แม่มือปืน วอนลูกมอบตัว ช่วยไขคดี เสี่ยต้นดับปริศนา

14 มิ.ย. 67

 

แม่มือปืน ฝากถึงลูกชาย ขอให้มอบตัว คดีเสี่ยต้นพูดความจริง โทษหนักจะได้เป็นเบา ยอมรับกังวลกลัวจะเป็นอันตราย ไม่คิดมาก่อนว่าลูกจะไปเป็นมือปืนรับจ้าง 

จากกรณีการเสียชีวิตของนาย พิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ภายหลังกลับไปหา น.ส.วรรณิภา หรือ เจ๊มด ภรรยา ที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม 

กระทั่ง น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ เจ น้องสาวของ เสี่ยต้น เข้าปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เนื่องจากสงสัยการตายมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ จึงได้เดินหน้าร้องขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการเสียชีวิตของพี่ชาย 

จนในที่สุดตำรวจได้ออกหมายจับ น.ส.วรรณิภา หรือ เจ๊มด พร้อมกับพรรคพวกในข้อหาจ้างวานฆ่าในพื้นที่ สน.วังทองหลาง ส่วนการตายของเสี่ยต้นใน จ.มหาสารคามนั้น ตำรวจเชื่อว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงมัดตัวกลุ่มคนร้ายได้แน่นอน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

ต่อมาวันที่ 14 มิ.ย. 67 ทีมข่าวได้ไปพูดคุยกับแม่ของนาย ณัฐพล ศิริโนนรัง หรือ ท็อป อายุ 25 ปี มือปืนคดีลอบยิง “เสี่ยต้น” บอกว่า ได้ติดต่อกับลูกชายครั้งสุดท้ายช่วงเดือน ก.พ. ซึ่งรู้ลูกชายจะกลับมาที่บ้านโนนอุดม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น จึงขับรถไปรับที่ บข.ส.ภูเวียง 

จากนั้นเมื่อขึ้นรถมา ลูกชายก็ถามว่า “แม่ผิดหวังกับหนูไหม ” เพราะก่อนหน้านี้ ลูกชายเคยพูดจารุนแรงกับแม่ ก็จึงรู้สึกผิด ซึ่งตัวเองก็เตือนสติลูกชายไป บอกว่าแม่ไม่โกรธลูก แต่ก็ให้ปรับปรุงตัว อย่าทำผิดซ้ำ หลังจากนั้นพอไปส่งลูกชายลงที่บ้าน ตัวเองก็บอกให้ลูกกินยาแล้วพักผ่อน เนื่องจากลูกอ้างว่าป่วยเป็นมะเร็งปอด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือไม่ แต่ก็มีคนเคยเห็นนายท็อป อ้วกเป็นเลือด 

แม่ของนายท็อป กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตัวเองไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุยกับลูกชาย และอย่างมากก็จะเจอกันปีละ 1 - 2 ครั้งเท่านั้น แต่ก็จะคอยสอบถามความเคลื่อนไหวผ่านพ่อของตัวเอง ซึ่งเป็นตาของนายท็อป ก็จะทราบว่า ลูกชายไปทำงานเป็นช่างก่อสร้างที่กรุงเทพฯ แต่ไปได้สักระยะก็จะกลับมา ลักษณะเหมือนทำงานค่อยไม่ทน ส่วนพอกลับมาบ้าน ลูกชายก็จะไม่ค่อยมีเงินตลอด บางครั้งก็จะขอเงินตัวเองและขอเงินตากับยายใช้ 

ส่วนตัวไม่คิดมาก่อนว่าการที่ลูกชายบอกจะไปทำงานที่กรุงเทพฯ จะเป็นงานมือปืนรับจ้าง พอได้เห็นจากข่าว ก็ถึงกับช็อกจนกินข้าวแทบไม่ได้ และตอนแรกไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมา ลูกชายไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ สมัยเรียนก็เป็นเด็กเรียนดี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร แต่ก็เข้าใจว่าเลี้ยงลูกได้แค่ตัวเท่านั้น เพราะเขาโตแล้ว เขาจะคิดทำอะไรไม่มีใครรู้ ส่วนสาเหตุที่ลูกชายรับงานนี้ ก็เชื่อว่า เพราะอยากมีเงินมาเลี้ยงดูลูกของเขา เนื่องจากว่าเขารักลูกมาก 

วันที่ลูกชายเดินทางออกจาก อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ไปพร้อมกับลูกสาวของเขานั้น ไม่มีใครเห็นว่าเดินทางไปด้วยวิธีใด เนื่องจากได้อาศัยจังหวะที่ไม่มีคนอยู่บ้าน แต่ก็เชื่อว่า หากไม่มีข้อมูลการเดินทางด้วยรถโดยสาร ก็น่าจะมีคนมารับ ไปส่งที่จุดหมาย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ ที่จะหลบหนีไปอยู่กับเมียชาวพม่า ท้้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่า เลิกกับเมียแล้ว ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเลิกกันจริงหรือไม่ 

ตอนนี้เป็นห่วงลูกชายและหลานวัย 1 ขวบเศษมาก จึงขอฝากผ่านทาง “อมรินทร์ทีวี”ไปถึงลูกชายว่า ขอให้เข้ามอบตัวและพูดความจริง โทษหนักจะได้เป็นเบา เพราะส่วนตัวก็ยังเชื่อว่าลูกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาเสี่ยต้น แล้วถ้าหากลูกชายจะมอบตัวก็ขอให้ติดต่อตัวเองมาได้เลย อยู่ตรงไหนแม่ก็จะไปรับ และในส่วนของหลาน แม่ก็จะเอามาเลี้ยงดูเอง เพราะเมื่อวานนี้ที่เห็นภาพจากข่าวลูกชายอุ้มหลานเดินผ่านชายแดน ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดมาก

ทั้งนี้หลังพูดคุยกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี แม่ของนายท็อป ได้ลองโทรศัพท์หาลูกชาย ตามเบอร์สุดท้ายที่ลูกชายเคยใช้โทรเข้ามาหา แต่ปรากฎว่าปิดเครื่อง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส