอกจากนี้นางสมฤดี เล่นแชร์กับเพื่อน ๆ ร่างทรง แล้วแชร์ล่ม ทำให้เพื่อนร่างทรงหลายคนเป็นหนี้แชร์รวมกว่า 300,000 บาท ผู้เสียชีวิตก็ทวงหนี้มาตลอดแต่ยังไม่ได้เงิน ทั้งนี้เมื่อก่อนผู้เสียชีวิตเป็นคนมีเงิน เงินเก็บ 2-3 ล้านบาท มีรถยนต์ 4 คัน (รถเก๋ง 1 คัน รถกระบะ 3 คัน) หลังจากนั้นเงินเริ่มไม่เหลือ ไม่ได้รับงานทำพิธีเกี่ยวกับร่างทรง ขาดรายได้ ต้องนำรถมาขายให้ตนทั้งหมด

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ