นายกฯ ลุยแก้ปัญหาหนี้สินเงินกู้บุคลากรภาครัฐ

15 มี.ค. 67

นายกฯลุยแก้ปัญหาหนี้สิน ข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ หลังเหลือใช้ไม่ต่ำกว่า 30 % ต่อเดือน ชี้ปัญหาหนี้สินข้าราชการเป็นสารตั้งต้นความหายนะประเทศ

 

15 มี.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับฟังแถลงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้แก่บุคลากรของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ นำโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะรองประธานกรรมการและคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย พร้อมตัวแทนจากหลายหน่วยงานอาทิ กองทัพบก กองทัพอากาศ ,กองทัพเรือ ,สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , คณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน , กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,ธนาคารออมสิน , ธนาคารกรุงไทย , สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ

สำหรับแนวทางการแก้หนี้เงินกู้ข้าราชการกว่า 3 ล้านคนทั่งปนะเทศนั้น จะทำให้ข้าราชการมีเงินเดือนเหลือไม่น้อยกว่า 30% ของเงินเดือน สำหรับแนวทางการแก้ไขหนี้สินข้าราชการ จะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สามารถให้ข้าราชการปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว

ยกตัวอย่างเช่น กองทัพบก การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สหกรณ์ฯ ร้อยละ 4.75 สอดคล้องกับความเสี่ยง เพราะสวัสดิการ (Payroll credit) ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสม เป็นธรรม ทุกภาคส่วน

เดิ สินเชื่อสวัสดิการไม่มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ย (ขสมก. ร้อยละ 11.5 / ตำรวจ ร้อยละ 7-8 / ครู ร้อยละ
5-7 เป็นต้น) การกำหนดอัดราดอกเบี้ยที่ยุดิธรรม สอดคล้องกับศักยภาพลูกหนี้จะชำระคืนได้ คือทางออกของการแก้ไขหนี้สินในระบบอย่างเป็นรูปธรรม และขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการ สหกรณ์ออมทรัพย์ทุกแห่ง ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 4.75 พร้อมกัน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ไทย แก่บุคลากรภาครัฐ

ยุติการหักหนี้ กยศ.ประชาชนและบุคลากรภาครัฐ จนกว่ากยศ.จะคำนวนยอดหนี้ตามกฎหมายใหม่แล้วเสร็จกฎหมาย (พ.ร.บ. กยศ.) ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 วันนี้เกือบครบ 1 ปีแล้ว ปรากฎยังมีการหักหนี้ที่ไม่เป็นคุณกับลูกหนี้อยู่ ประโยชน์จากกฎหมายฉบับใหม่ จะเป็นคุณต่อผู้กู้ 3.6 ล้านราย และผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านรายจะหลุดพ้นภาระ

ด้านนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังรับฟังการแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้แก่บุคลากรของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ว่าขอขอบคุณเกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้อง และชื่นชมในการตั้งใจทำงาน ส่วนตัวเชื่อว่า หลายคนอาจจะไม่ได้ประสบปัญหาเยอะแบบเดียวกับข้าราชการอีกหลายแสนคน ซึ่งข้าราชการเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติ แต่ยังมีหนี้สินชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ดอกเบี้ย ถือเป็นสารตั้งต้นหายนะของประเทศ ต้องขอใช้คำนี้เพราะไม่ใช่แค่เพียงมีเงินไม่พอ แต่หันไปพึ่งสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมายไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด เพื่อทำให้จิตใจดีขึ้นสบายใจขึ้นถือเป็นความเข้าใจผิด หรือไปทุจริตประพฤติมิชอบ เป็นสารตั้งต้นที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นการรวมตัวกันในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมาย ว่าไม่ต้องออกจากราชการ มีเงินใช้ 30% รวมถึงสินเชื่อพิเศษ ลดดอกเบี้ย ซึ่งตนเข้าใจว่าหลายหน่วยงานต้อง หวังเรื่องการปันผลหรือผลกำไร แม้ว่าแบงก์ชาติจะไม่ลดแต่หน่วยงานช่วยกันลด ก็ขอขอบคุณจากใจจริง และเชื่อว่าข้าราชการในหน่วยงานนั้นก็ขอบคุณเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่าเข้าใจว่าแต่ละหน่วยงานก็มีเป้าหมายของตัวเอง การที่ต้องเฉือนเนื้อเพื่อลดกำไร ถือเป็นเรื่องที่ดี และขอฝากข้อคิดว่าต้องการ ให้หน่วยงานสหกรณ์เข้ามาร่วมโครงการนี้ให้มากขึ้นและขอให้ทำงานหนักขึ้น เชื้อเชิญ ให้เข้ามาอยู่ในระบบให้มากขึ้นเพราะทุกวันนี้หนี้สินเหล่านี้ไม่ได้ลดลงไป แต่เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้มีขีดจำกัดในการทำงานพอสมควร เพราะเป็นผู้บริหารระดับสูงจึงจะต้องหาวิธีการการแก้ปัญหา จึงขอให้ทะเยอทะยานมากขึ้น พยายามช่วยเหลือประชาชนให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งก็เชื่อว่าผู้นำเหล่าทัพมีความใกล้ชิด และเข้าใจความลำบากของ ประชาชนอยู่แล้ว.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส