เปิดใจ สิบเอก ถูกรุมรับน้องโหด ไฟลนของลับ คดีไม่คืบ

7 ก.พ. 67

 

เปิดใจ สิบเอก ถูกรุมรับน้องโหด ทำร้ายร่างกาย ใช้ไฟลนของลับ ตบบ้องหู คดีไม่คืบ ตำรวจ เผยออกหมายเรียก 19 คน เร่งส่งสำนวนอัยการ 

จากกรณี ส.อ.พิษณุ (ขอสงวนนามสกุล) ส่งข้อความร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าถูกกลุ่มรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่าน อ.เมือง จ.นนทบุรี รุมทำร้ายร่างกาย โดยอ้างว่าไม่เคารพรุ่นพี่ เป็นทหารกร่าง 

โดยกลุ่มดังกล่าวบุกไปที่พักพาตัว ส.อ.พิษณุไปที่เซฟเฮาส์ ใช้ไฟแช็กลนตามร่างกายและอวัยวะเพศ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะปล่อยตัวกลับออกมา 

โดยระบุข้อความว่า “พอดีผมถูกทำร้ายกาย เป็นกลุ่มรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 66 ผมได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี ในวันที่ 11 ก.ค. 66 พร้อมเก็บข้อมูลหลักฐาน และรายชื่อกลุ่มที่ทำร้ายร่างกายผม และได้เก็บภาพวงจรปิดด้วยตัวเอง มีรายชื่อผู้ก่อเหตุจำนวน 19 คน ซึ่ง 1 ใน 19 คนนั้นยังรับราชการตำรวจอยู่ และได้รับมอบอำนาจจากร้อยเวรให้ไปรับใบผลชันสูตรบาดแผลจาก รพ.ให้กับร้อยเวร” 

“หลังจากที่มอบเอกสารข้อมูลหลักฐานทั้งหมดไป ร้อยเวรก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหานั้น หรือออกหมายเรียกผู้ต้องหาสามารถทำได้เลย เพราะพยานหลักฐานต่างๆ ผมได้หามาและส่งมอบให้หมดแล้ว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 66 ผู้ต้องหาในรายชื่อที่ผมแจ้งความเพื่อดำเนินคดี จำนวน 4 คน ได้ก่อเหตุยิง นักศึกษาเสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ตัวผมเองได้ติดต่อสอบถามร้อยเวรตลอด แต่ก็มีข้ออ้างว่าติดธุระและอื่นๆ อีกมากมาย” 

“จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 ผู้ต้องหา 1 ในรายชื่อที่มอบให้ตำรวจก็ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคู่อริฝ่ายตรงข้ามอีกหนึ่งครั้งในพื้นที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ซึ่งการที่ร้อยเวรไม่ได้ดำเนินการ ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุย่ามใจไม่เกรงกลัวกฎหมาย กลุ่มผู้ก่อเหตุที่เหลือยังเป็นนักศึกษา และยังมีเซฟเฮ้าส์เป็นของตัวเอง ทำให้ผมไม่สามารถไปเรียนต่อ เพราะกลัวจะเกิดอันตรายเหมือนครั้งที่ผ่าน ตัวผมเองไม่อยากให้เหตุการณ์ที่ผ่านมาเกิดช้ำอีก และอาจจะมีผู้เคราะห์ร้ายโดนกลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้ไปก่อเหตุอีก“ 

ล่าสุดวันที่ 7 ก.พ. 67 ส.อ.พิษณุ เปิดเผยว่า ตนเข้าไปรับน้อง ทางอาจารย์บอกว่าไม่ควรรับ เพราะว่าไม่ได้อยู่ในกฎของโรงเรียน ตนผิดเองที่หลวมตัวเข้าไป รับน้องรับได้ประมาณ 2 วัน มีปัญหาเรื่องเวลา เพราะว่าเวลารับน้องจะเลิกดึก ตนเรียนภาคค่ำ 6 โมงเลิก 20.00 น.ต้องไปรับน้องต่อ ทำให้มีปัญหาเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว และเรื่องเรียน เลยบอกกับรุ่นพี่ว่าขอออกได้ไหม แต่รุ่นพี่ยังยื้อไว้ไม่ให้ออก บอกว่าไม่เป็นไรถ้ามีปัญหาเรื่องงาน” 

“พอมาถึงวันเกิดเหตุไปเรียนตามปกติ ในกลุ่มรุ่นพี่นั่งอยู่ใต้มหาวิทยาลัยเรียกตนบอกว่าไอ้ทหารมานี่สิ มึงจะออกจากรับน้องใช่ไหม ตนตอบว่าใช่ เขาบอกว่าเพื่อนกูเป็นตำรวจยังรับได้เลย ทำไมมึงไม่เคลียร์กับที่ทำงาน พูดคุยอยู่ครึ่งชั่วโมง รุ่นพี่บอกว่ามึงต้องรับ กูให้มึงรับ ก็เลยคุยกับเพื่อนว่าจะไม่รับน้องแล้ว ทางรุ่นพี่รู้หาว่าตนบอกว่าไม่รับน้องกลัวว่าตนจะไปทำให้คู่อริรู้ว่ามารับน้องมีขั้นตอนยังไงเป็นการขายสถาบัน  ต่อมาเรียกตนไปหลังตึกแล้วรุมเตะ รุ่นพี่บอกว่าตรงนั้นมีกล้องให้ไปที่ริมน้ำเจ้าพระยา ที่ไม่มีกล้องวงจรปิดแล้วให้ตนถอดเสื้อผ้าวนกันเตะ อีกรอบเอามือตบบ้องหู จนตนรู้สึกหูอื้อ ใช้สเปรย์ฉีดเอาไฟแช็คเผาหน้าแข้ง เผาอวัยวะเพศ เผาหน้าท้อง” 

“ถามตนว่ามึงเก๋าหรอ มึงคิดว่ามึงเป็นทหาร มึงออกมาตัวตัวกับกูไหม ตนไม่กล้าเพราะว่าเขามีพวกเยอะกว่า ประมาณ 6 โมงครึ่ง บอกว่าวันนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้วพาตนขึ้นรถไปที่ห้องมืดแล้วถอดเสื้อผ้าหมดบอกว่ามึงเอาเรื่องกูไปขาย มึงเป็นทหารใช่ไหม มึงวิดพื้นเดี๋ยว เพื่อนกูมาครบมึงโดนแน่ พาเพื่อนมาครบใช้สีเปรย์พ่นอวัยวะเพศ ตามรักแร้ ให้กินเหล้าขาวที่ใส่ขี้บุหรี่ ตนทนไม่ไหวพ่นออก โดนพวกรุ่นพี่ตบทำไปเรื่อยจนประมาณ 4 ทุ่ม ให้ตนไปอาบน้ำ ปล่อยกลับไปที่มหาวิทยาลัยบอกว่าให้ตนไปรับน้องให้จบ ถ้ามึงไม่รับ มึงเรียนไม่จบ ถ้ากูเจอมึงที่ไหนมึงโดนแน่” 

“เช้ามาตนไม่ไหว ระบมไปทั้งตัว ไม่ได้ไปโรงเรียน รุ่นพี่ส่งข้อความว่ามึงจะมาไหม โทรมาไม่รับ มึงไม่มากูตามถึงบ้าน ตอนนั้นตนเลยตอบไปว่าเดี๋ยวไป เพราะว่าต้องเอาตัวรอด หลังเกิดเหตุเข้าไปแจ้งความ แต่คดีไม่คืบหน้า ทางตำรวจถามว่าจะเคลียร์หรือเปล่า ตนก็งงจะเคลียร์คืออะไร ตนกังวลหนึ่งในผู้ก่อเหตุมีพ่อเป็นตำรวจ ก็เลยไม่แน่ใจว่ามีการพูดคุยอะไรกันหรือเปล่า ตนโดนทำร้ายช่วงเดือน ก.ค. แต่ช่วงเวลาเดือน ส.ค. ผู้ก่อเหตุไปก่อคดีซ้ำอีก มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน และทางญาติคนตายมีการโวยวายหน้าโรงพัก ตนเห็นคดีไม่คืบหน้าเลยมาร้องสื่อแทน

ด้าน พ.ต.ท.บำเพ็ญ ไวยรจนา รอง ผกก.(สอบสวน) หน.งานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี กล่าวว่า ตั้งแต่น้องผู้เสียหายมาร้องทุกข์แจ้งความได้มีการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด ในการสอบสวนก็ทราบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด 19 คน ได้ดำเนินการออกหมายเรียกติดตามตัวมาทั้ง 19 คนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบแล้วทุกคน เอกสารครบพร้อมที่จะส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 1-2 วัน 

ที่ดำเนินการล้าช้า เพราะจำนวนผู้ต้องหามีหลายคน มีการผลัดบ้าง ก็ได้พยายามติดตามทุกคนมา แม้กระทั้งติดต่อทางมหาลัย และศิษย์เก่าเพื่อติดตามผู้ก่อเหตุ ซึ่งทุกคนได้รับทราบข้อกล่าวหาครบทุกคน ส่วนเรื่องที่มีตำรวจเป็น 1 ในผู้ก่อเหตุ ก็ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่าเป็นตำรวจจริง ส่วนในเรื่องของเราก็ดำเนินคดีอาญาไป ในเรื่องของทางวินัยก็ต้องทำบันทึกแจ้งทางต้นสังกัดของตำรวจนายนั้นให้เป็นไปตามขั้นตอน

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส