จ่าสุดงง ถูกสาว 15 มีพฤติกรรมแปลก แอบอ้างปลอมการ์ดแต่งงาน สั่งซื้อของออนไลน์รัวๆ แต่ไม่ยอมรับ ปลอมเฟซบุ๊กด่าคนไปทั่ว หลายคนสงสัยจะป่วยทางจิต
จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก “สถานีตำรวจภูธรกรับใหญ่” ได้โพสต์ภาพผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งและข้อความพูดคุยลักษณะสั่งซื้อสินค้าแต่ไม่ไปรับของ พร้อมลงข้อความเตือนภัยว่า
“หากบุคคลในภาพทักไปทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับใครโปรดระวัง พฤติกรรมคือทักข้อความไปทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าแม่ค้าในกลุ่มซื้อขาย และแอบอ้างเอาชื่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนสั่งของหรือแชทไปถามข้อมูลต่างๆ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรับใหญ่ ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ฝากเรียนพ่อแม่พี่น้องช่วยกันบอกต่อๆ กันด้วยครับ เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของกลุ่มคนมิจฉาชีพพวกนี้ ใครที่มีข้อมูลเพิ่มเติมสามารถส่งมาทาง inbox เพจสถานีตำรวจภูธรกรับใหญ่ได้ครับ #มิจฉาชีพ”
หลังจากที่ได้มีการแชร์ออกไป ชาวโซเซียลต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมแจ้งเบาะแสเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในเบาะแสมีภาพการ์ดแต่งงานสีชมพู ที่มีชื่อและนามสกุลของตำรวจนายหนึ่ง คือ ร.ต.อ.เสกสรร ธนาไชยภิวัฒน์ เป็นเจ้าบ่าว และมีชื่อของ น.ส.เอ (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 15 ปี เป็นเจ้าสาว นอกจากนี้ยังมีชื่อของนายภาณุวัฒน์ สะสมททรัพย์ ส.ส. จ.นครปฐม เป็นประธาน และมีชื่อของ ร.ต.อ.ศิวพล ศิวลัย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรับใหญ่ เป็นเจ้าภาพ
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยัง สภ.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกสาวในเฟซบุ๊กดังกล่าว กระทำในรูปแบบต่างๆ เดินทางเข้ามาแจ้งเบาะแสและร้องทุกข์กันเป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ จ.ส.อ.เสกสรร ธนาไชยภิวัฒน์ หรือ จ่าบิ๊ก เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์ สภ.กรับใหญ่ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนมียศ จ.ส.อ. ไม่ใช่ยศ ร.ต.อ. ดั่งในการ์ดแต่งงาน ไม่เคยทราบเรื่องการ์ดแต่งงานนี้มาก่อน และไม่เคยมีนิสัยไปกุ๊กกิ๊กกับใคร เพราะมีภรรยาและลูกแล้ว ส่วน น.ส.เอ ที่มีชื่อเป็นเจ้าสาว ก่อนหน้านี้เคยเข้ามาช่วยทำความสะอาดที่ สภ.กรับใหญ่ แต่ก็ไม่เคยโทรศัพท์พูดคุย หรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว
ก่อนที่จะมีเรื่องของการ์ดแต่งงานปรากฏขึ้น มีเพื่อนๆ และคนรู้จักหลายคนมาเล่าให้ตนฟังว่า น.ส.เอ เคยไปพูดคุยว่า ตนเป็นแฟนกับเขา และขอเขาแต่งงาน ซึ่งทุกคนที่รู้จักรวมถึงคนในตลาดห้วยกระบอกจะทราบดีว่า ตนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เมื่อหลายเดือนก่อน ตนเคยถูกนำเอาชื่อและเบอร์โทรศัพท์ไปแอบอ้างสั่งขนมเค้กกับร้านค้าออนไลน์แห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากวัตถุดิบไม่เพียงกับปริมาณของที่สั่ง ทางร้านจึงได้โทรศัพท์กลับมาสอบถาม จากการพูดคุยกับเจ้าของร้านจึงทำให้ทราบว่าเป็นใคร ซึ่งนอกจากตนแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ ที่โดนกระทำด้วย แต่ความหนักเบาไม่เท่ากัน อย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจรุ่นน้องคนหนึ่ง เคยโดนน้องเอทักข้อความไปหาแฟนสาวว่าตัวเองกำลังตั้งท้องอยู่กับตำรวจรุ่นน้องคนนี้
ทั้งนี้ สำหรับจุดประสงค์ของคนที่ทำการ์ดแต่งงานนี้ขึ้น เพื่อหวังเรื่องของเงินทอง หรือแค่ต้องการสร้างความปั่นป่วน หรืออาจจะต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้คนอื่นเชื่อถือหรือไม่ อันนี้ตนไม่ทราบ แต่ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกระทบกับความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่ก็ได้มีการพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว ซึ่งเบื้องต้นตนได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับกรณีการ์ดแต่งงานดังกล่าว
สำหรับเรื่องที่มีการอ้างว่าจะเปิดโปงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา น.ส.เอ ไปยังสถานที่ต่างๆ เรื่องดังกล่าวตนขอชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ ซึ่ง น.ส.เอ ได้เข้ามาแจ้งเบาะแส โดยอ้างว่าผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนกับพ่อ แล้วก็ได้เสนอตัวพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปซุ่มดู แต่หลังจากที่ไปเฝ้าดูก็ไม่มีอะไรตามที่กล่าวอ้าง
ด้าน น.ส.รวย (นามสมมติ) เจ้าของร้านขายเสื้อผ้า เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีเฟซบุ๊กปลอมทักเข้ามาป่วน และกล่าวหาว่าตนเป็นเมียน้อย ส่วนเขาเป็นเมียหลวง ซึ่งตนได้เล่าให้สามีที่เป็นตำรวจฟัง และพยายามสืบหาความจริงว่าใครเป็นผู้กระทำ จนกระทั่งน้องเอได้เข้ามาที่ร้าน แล้วจู่ๆ ก็พูดเรื่องที่ตนโดนคุกคาม ซึ่งตนไม่เคยบอกข้อมูลนี้กับใคร แต่น้องเอก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ตนเอง ก่อนจะหนีขึ้นรถจักรยานยนต์ออกไปกับเพื่อน หลังจากนั้นตนก็ถูกคนใช้เฟซบุ๊กปลอม กลั่นแกล้งด้วยการประกาศว่าทางร้านของตนเปิดรับสมัครงาน โดยจะมีเงินเดือน มีที่พัก และแจกเสื้อผ้าให้ฟรี ทำให้มีคนหลงเชื่อเดินทางมาสมัครงาน แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวังกลับไป เพราะโดนหลอก ซึ่งตนก็ได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.กรับใหญ่ ทั้งนี้ สาเหตุตนคาดว่า น้องเอน่าจะป่วย รวมถึงไม่มีใครคอยตักเตือน จึงทำให้ขาดความยั้งคิดและกระทำในสิ่งที่ผิด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นางซี แม่ของ น.ส.เอ ซึ่งได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า เรื่องสร้างเฟซบุ๊กปลอมป่วน และสั่งซื้อของจนร้านค้าได้รับความเสียหาย รวมไปถึงเรื่องการ์ดแต่งงานที่มีชื่อลูกสาวนั้น ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน และก็ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะแต่งงานจริง แต่จากการพูดคุยกับพี่สาว ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของน้องเอ ได้เล่าว่าน้องเอได้ติดต่อขอความช่วยเหลือ เพราะถูกปลอมเฟซบุ๊กไปหลอกคนอื่น รวมถึงการ์ดแต่งงาน ก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงวัยเด็ก ลูกสาวเป็นเด็กดีมีนิสัยที่น่ารัก แต่เนื่องจากแม่ได้แยกทางกับพ่อ เมื่อน้องอายุได้ประมาณ 8 ขวบ โดยลูกๆ 3 คน อยู่ในความดูแลของพ่อ โดยจะมีการโทรศัพท์พูดคุยกับลูกบ้าง ทำให้ตนไม่ค่อยรู้นิสัยใจคอปัจจุบันของน้องเอ ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด อาจเกิดจากที่ลูกสาวมีความคิดที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไป หรืออาจถูกตามใจมากเกินไป และไม่มีใครคอยตักเตือนเวลาที่ทำผิด ทั้งนี้ ตนอยากขอโทษทุกคนที่ลูกสาวทำอะไรไม่ดีลงไป ซึ่งตนไม่ได้เข้าข้างลูก ผิดก็ว่าไปตามผิด โดยส่วนตัวตนอยากพาลูกสาวไปหาหมอ เพื่อตรวจว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่