ผู้นำฝ่ายค้าน เปิดฉากเวทีซักฟอก ร่ายยาวฉะนายกฯ ไร้วุฒิภาวะ ขาดภาวะผู้นำ

3 เม.ย. 67

ผู้นำฝ่ายค้าน เปิดฉากเวทีซักฟอก ร่ายยาวฉะนายกฯ ไร้วุฒิภาวะ ขาดภาวะผู้นำ ประชาชนหมดหวังรัฐบาลใหม่ ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 เม.ย. 67 ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 

โดยก่อนเริ่มการประชุมสภาฯนั้น วิปทั้งสองฝ่ายได้รายงานผลการปรึกษาหารือเรื่องการปรับเปลี่ยนเวลาการประชุมสภาฯ 2 วัน ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย. 67 โดยมีการแบ่งเป็นเวลาการอภิปราย ดังนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง ส่วนเวลา ครม. ชี้แจงนั้นไม่ได้กำหนดระยะเวลา ให้ประธานในที่ประชุมฯใช้ดุลยพินิจเห็นตามสมควร 

จากนั้นนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงญัตติเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปฯ ตอนหนึ่งว่า ครม.บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่ไม่ได้ดำเนินการ หรือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายของตนที่ได้ให้ไว้ต่อรัฐสภา ขาดประสิทธิภาพ หรือความชัดเจน ยังไม่มีการขับเคลื่อนนโยบาย หรือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริงการ ดำเนินการของรัฐบาลตามนโยบายเร่งด่วนที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงานของประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพโปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ล้วนขาดยุทธศาสตร์และการปฎิบัติที่ตรงกับเป้าหมาย 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีและ ครม.มีพฤติกรรมที่ทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศ รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเอารัดเอาเปรียบประชาชน ระบบราชการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือเกิดการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายแทนที่จะเร่งฟื้นฟูหลักนิติธรรม หลักนิติรัฐกับเกิดการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมทำลาย หลักนิติรัฐกับเกิดการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมทำลายหลักความเสมอภาคเท่าเทียมทางกฏหมายและการเมือง ไม่จริงใจต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การลดความเหลื่อมล้ำการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานการปฏิรูปกองทัพการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองปัญหา การศึกษาและปัญหาสิ่งแวดล้อม การดำเนินการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และความเดือดร้อนของประชาชนมีความผิดพลาด ไร้ความสามารถในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน การดำเนินการนโยบายต่างประเทศยังไม่สามารถฟื้นฟูบทบาทสำคัญของประเทศไทยในเวทีโลกได้ 

หากปล่อยปละละเลยให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินอย่างไรประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้เป้าหมาย ไร้จริยธรรม และไร้วุฒิภาวะต่อไป จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมตามที่ประชาชนคาดหวังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา 

นายชัยธวัช กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่กล่าวถึงทั้งหมดนี้จึงมีความจำเป็นที่ สส.จะได้นำเสนอสภาพปัญหา ข้อเสนอแนะและซักถามข้อเท็จจริงต่อ ครม.ในเรื่องดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการดำเนินนโยบายและแก้ไขปัญหาของประชาชน 

หลังการเลือกตั้งประชาชนคาดหวังว่าจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต่างไปจากผู้นำหลังการรัฐประหาร แต่เวลาผ่านไปเรากลับพบว่า เราได้นายกรัฐมนตรีที่ไร้วุฒิภาวะไปอีกแบบ หลายครั้งท่านก็ยังสับสนว่าท่านเป็นใคร มีอำนาจทำอะไรได้บ้าง ขาดภาวะผู้นำในการที่จะสร้างความเชื่อมั่น และความชัดเจนในทิศทางของรัฐบาล อีกทั้งยังมีวิธีคิดในการจัดตั้งรัฐมนตรีแบบเดิมๆ ที่จัดสรรกันตามโควต้า เป็นสมบัติผลัดกันชมแทนที่จะสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมในการเข้ามาบริหารกระทรวงต่างๆ เห็นคณะมนตรีแล้วประชาชนสิ้นหวัง 

เมื่อรัฐบาลชุดนี้ได้บริหารประเทศมากกว่าครึ่งปีแล้วประชาชนก็คาดหวังที่จะได้เห็นนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจปากท้องดีขึ้น แต่รัฐบาลดำเนินนโยบายที่สับสน นโยบายเรือธงของรัฐบาลขาดยุทธศาสตร์ และแนวทางที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม และตรงเป้าหมาย แทนที่ประชาชนจะได้เห็นการบริหารราชการแผ่นดินที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปากอย่างเสมอภาคเท่าเทียมเป็นธรรม เรากลับเห็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาด หรือเอื้อประโยชน์ต่อทุนใหญ่เต็มไปหมด หลายนโยบายแอบอ้างประชาชนบังหน้า แต่เบื้องหลังเนื้อในกับเต็มไปด้วยการฉ้อฉลเชิงนโยบาย เปิดทางให้รัฐมนตรีและพวกพ้องแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบอย่างน่าละอาย 

ประชาชนคาดหวังเห็นการปฏิรูปการเมือง และรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ผ่านไป 7 เดือนแล้วยังคงวกไปวนมา อีกทั้งกระบวนการนิติสงครามยังดำเนินการไม่ต่างจากหลังการรัฐประหาร สถานการณ์การปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่าง ยังไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องสิทธิเสรีภาพ พี่น้องประชาชนคาดหวังเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เรากลับพบวิกฤตศรัทธาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รวมถึงในระบบราชการยังเต็มไปด้วยระบบตั๋ว และส่วย กระบวนการยุติธรรมถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย 

ท่านไม่ต้องพูดว่าไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่ เพราะประชาชนต้องการอยู่ในระบบเดียวกัน ต้องการอยู่ในประเทศเดียวกันใน 1 ระบบที่พวกเราได้รับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเสมอภาคกัน ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน หลังการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ ประชาชนคาดหวังเห็นระบบการเมืองที่นำพาชาติและประชาชนเดินไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เราเจอสิ่งที่เราได้กลับกลายเป็นประชาธิปไตยแบบไหลย้อนกลับ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม