จับแล้ว ครูไอซ์ หลังบุกอนาจารลูกศิษย์10 ขวบถึงบ้าน 2 ครั้งขณะที่ เจ้าตัว พูดเพียงสั้นๆ กับผู้ปกครองว่า ขอโทษ และจะขอรับผิดชอบเอง
จากกรณี นางโสม (นามสมมติ) อายุ 60 ปี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า นายอิศรา หรือ ครูไอซ์ ซึ่งเป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ และเป็นครูประจำชั้น ป.4 ของ ด.ญ.โบว์ (นามสมมติ) หลานสาววัย 10 ขวบ โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ ต.ดงขุย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์
ก่อเหตุอนาจารหอมแก้ม และจับหน้าอก ด.ญ.โบว์ โดยที่ ด.ญ.โบว์ ถูก ครูไอซ์กระทำอนาจารมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกก่อเหตุเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 67และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 67 ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ห้องน้ำภายในบ้านของเด็กนักเรียนเอง
ล่าสุดวันที่ 6 เม.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังโป่งได้นำหมายจับจากศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ไปทำการจับกุมตัว ครูไอซ์ ผู้ต้องหาได้ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก และควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.วังโป่ง ในข้อหา "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยเด็กอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรค 2 วรรค 3
และ "ปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร"ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรค1 วรรค 3
โดยผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถาม ครูไอซ์ว่าได้ก่อเหตุอนาจารลูกศิษย์จริงหรือไม่ เจ้าตัวพูดเพียงสั้นๆ ว่า ขอโทษกับทางผู้ปกครองและจะขอรับผิดชอบเอง
พ.ต.อ.ประมุข ปิ่นปลื้ม ผกก.สภ.วังโป่ง เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวออกไปว่ามีการกระทำอนาจารเด็กในพื้นที่ สภ.วังโป่ง และ สภ.ดงขุย ซึ่งทางญาติได้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ และญาติเองก็ได้ติดใจเรื่องผลการดำเนินคดี ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการขอหมายจับไปเมื่อในวันที่ 5 เม.ย. โดยทางตำรวจขอยืนยันว่าไม่ได้ทำการล่าช้า แต่เป็นเพราะกระบวนการ เนื่องจากผู้เสียหายเป็นเยาวชนจึงต้องมีการสอบร่วมกับทางสหวิชาชีพ ขณะที่ตัวยายของเด็กเองก็ยังติดใจเรื่องของการดำเนินคดีความผิดฐานความผิดอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องรอพยานหลักฐานหรือผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ในการยืนยัน
การดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษจะถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ มีการไปดูที่เกิดเหตุ และส่งน้องไปตรวจที่โรงพยาบาล ในส่วนของ สภ.ดงขุยทางเราก็ได้ประสาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งจะต้องรอผลและการประสานจากทางเจ้าที่ในการสอบสหวิชาชีพ ทางตำรวจยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งหรือไม่ได้ล่าช้าแต่อย่างใด ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์เองก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับคดีนี้เช่นกัน
