จับพ่อโหดฆ่าลูก 10 ขวบ หมกรีสอร์ตแล้ว พร้อมเปิดปากสาเหตุลงมือ

11 เม.ย. 67

จับได้แล้วพ่อโหดใช้มีดปาดข้อมื้อลูกสาววัย 10 ขวบ ทิ้งศพคาห้องนอนรีสอร์ต กลางเมืองอุตรดิตถ์ รับสารภาพสิ้นทำจริง พร้อมเปิดปากถึงสาเหตุที่ลงมือ บอกคิดหาทางฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ใจไม่ถึงเพราะ “กลัวตาย”

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) วัย 10 ขวบ เสียชีวิตอยู่ในห้องพักโรงแรมรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมือง จ.อุตรดิตถ์ สภาพศพที่บริเวณข้อมือด้านซ้ายถูกของมีคมบาด 1 แผลมีเลือดไหลเปื้อนผ้าห่มสีขาวจำนวนมาก ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 1 คืบ วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงภายในห้องพักเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 - 12ชั่วโมง

เจ้าหน้าที่พบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และผลการสอบปากคำพนักงานให้การว่า ช่วงเวลาประมาณเวลา 22.30 น. ของ คืนวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา นายสิทธานันท์ อายุ 25 ปี ชาวบ้านยางกะไดใต้ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มาเปิดห้องพักที่โรงแรมโดยมาพร้อมกับเด็กหญิงเอ วัย10ขวบ(ผู้เสียชีวิต) จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น 9เมษายน เวลาประมาณ 10.00 น. นายสิทธานันท์ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงแรมไปคนเดียวและทราบภายหลังว่าทั้ง2คนเป็นพ่อลูกกัน

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานถึงการเสียชีวิตของเด็กหญิงเอ ครั้งนี้ว่าเกิดจากผู้เป็นพ่อลงมือฆ่าลูกสาวตัวเอง และทิ้งร่างลูกสาวเอาไว้ที่ห้องพักในโรงแรมรีสอร์ทดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบเพราะอะไร
ทาง พ.ต.อ.ไกรสิทธิ พรหมปฏิมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันปรามปรามอาชญากรรมและเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์เร่งออกสืบสวนหาข้อมูลติดตามเอาตัวนายสิทธานันท์มาทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กหญิงเอ ผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุครั้งนี้

ขณะเดียวกันพ.ต.ท.พีรพล จำนงจิตร สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ ได้ขอให้ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ออกหมายจับนายสิทธานันท์หรือ อนุสรณ์ หรือ บาส ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่น” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 กรณีมีหลักฐานตามสมควรว่านายสิทธานันท์ ได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาซึ่งมีโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี, ได้หรือน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า“จะหลบหนี”ซึ่งศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายสิทธานันท์หรืออนุสรณ์หรือบาสในเวลาต่อมา

ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ “นายบาส” พื้นที่รอยต่อระหว่างตำบลด่านนาขามอำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ กับตำบลห้วยไร่อำเภอเด่นชัยจังหวัดแพร่ เพียงไม่กี่ชั่วโมงสัญญาณก็ขาดหายไปบริเวณปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลด่านนาขาม ในช่วงบ่าย

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรท่าปลาได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบชายแปลกหน้าใบหน้าคล้ายกับคนร้ายที่ออกสื่อทางออนไลน์และสถานีโทรทัศน์ ขับขี่รถจักรยานยนต์ลักษณะและสีเดียวกันกำลังขับขี่อยู่บริเวณหน้าร้านขายวัสดุก่อสร้างพื้นที่ หมู่ 1ตำบลท่าปลา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ต.อ.ลิขิตพงศ์ศรี นารางผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าปลา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบภูธรท่าปลาเข้าตรวจสอบพบเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงนำตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรท่าปลา จากนั้นนำตัว “นายบาส” พร้อมรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุส่งมอบให้กับ พ.ต.อ.ไกรสิทธิ พรหมปฏิมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ เจ้าของพื้นที่เพื่อทำการสอบสวนเอาดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมายต่อไปโดยใช้เวลาในการไล่ล่าและตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้เพียง 31 ชั่วโมง นับตั้งแต่ที่พบศพเด็กหญิงเอ ในช่วงเวลา 13.30 น. ของวันที่ 9 เมษายน 2567 ที่ห้องพักโรงแรมสีสอร์ทพื้นที่เมืองอุตรดิตถ์

เจ้าหน้าที่ร่วมสอบสวนผู้ต้องหานานกว่า 4 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ โดยสอบสวนถึงประวัติส่วนตัวประวัติครอบครัว ฐานะการเงินและหนี้สินรวมถึงมูลเหตุผลที่ต้องปลิดชีวิตลูกตนเองในครั้งนี้ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าฆ่าลูกตัวเองจริง เหตุเพราะเครียดเรื่องหนี้สินเรื่องปัญหาครอบครัว และเรื่องอาการป่วยโรคซึมเศร้า ส่วนรายละเอียดเชิงลึกอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการสอบสวนปากคำนายสิทธานันท์ ผู้ต้องหาฆ่าลูกสาววัย 10 ขวบ ของตัวเองแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปไว้ที่ห้องขังสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อทำประวัติพร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือก่อนทำการควบคุมตัวอยู่ภายในห้องขังโดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเฝ้าอยู่เป็นเพื่อนตลอดทั้งคืน เนื่องจากหวั่นเจ้าตัวคิดฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดในคดีนี้จนกว่าจะนำตัวไปส่งมอบให้กับศาลจังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งกล่าวเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าฆ่าเด็กหญิงเอ ลูกสาววัย 10 ขวบ ด้วยตัวเองเนื่องจากเครียดจากปัญหาหนี้สินปัญหาส่วนตัวและปัญหาครอบครัวประกอบกับป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เป็นห่วงลูกและห่วงคนที่บ้านต้องมาดูแลรับผิดชอบจึงคิดอยากจบชีวิตตัวเองและลูก โดยหลอกล่อพาลูกสาวไปดูหนังพาไปกินข้าวและพาไปเที่ยวจนเหนื่อยแล้วจึงเปิดห้องพักโรงแรมรีสอร์ทโดยเตรียมมีดสั้นยาวขนาด 1 คืบเอาไว้

เมื่อลูกล้มตัวนอนด้วยความเหนื่อยจึงนำหมอนมากดทับที่ใบหน้าจนลูกหมดสติไป จากนั้นนำมีดที่เตรียมเอาไว้ปาดที่ข้อแขนมือข้างซ้ายแล้วนำผ้าห่มของโรงแรมรีสอร์ทมาห่มทับร่างเอาไว้

จนกระทั่งตอนเช้า จึงขี่รถจักรยายนต์ออกจากที่พักไปตามท้องถนนมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ตำบลด่านนาขาม คิดอยากฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ทำไม่ลงหรือใจไม่ถึงเพราะ “กลัวตาย” ด้วยความเครียดจึงได้ขว้างโทรศัพท์ทิ้งไว้ในป่าข้างใกล้กับปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ติดถนนสายเอเชียอุตรดิตถ์-เด่นชัยจากนั้นขี่มอเตอร์ไซด์ไปเรื่อยมาถึงพื้นที่อำเภอท่าปลาช่วงค่ำ หาพื้นที่จอดรถแล้วปีนต้นไม้เพื่อกระโดดลงมาหวังจบชีวิตตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะต้นไม้เตี้ยแค่ตัว ถลอกกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจท่าปลามาจับกุมตัวไปในที่สุด

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส