เปิดปมสลด! เฒ่าฆ่าน้องกะซวกพรุน เนียนหวังรอดคุกแต่เลือดมัดตัว (คลิป)

15 เม.ย. 67

ญาติเผยปมพี่ชายแท้ๆ ฆ่าน้องตัวเองเพราะทนไม่ไหว เนื่องจากเวลาเมามักจะถูกน้องชายกระทืบ คาดตัดสินใจเอามีดแทงข้างหลังขณะที่น้องชายนั่งดูทีวี

จากกรณี สภ.เวียงต้า อ.ลอง จ.แพร่ รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ ต.เวียงต้า อ.ลอง จ.แพร่ จึงประสานหน่วยกู้ชีพเทศบาลเวียงต้าชุดสืบ สภ.เวียงต้า และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.แพร่ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ภายในตัวบ้านพบแคร่ไม้ไผ่วางอยู่ ปูเสื่อบนแคร่และผ้าห่มวางอยู่ใต้แคร่ไม้ไผ่ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายทราบชื่อคือ นายนคร (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปีเป็นเจ้าของบ้าน นอนหงายจมกองเลือดพร้อมผ้าห่ม สวมเสื้อกล้ามสีเขียวอ่อน กางเกงยีนส์ ลักษณะเอามือวางรองศรีษะไว้ งอเข่าทั้ง 2 ข้าง มีบาดแผลที่บริเวณศรีษะ 9 แห่ง

830338

ปลายเท้าพบค้อน 1 อัน และมีด 2 ด้าม มีรอยคราบเลือดที่บริเวณแคร่ คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8-10 ชั่วโมง ตรวจสอบโดยรอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใด ทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่กัน 2 คนคือผู้เสียชีวิต และพี่ชายคือ นายผัด (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ผู้ก่อเหตุ

310574

นางกันหา ธิราช อายุ 70 ปี อาของผู้ก่อเหตุและเสียชีวิต เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าทั้ง 2 คน เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่พ่อแม่ของทั้งคู่นั้นเสียชีวิตไปหมดแล้ว จึงอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วยกัน 2 คน ที่ผ่านมาทั้งคู่นั้นติดเหล้าอย่างหนักทั้งพี่ทั้งน้อง เรียกว่าอาบแทนดื่ม เวลาเมา นายนคร น้องชาย มักจะมีเรื่องกับ นายผัด พี่ชาย เป็นประจำ ก่อเรื่องชกต่อยกัน จนเธอต้องเข้ามาห้ามมวยอยู่บ่อยครั้ง

แต่ที่ผ่านมาไม่เคยจะฆ่าแกงกันแบบนี้ ในคืนที่เกิดเหตุ 12 เม.ย.67 ช่วงหัวค่ำ นายผัด ผู้ก่อเหตุ ได้ดื่มสุราจนเมา หลังจากนั้นได้เดินทางกลับไปที่บ้านพักที่เกิดเหตุ เห็น นายนคร น้องชาย นั่งเมาดูทีวีอยู่จึงหยิบมีดมาแทงเข้าหลังของน้องชาย 9 แผล หลังจากนั้นได้ใช้ค้อนทุบซ้ำ

957576

จากนั้นจึงลากศพน้องชายมาไว้บนพื้น แล้วเอาหมอนมาหนุนศีรีษะ เอาผ้ามาห่มให้ หลังจากนั้นนายผัดก็ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วถอดกางเกงจนเหลือแต่เสื้อยืดและกางเกงใน แล้วออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 13 เม.ย.67 นายผัด ก็กลับไปที่บ้านที่เกิดเหตุ ทำทีเป็นเจอศพของน้องตัวเอง แล้วไปเรียกชาวบ้านให้มาดูศพ

732018

หลังจากนั้น ก็นั่งหน้าตาเฉยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้เพราะพบคราบเลือดของนายนครผู้ตายที่บริเวณแขนของนายผัดผู้ก่อเหตุ 

859706

ด้านนางสมนภา ถาหล้า อายุ 39 ปี หลานของผู้ก่อเหตุและผู้ตาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันที่เกิดเหตุช่วงหัวค่ำนายผัดผู้ก่อเหตุ นั่งดื่มเหล้าหมักอยู่ที่บ้านของเธอ หลังจากนั้นเธอได้เดินไปบอกว่าเมาแล้วต้องรู้ตัวเองให้กลับไปนอนที่บ้าน ส่วนตัวนายนครผู้ตายนั้นนั่งดูทีวีอยู่บ้านพัก เมื่อนายผัดกลับมาที่บ้าน เห็นน้องชายนั่งดูทีวีอยู่ช่วยโอกาสที่น้องชายเผลอใช้อาวุธมีดแทงเข้าจากด้านหลัง 9 ครั้ง แล้วใช้ค้อนทุบซ้ำจนเสียชีวิต

จากนั้นจึงลากศพน้องชายไปนอนบนพื้นเอาหมอนมาหนุนให้แล้วเอาผ้าห่มมาห่ม ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นแต่มีลักษณะแปลกไปจากเดิมคือนายผัดไม่เปิดไฟที่บ้าน เพราะปกติหลังจากกลับมาถึงบ้านจะเปิดไฟทิ้งเอาไว้ตลอด หลังจากก่อเหตุเสร็จก็ออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะช่วงเช้าของวันต่อมานายผัดได้เดินไปบอกชาวบ้านว่าเจอศพน้องชายอยู่ที่บ้านพักและทำที เหมือนว่าตนเองนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตุเห็นเลือดติดอยู่ที่แขนของนายผัดจึงนำตัวไปสอบปากคำจนรับสภาพในที่สุด สาเหตุก็มาจากความเก็บกดที่นายผัดทนไม่ไหวเพราะที่ผ่านมาเวลาเมามักจะโดนน้องชายกระทืบ ส่วนตัวรู้สึกว่านายผัดเป็นคนเลือดเย็นฆ่าน้องชายแท้ๆ แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทางครอบครัวจะไม่ประกันตัวออกมาให้ติดคุกและโดนดำเนินคดีตามกฎหมาย

286252

 

ขณะที่ นายลิง ยอดคำ อายุ 49 ปี น้องชายของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมานายผัดพี่ชายของตนนั้น เคยมีปากเสียงกับพ่อ แล้วใช้เอามุดมีดแทงหลังพ่อมาแล้ว แต่ตอนนั้นพ่อไม่ได้เป็นอะไรมาก และตัวพ่อเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความนายผัดจึงรอดคุกมาในตอนนั้น

หลังจากนั้น 7-8 เดือน พ่อก็ได้เสียชีวิตลง เนื่องจากสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ส่วนปมล่าสุดที่นายผัดใช้อาวุธมีดแทงนายนคร จนเสียชีวิต เป็นเพราะทั้งคู่มักจะดื่มสุราจนเมาแล้วมีเรื่องกันเป็นประจำ และนายผัดมักจะเป็นฝ่ายถูกทำร้ายร่างกาย ทำให้นายผัดทนไม่ไหวตัดสินใจใช้อาวุธมีดแทงนายนครจนเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งตนก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพราะอาศัยอยู่บ้านคนละหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนอโหสิกรรมให้พี่ชายและให้พี่ชายไปชดใช้กรรมในคุก

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส