หลวงพี่น้ำฝน รับช่วยคุณยายมาลัย วัย 70 ปี ตาบอด สามีเสียชีวิต ไม่มีเงินจัดงานศพ อึ้งชีวิตไร้ญาติลำบากหนัก เหลือตัวคนเดียว ไม่มีงานไม่มีเงิน
เรื่องราวสุดรันทดของ ยายมาลัย เจริญพร วัย 70 ปี ชาว จ.นครปฐม ซึ่งเป็นผู้พิการตาบอด สูญเสียสามีจากอาการป่วย และต้องมารับศพสามี เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา แต่ไร้เงินและญาติ ไม่มีที่พึ่ง โดยได้ขอให้วินจักรยานยนต์รับจ้างช่วยพามาขอความอนุเคราะห์จากหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมนั้น
วันที่ 24 ม.ค. 67 ที่วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้มีการจัดอนุเคราะห์ประกอบพิธีศพตามโครงการสวดเผาฟรีให้กับ นายสุพจน์ หมอกจันทร์ทึก ชาวจ จ.สระบุรี ซึ่งเสียชีวิตจากโรคตับ และนอนติดเตียง โดยมี นางมาลัย เจริญพร อายุ 70 ปี ภรรยาซึ่งมีความพิการทางสายตานั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเข้ามาติดต่อกับพระครูสมุห์รัตภูมิ ฐานิโย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสผู้ดูแลโครงการ ซึ่งเมื่อพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ทราบข่าวจึงได้ดำเนินการเข้าโครงการสวดเผาฟรีวัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มีการสั่งการให้ติดตามดูแลการดำเนินชีวิตอย่างต่อเนื่อง
นายวิพน จะนุรัตน์ อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ช่วยเหลือ บอกว่า ช่วงที่ตนกำลังขี่รถจักรยายนต์ไปส่งผู้โดยสารเสร็จแล้ว ได้มาพบคุณยายมาลัยนั่งเหม่อลอยอยู่แถวป้ายรถเมล์ ซึ่งเคยขี่รถไปรับส่งแล้วรู้ว่าที่บ้านยากจน และคุณยายก็มีความพิการทางสายตา จึงได้เข้าไปจอด และสอบถาม จึงได้รับคำตอบว่าสามีเพิ่งเสียชีวิต ไม่รู้จะเอาศพไปไว้ที่ไหน และต้องดำเนินการอย่างไร จึงได้บอกไปว่าวัดไผ่ล้อมมีโครงการสวดเผาฟรี และได้รับขึ้นรถมาสอบถามที่วัด ได้รับการตอบรับการช่วยเหลือทันที
นางมาลัย เล่าว่า ตนอยู่กับนายสุพจน์ตามลำพังที่ ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งสามีป่วยเป็นโรคตับและนอนเตียงมาได้ระยะหนึ่ง ชีวิตมีความลำบาก เพราะพิการดวงตาขวาบอดสนิท และใช้ชีวิตทั้งรับจ้าง ขอเงินคนที่ใจบุญ เพื่อนำเงินมารวบรวมกับเบี้ยผู้สูงอายุในการจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนละ 700 บาท ในบ้านพักที่เป็นเพิงไม้บนที่ดินที่ขออาศัยเขาอยู่ โดยวันที่สามีเสียชีวิตก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้ไปนั่งคิดวิธีการอยู่ที่ป้ายรถเมล์ จนมาพบนายวิพนก่อนจะได้เข้ามารับการช่วยเหลือจากหลวงพี่น้ำฝน
ด้าน หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า สำหรับกรณีของคุณยายมาลัย มีพระผู้ช่วยมาแจ้งปัญหาให้ทราบ จึงได้ให้เข้าไปตรวจสอบที่บ้านพัก พบว่ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างลำบากมาก จึงได้อนุเคราะห์จัดพิธีศพให้สามีฟรีทั้งหมด พร้อมทั้งทราบว่าไม่สามารถมางานศพได้ เพราะไม่มีเงิน จึงได้จัดให้เจ้าหน้าที่วัดและทีมพระที่ดูแลนำรถไปรับส่งช่วงสวดพระอภิธรรม 1 คืน จากนั้นเมื่อมีการฌาปนกิจและก็ได้นำไปถึงการลอยอังคารให้ครบจบกระบวนการทั้งหมด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และได้มอบปัจจัยส่วนหนึ่งให้เป็นค่าอาหาร และดำรงชีพ ส่วนที่บ้านพบว่าไม่มีข้าวสารอาหารแห้งก็จะได้นำไปมอบให้อีก เพื่อใช้ดำเนินชีวิต