บิ๊กต่อ เผย ยังไม่เซ็นพักราชการ บิ๊กโจ๊ก ไม่หวั่นแฉเส้นเงิน ลั่นสตช.ไม่มีทางแตก

18 มี.ค. 67

บิ๊กต่อ ชี้ บิ๊กโจ๊ก ควรไปรับทราบข้อหา ยันยังไม่เซ็นพักราชการ ไม่หวั่นทนายเตรียมแฉเส้นเงิน ลั่นสตช.ไม่มีทางแตก มั่นใจคดีจบก่อนเกษียณฯ 

จากกรณีเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง นำหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. ไปส่งถึงหน้าบ้าน เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาในคดี ฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ ขณะที่เจ้าตัวติดภารกิอยู่ที่ จ.เชียงใหม่นั้น 

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 มี.ค. 67 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนในการออกหมายเรียก ซึ่งเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นคนรับผิดชอบ แต่ในทางพฤตินัยตนก็รับทราบแล้ว ส่วนเรื่องหนังสือที่จะมารายงานตนในฐานะผู้บังคับบัญชานั้นยังมาไม่ถึง คาดว่าน่าจะมาถึงวันนี้ จะต้องสั่งการอีกที เพราะตอนนี้ยังไม่มีการสั่งการอะไร 

อย่างไรก็ตามตนขอกลับไปดูหนังสือก่อน เพราะยังไม่เห็นหนังสือ เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศเมื่อช่วงเช้า และออกมางานในวันนี้เลย รวมถึงจะต้องเดินทางไปร่วมประชุม สว.ด้วย ยังไม่ได้กลับเข้าห้องทำงาน 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการดำเนินการทางวินัยนั้น ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ เพราะหนังสือที่รายงานมายังไม่มาถึงตน จะไปสั่งใครได้ในตอนนี้ พูดกันไปเอง ยังไม่มีสั่งการอะไรเลย ทั้งนี้ต้องรอความเห็นของสำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) ก่อน แล้วจะทราบว่าช่วงบ่ายตนจะสั่งการอย่างไร อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องแยกคดี ไม่นำไปรวมกับคดีก่อนหน้านี้ เพราะเป็นคนละคดี และคนละส่วนกัน 

เมื่อถามว่า ตามขั้นตอน หาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องคดีแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ต้องมารายงานตัวกับตน และอาจจะต้องสั่งพักราชการ ต้องตั้งชุดสืบข้อเท็จจริง เพราะต้องดำเนินการทางวินัยและอาญาไปพร้อมกัน 

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่าการออกหมายเรียกครั้งนี้มิชอบ เนื่องจากการสอบสวนมิชอบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนดำเนินการตามพยานหลักฐาน ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ หรือชี้แจงออกมา เป็นเรื่องที่โต้แย้งได้ ทั้งหมดอยู่ที่พยานหลักฐาน แต่ยังไม่ถึงขั้นนั้น ส่วนพยานหลักฐานก็ต้องขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม อัยการ ศาล ป.ป.ช.ก็ว่ากันอีกที มันยังไม่ถึงขั้นนั้น 

อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับหมายเรียกแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ต้องไปตามหมายเรียก เรากำลังคุยกันอยู่ว่าเราจะมีหมายเรียกอย่างไร 

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์โต้แย้งมาตลอดว่า คดีนี้เป็นคดีเดียวกันกับที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า มันแยกคดีกันอยู่ แต่ตนขอดูรายละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้คดีมันแยกกันอยู่ ซึ่งต้องไปดูที่พนักงานสอบสวน พยานหลักฐาน และต้นเรื่องอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้มันแยกคดีกันอยู่ ก็มีสิทธิ์โต้แย้ง ขอให้ทีมกฎหมายและทีมทำคดีได้คุยกันก่อน เพราตอนนี้แยกคดีกันอยู่ 

เมื่อถามว่า สรุปแล้ววันที่ 21 มี.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องไปรายงานตัวตามหมายเรียกหรือไม่ หรือสามารถไม่ไปก็ได้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ว่าจะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปสองครั้งตำรวจต้องออกหมายจับ ซึ่งทางพนักงานสอบสวน ตนก็จะกลับไปดูว่าจะสั่งตั้งหัวหน้าพนักงานสอบสวนหรือไม่ หรือส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวนของตำรวจนครบาลเป็นคนดำเนินการ ซึ่งตอนบ่ายจะทราบอีกครั้ง 

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า รองผบ.ตร. แต่ละคนไม่กล้าเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพราะแต่ละคนถือเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ในสมัยหน้า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การตั้งรอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน มันก็จะเป็นข้อครหาอีก เพราะรองผบ.ตร.ทุกคนถือเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. เขาก็เกรงว่าอาจจะกลายเป็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ตนก็นั่งคิด ซึ่งเรื่องนี้พนักงานสอบสวนดำเนินการตาม ป.วิอาญาได้ ไม่จำเป็นต้องตั้งพล.ต.อ. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน 

เมื่อถาม แล้วมันจะงามหรือไม่ ที่เอา พล.ต.ท. ไปสอบ พล.ต.อ.นั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า มันไม่ได้เกี่ยว พนักงานสอบสวนไม่จำเป็นต้องตั้ง พล.ต.ท.ด้วยซ้ำไป ส่งไปให้พนักงานสอบสวนของนครบาลดำเนินการก็ได้ตามป.วิอาญา มันไม่ได้ระบุไว้ว่าต้องให้ พล.ต.อ. หรือ พล.ต.ท. มาเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพราะเป็นเรื่องของการกระทำความผิด ไม่เช่นนั้นเวลาระดับอธิบดีทำผิดตนก็ต้องตั้ง พล.ต.อ.หรือ พล.ต.ท.ไปดำเนินการ มันก็ไม่ใช่ ซึ่งตามป.วิอาญาพนักงานสอบสวนสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้หมด 

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินทางไป จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ดูแลเรื่องงานความมั่นคง เมื่อนายกฯไป ก็เป็นหน้าที่ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปดูแลความปลอดภัยตามหน้าที่ของท่านอยู่แล้ว 

เมื่อถามถึงกรณีที่ ทีมทนายของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะแฉเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวโยงกับครอบครัวตำรวจ และนายตำรวจผู้ใหญ่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานก็ว่ากันไป ใครผิดเส้นทางการเงินมันชัดเจน ก็ว่ากันตามพยานหลักฐาน เพราะมันปั้นแต่งกันไม่ได้ ทุกอย่างมีที่มาที่ไปหมด และเป็นวิทยาศาสตร์ เส้นทางการเงินสามารถพิสูจน์ได้ หากถึงใคร คนนั้นก็ต้องรับสภาพ ถึงพี่ๆก็ต้องรับสภาพ ถึงใครในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องรับสภาพ ถ้าคุณชี้แจงไม่ได้ มันเป็นไปตามกระบวนการ 

เมื่อถามว่า แต่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่าจะถึงขั้น สตช.แตก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า “มันจะแตกยังไง พี่ถามว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไงก็ต้องดำรงคงอยู่ ทำไมต้องมานั่งโฟกัสกันเรื่องนี้ ใครผิดก็ทำตามพยานหลักฐานที่ผิด มีเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อนอีกตั้งเยอะ ทุกคนมาโฟกัสเรื่องนี้ พี่อยากเอาหัวไปดูแลพี่น้องประชาชน เช่นที่จ.ภูเก็ตมีเรื่อง พี่ก็ได้สั่งกาให้แจ้งข้อกล่าวหา และผู้การภูเก็ตจะแถลงข่าวว่าเราแจ้งข้อกล่าวหา 5 ข้อกล่าวหาและให้ตม.เพิกถอนวีซ่า” 

เมื่อถามว่า ยืนยันว่าไม่มีการกลั้นแกล้งใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของพยานหลักฐาน เป็นข้อต่อสู้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ต้องต่อสู้กันไป ตนไม่ได้ไปก้าวล่วงงานสอบสวนเลย เพราะเรื่องนี้เป็นคดีต่อเนื่องมาจากอดีต ผบ.ตร. ทุกอย่างไปตามพยานหลกัฐาน ไม่มีการกลั้นแกล้ง ถ้าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์บริสุทธิ์ก็บริสุทธิ์ 

เมื่อถามว่า ดูเหมือนเรื่องนี้จะยืดเยื้อ จะเสร็จก่อนผบ.ตร.เกษียณฯหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า “น่าจะเสร็จก่อน พี่อยากให้เสร็จก่อน ทำให้มันเรียบร้อย เพราะมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องทำ โดยเฉพาะเรื่องกำลังพลที่ขาดแคลน”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส