ล้อเล่นจนเป็นเรื่อง! หนุ่มถูกหัวหน้างานแซว จ่ายค่าชดใช้ 3.2 เเสน เครียดหนักคิดสั้นจบชีวิต น้องชายเผยพี่ชายเป็นคนนิสัยดี ยอมคน ไม่ได้อยากเรียกร้องอะไร เเต่อยากฝากอุทาหรณ์เรื่องการใช้คำพูด
จากกรณี ครอบครัวร้องสื่อ เหตุน้องชายเป็นพนักงานร้านพิซซ่าแห่งหนึ่ง ภายในห้างดังย่านรังสิต ได้ตัดสินใจจบชีวิตที่บ้านพักในช่วงบ่ายวันที่ 28 ก.พ.67 หลังวันอังคารวันที่ 27 ก.พ.67 ผู้ตายได้ไปทำความสะอาดตู้ทำความเย็น เเต่ด้วยความไม่รู้เผลอใช้น้ำทำความสะอาดจนแผงวงจรช็อตใช้งานไม่ได้ โดนเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าได้พูดทีเล่นทีจริง ให้จ่ายค่าเสียหายกว่า 3.2 แสนบาท ซึ่งเพื่อนร่วมงานยังแซวเล่นจนถึงเช้าวันพุธที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนซื่อ คิดว่าเรื่องจริง ทั้งที่ความจริงแล้วตู้เย็นมีประกันความเสียหาย จึงก่อเหตุดังกล่าวในบ้านพักย่านลำลูกกา ด้วยชุดยูนิฟอร์มพนักงาน
ล่าสุด วันนี้ (1 มี.ค.67) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางมาที่วัดโพสพผลเจริญ ถ. ลำลูกกา ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของนายศรัณยู หรือน้องชิน (เพชร) อายุ 23 ปี ผู้เสียชีวิต ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายปรีชา อายุ 20 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต ทราบว่า ก่อนหน้าที่พี่ชายของตนจะไปเกณฑ์ทหารก็เคยทำงานอยู่ที่ร้านพิซซ่าแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในห้างดังย่านรังสิต แต่หลังจากที่ต้องไปเป็นทหารนานสองปี เมื่อปลดประจำการแล้ว ก็ได้กลับไปทำงานที่ร้านพิซซ่าแห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งการกลับไปครั้งที่ 2 นี้ก็เพิ่งจะนานไม่กี่เดือนเท่านั้น ทำตำแหน่งในครัว เเต่ตนไม่มั่นใจว่าตำแหน่งไหน ซึ่งหลังจากกลับบ้านเพื่อนร่วมงานเก่าๆ ของเขาก็ออกไปหมดแล้ว
ที่ผ่านมาพี่ชายไม่เคยเล่าปัญหาอะไรในที่ทำงานให้พวกตนฟังเลย จะเล่าเเต่เรื่องดีๆ บอกว่าชอบทำงานที่นี่มาก เขาจะเป็นคนนิสัยใจคอดีไม่สู้คนมาตั้งเเต่เด็กแล้ว ตอนเด็กเขาจะเป็นคนสมาธิสั้น เป็นคนซื่อๆ ไม่เคยคิดร้าย หรือเอาเปรียบใคร คนอื่นๆ จึงมักแกล้ง และเป็นคนตามคนไม่ทัน ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่นิสัยดี พอโตมา พี่ชายก็จะเป็นคนคอยดูแลพ่อเเม่ ทำงานเป็นเสาหลักของบ้าน ส่วนพ่อของตนอายุ 59 ปีเเล้ว ก็เป็นโรคไต เบาหวาน ความดัน เเละตาบอด 1 ข้าง เเละต้องไปฟอกไต 3 วันต่อสัปดาห์ พี่ชายก็จะเป็นคนพาไป หรือบางทีก็ไปรับ เเละคอยหาเงินช่วยที่บ้าน ส่วนคุณเเม่อายุ 55 ปี ทำงานรับจ้างทั่วไปเดือนหนึ่งได้เงินเเค่ 4,000-5,000 บาท เท่านั้น แล้วเดี๋ยวนี้คุณแม่ก็ทำงานหนักมากไม่ค่อยได้เพราะแขนข้างหนึ่งก็ยกไม่ค่อยขึ้น ตอนนี้ที่บ้านตนกับพี่ชายจะผลัดกันออกไปทำงาน เพราะจะต้องมีคนอยู่บ้านคอยดูแลพ่อกับเเม่
จนกระทั่งวันเกิดเหตุวันที่ 27 ก.พ.67 พ่อออกไปฟอกไตที่ รพ. ตอนนั้นตนเองก็นอนอยู่ในบ้าน จนช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ตนได้ยินเสียงแม่และแฟนของพี่ชายเอะอะโวยวายเสียงดัง จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่าพี่ชายของตนแต่งตัวด้วยชุดยูนิฟอร์มของร้านพิซซ่า เเละใช้ผ้าขาวม้าของพ่อผูกคอกับราวแขวนผ้าในตู้เสื้อผ้าจนเสียชีวิต ด้วยความตกใจตอนนั้นตนทำอะไรไม่ถูกถึงพยายามแก้ปมผ้าให้ออก เเละช่วยกันพยายามปฐมพยาบาลปั๊มหัวใจ แต่พี่ชายก็ไม่กลับมาแล้ว เพราะตอนที่ไปเจอศพเล็บนิ้วมือของพี่ชายก็เริ่มมีสีเขียวม่วง ซึ่งแพทย์สันนิษฐานว่าพี่ชายน่าจะเสียชีวิตมานานกว่า 2 ชั่วโมงแล้วก่อนจะพบศพ
หลังจากที่พบศพพี่ชายก็ช่วยกันพยายามที่จะหาจดหมายลาเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมพี่ชายถึงทำแบบนี้ ซึ่งแฟนเขาก็ยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะกัน จนกระทั่งไปพบแชท Messenger กลุ่มร้านพิซซ่าในโทรศัพท์มือถือของพี่ชาย พบว่ามีข้อความจากเพื่อนร่วมงานทักมาทวงถามเงินค่าชดใช้ค่าเสียหายตู้ทำความเย็นที่พี่ชายเป็นคนทำพังไปเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุ จำนวน 3.2 เเสนบาท และข้อความอีกมากมายที่ใช้คำพูดรุนแรง ว่าสงสัยจะหนีหนี้ไปแล้วมั้ง รวมถึงมีบางข้อความที่หัวหน้างานพูดว่าจะหักเงินค่าแรงของพี่ชายด้วย
ต่อมาทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้เปิดเผยแชต ซึ่งทางครอบครัวเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้สิบตรีศรัณยู หรือเพชร ตัดสินใจผูกคอจบชีวิต เนื่องจากนายเพชรทำงานเป็นพนักงานภายในร้านพิซซ่า ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต ก่อนจบชีวิต เจ้าตัวเครียดหลังอ่านแชทในไลน์กลุ่มของที่ทำงาน โดยแชตหน้า 1 เป็นการพูดคุยกันในกลุ่มที่ทำงานก่อนวันที่นายเพชรจะเสียชีวิต ซึ่งผู้จัดการถามคนในกลุ่มว่า “ใครสอนให้เอาน้ำราดอุปกรณ์ไฟฟ้าครัว ไหวเปล่า ความรู้พื้นฐานมากนะ” และแชต 2 พนักงานในร้านก็มีการแซวนายเพชรที่เป็นคนทำว่า “พี่เพชรได้สติหรือยัง” ส่วนอีกคนก็มาถามว่า “โดนไรอ่า”
ต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่นายเพชรเสียชีวิต ช่วงเวลา 10.41 น. มีพนักงานคนหนึ่งในร้านพิมพ์ในกลุ่มระบุว่า “พี่แบงค์(ผู้จัดการ) บอกว่า เตรียมเงินมาให้พี่แบงค์ด้วย 320,000 ถ้วน พี่แบงค์ถามว่าเคยเช็ดไหม ฟราย 5555555555555”
แชตหน้า 4 ยังมีการเเซวนายเพชรต่อในช่วงเวลา 11.29 น. ระบุข้อความว่า “หนีหนี้ไปแล้วกลับมาก่อน" แชทหน้า 5 พนักงานในร้านต่างพูดคุยกันเรื่องที่นายเพชรยังไม่มาทำงานและช่วยกันตามตัว ก่อนทราบภายหลังว่านายเพชรได้ผูกคอเสียชีวิตในบ้านพักไปแล้ว นอกจากนี้เมื่อวันอาทิตย์ก่อนหน้าวันเกิดเหตุ 2 วัน พี่ชายของตนก็ถูกหัวหน้างานต่อว่า เรื่องการทำงานโดยบอกว่าจะโดนหักค่าแรงเนื่องจากพี่ชายไม่มีการพัฒนาและไม่มีการปรับตัว
เเม่สะอื้น ลูกชายคิดสั้น คาดถูกกดันจากที่ทำงาน ไม่โกรธแค้นและไม่ต้องการเรียกร้องแค่อยากฝากเป็นอุทาหรณ์
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางเดือน อายุ 55 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดใจกับทีมข่าวว่า ปกตินิสัยใจคอของลูกชายจะเป็นเด็กจิตใจดี ไม่มีพิษมีภัยกับใคร ไม่ถือสาใคร ไม่เคยโต้ตอบใคร ยอมคน เวลาใครว่าอะไรก็เงียบ ตนก็ไม่รู้ว่าลูกชายสะสมความเครียดไว้หรือไม่ ไม่เคยปรึกษาปัญหากับใครเลย เขาทำงานเป็นเสาหลักของบ้าน รักครอบครัว คอยดูแลพ่อเเละเเม่ เพราะตนเองก็ทำงานไม่ค่อยไหวเเล้ว
จนกระทั่งวันที่เกิดเหตุ ตนเองกำลังทำกับข้าวอยู่ในบ้าน ลูกชายก็เดินลงมาถามว่าของนั่นนี่เเละเสื้อผ้าอยู่ไหน หมวกกันน็อกอยู่ที่ไหนตามประสา ก่อนจะถามว่าพ่อไปไหน ตนก็บอกว่าออกไปฟอกไต จนลูกชายเดินออกไปด้านนอกตนก็เข้าใจว่า เขาออกไปทำงานเเล้ว ตนก็ไม่ได้เอะใจ ทำงานบ้านปกติ
จนเวลาเกือบ 14.00 น. ตนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในบ้านตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดว่าเป็นของลูกชาย คิดว่าเป็นของลูกชายคนเล็กหรือไม่ก็ของแฟนเขา จนกระทั่ง นางสาวพลอย แฟนของลูกชายเดินทางมาที่บ้าน ถามว่าลูกชายตนไม่ได้ไปทำงานเหรอ ตนก็ยังงง เเละบอกว่าเขาออกไปทำงานเมื่อเช้า เเต่ตอนนั้นตนไม่รู้ว่ารถ จยย.ของลูกชายยังจอดอยู่หน้าบ้าน จึงบอกให้นางสาวพลอยขึ้นไปดูลูกชายห้องนอน ก่อนจะพบว่าประตูห้องนอนล็อกอยู่ตนจึงไปเอากุญแจสำรองมาไขเปิด ซึ่งจังหวะที่เปิดเข้าไปตนเองก็ยังไม่ทันเห็นว่าลูกชายอยู่ในสภาพไหนเห็นแต่ขาของลูกชายตนจึงบอกแฟนลูกชาย ว่านั่นไงแอบอยู่ตรงนั้น
เเต่สุดท้ายก็มาพบว่าลูกชายผูกคอตายเเล้ว ตนตกใจมาก คิดว่าทะเลาะกับแฟน เลยฆ่าตัวตาย เเต่แฟนสาวก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทะเลาะกัน ตอนนั้นพวกตนเสียงดังมาก จนลูกชายคนเล็กออกมาดูเเละช่วยเเกะผ้าขาวม้าออก จากคอเเละช่วยกันปั๊มหัวใจ หลังจากนั้นมีคนตกใจตนจึงพยายามออกไปตามหาเพื่อนบ้านให้มาช่วยเหลือ เเต่ช่วงกลางวันก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เเต่สุดท้ายก็มีคนช่วยโทรหากู้ภัย
หลังจากนั้นตนก็เห็นเเชตของลูกชายกับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานต่อว่าที่เค้าทำตู้ความเย็นพัง เเละต้องชดใช้เงิน 320,000 บาท ซึ่งตนสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสาเหตุนี้ที่ทำให้ลูกชายเกิดความเครียดเพราะโดยปกติแล้วกอดลูกชายจะขับรถออกไปทำงานนอกบ้านก็มักจะเช็กโทรศัพท์ดูข้อความในมือถือก่อนเสมอ แต่เชื่อว่าในช่วงก่อนเกิดเหตุลูกชายเห็นแชตดังกล่าวจึงกลับขึ้นมาบนห้องและก่อเหตุ อีกทั้งคืนก่อนเกิดเหตุ ตนได้ยินลูกชายคุยโทรศัพท์กับแฟนสาวถามว่าโอเคไหม แต่ตนก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของลูกจึงไม่ได้เข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อวานนี้เป็นการจัดงานศพวันแรกทางพนักงานและผู้จัดการของร้านที่ลูกชายทำงานก็เดินทางมาร่วมงานศพก่อนจะมาขอขมาตนแต่ตนก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยด้วยมากนัก เพราะลูกชายของตนเป็นคนทำร้ายตัวเอง แล้วก็คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ตนไม่ได้โทษใคร เเค่อยากจะฝากกรณีของลูกชายไว้เป็นอุทาหรณ์เรื่องการใช้คำพูดของคน บางคนพูดจาหยอก หรือ เเซวกันรุนเเรง พูดไม่หยุด อาจจะไม่ได้คิดอะไร เเต่คนฟังเขาเครียดเเละคิดมาก จนรับไม่ได้ จริงๆ ไม่ควรจะหยอกกันบ่อยแบบนั้น
หลังจากนั้นนางเดือนได้พาทีมข่าวขึ้นไปดูห้องนอนลูกชายด้านบน ชั้นสองของบ้าน และชี้จุดที่ตู้เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุเคยตั้งไว้ ส่วนตู้เสื้อผ้าที่ลูกชายใช้ผูกคอตนเองก็ได้ให้ลูกลูกช่วยกันแยกชิ้นส่วนและเตรียมที่จะนำไปทิ้งแล้ว ส่วนข้าวของของลูกชายตนเองก็ได้เก็บลงมาไว้ด้านล่างแล้วมีทั้งหนังสือการ์ตูนที่ลูกชายชอบและเสื้อผ้าซึ่งตนตั้งใจว่าจะนำไปบริจาค
แฟนสาวผู้ตายยืนยันทำงานอยู่ที่เดียวกับผู้ตาย ค่าอุปกรณ์เสียหายร้านมีประกันซ่อมให้พนักงานไม่ต้องจ่ายตังค์เอง
ด้านนางสาวพลอย (นามสมมติ) อายุ 22 ปี แฟนของผู้เสียชีวิต ซึ่งได้เปิดเผยแชตสุดท้ายที่ได้พูดคุยกับผู้เสียชีวิตโดยเป็นการวิดีโอคอลกันในช่วง 01.00 น. ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ต่อมาช่วงเช้าก็พยายามที่จะติดต่อกับแฟนหนุ่มแต่ปรากฏว่าแฟนหนุ่มไม่รับสายและไม่ตอบแชทจึงเดินทางมาที่บ้านพักและพบกับเหตุการณ์สลด
นอกจากนี้ยังเปิดเผยเรื่องสะเทือนใจซึ่งนางสาวพลอยเพิ่งคบหาดูใจกับนายเพชรเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์และได้ไปฉลองวาเลนไทน์ด้วยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน
ทั้งนี้นางสาวพลอย ยังได้เล่าว่า ตนเองเพิ่งจะมาทำงานที่ร้านพิซซ่าแห่งนี้ได้นานประมาณ 6-7 เดือนเท่านั้น ส่วนนายเพชรทำงานที่ร้านนี้มานานประมาณ 6 ปีแล้วตอนเเรกที่เจอกัน เขาเป็นคนใจดี ขยันทำงาน ร่าเริง สนุกสนาน ชอบช่วยเหลือคนอื่น เเล้วก็เริ่มสนิทเเละพูดคุยกับมาตลอด จนเพิ่งจะคบหากันได้ยังไม่ถึง 1 เดือน ปกติเวลาพี่เพชรอยู่ที่ร้านคนอื่นๆ อยู่ที่นั้นก็จะมีการพูดแซวกันบ้างเป็นประจำอยู่แล้ว บางคนก็ไม่ได้คิดมากอะไร คนพูดไม่ค่อยคิด เเต่คนฟังก็ไม่ได้สนุกด้วย แต่กับพี่เพชรเขาน่าจะเครียดจริงๆ เเต่ตนเองก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรมาก่อนเลย
ซึ่งมันจะมีเหตุการณ์ในเเชตคือคืนก่อนที่ตู้เย็นจะเสีย พี่เพชรมีการส่งเก็บงานก่อนในช่วง 2 ทุ่ม เเต่จริงๆ เขาเลิกงาน 5 ทุ่ม ผู้จัดการก็เลยดุว่าสรุปเเล้วเลิกงานกี่โมงกันเเน่ เเฟนตนก็เครียดเเต่ก็ไม่เท่าวันที่ทำตู้เย็นพัง ส่วนคำว่าดอยค่าจ้าง คือ เหมือนการติดไว้ก่อน ไม่จ่ายเงิน
ส่วนเหตุการณ์วันที่ผู้จัดการมีการต่อว่านายเพชรในร้าน โดยยืนยันว่าด้วยความที่ผู้จัดการเป็นคนเคร่งครัด เมื่อมีเรื่องงานจึงมีการดุพนักงานบ้าง แต่วันนั้นไม่ได้ดุนายเพชรแรง ที่นายเพชรทำตู้เย็นในร้านได้รับความเสียหาย 1 เครื่อง แต่ปรากฏว่าผลกระทบเป็นวงกว้างเพราะตู้เย็นทุกเครื่องในร้านมีแผงวงจรที่ต่อกัน ทำให้พังทุกเครื่องและใช้งานไม่ได้ ซึ่งในความจริงเเล้ว เวลาของพังหรืออะไรเสียหาย พนักงานไม่ต้องจ่ายเงินเอง เพราะมีประกันอยู่เเล้ว ยืนยันว่าเงินค่าเสียหาย 3.2 แสนบาท พนักงานไม่ต้องจ่าย ซึ่งตนก็คาดว่าพี่เพชรน่าจะเรื่องนี้เพราะทำงานมานาน 6 ปีเเล้ว แต่พนักงานในร้านที่หยอกล้อกันแรงอาจทำให้พี่เพชรเครียดและตัดสินใจจบชีวิตดังกล่าว
นายเพชรเคยบอกกับตนว่าหากตนเรียนจบปริญญาตรี เขาจะมางานรับปริญญาตน จะถ่ายรูปด้วยกัน ซึ่งอีกไม่กี่เดือนตนก็จะเรียนจบเเล้ว เเต่เขาก็ไม่ได้อยู่รอ เเม้ตอนนี้พี่เพชรตัดสินใจใช้วิธีนี้แก้ปัญหา ก็ขอให้เขาไปสบาย ไม่ต้องห่วงอะไรอีกเเล้ว ตนยังรักเเละคิดถึงอยู่ จากนี้สัญญาว่าจะเข้มแข็งและจะดูแลตัวเองให้ดีเพื่อไม่ให้พี่เพชรเป็นห่วง
